นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 183 ไปบ้านฉันหรือว่าบ้านนาย
ตอนที่ 183 – ไปบ้านฉันหรือว่าบ้านนาย
“บอกฉันมาว่าบ้านนายอยู่ที่ไหน” ยางยางกล่าวอย่างอยากรู้
ชิ่งเฉินมองไปทางเด็กสาว “ฉันว่าก่อนจะถามคนอื่น ก็ควรบอกข้อมูลของตัวเองก่อนใช่รึเปล่า?”
“ได้ ฉันเอาข้อมูลของตัวเองมาแลกเปลี่ยนกับนายนะ” ยางยางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “บ้านฉันอยู่เขตที่หกอาคารลวี๋อวิ๋น 802 นายบอกมาได้แล้ว”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าจริงหรือเท็จ” ชิ่งเฉินก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ยังไงเธอก็มีประวัติโกหก เราสองคนก็อย่าเชื่อถืออีกฝ่ายง่าย ๆ จะดีกว่า”
“ไม่ซื่อสัตย์สักนิด!” ยางยางเบ้ปากกล่าว “หลายวันก่อนนายยังพูดอย่างเสียดายมากอยู่เลยว่าหลังมาถึงโลกภายในการฝึกตนห้องแรงโน้มถ่วงจะต้องชะงักกลางคัน ตอนนี้ให้โอกาสนายได้ฝึกตนต่อ นายกลับไม่ทะนุถนอม! นายดูซิ ฉันถามว่าบ้านนายอยู่ไหนก็เพื่อช่วยนายฝึกตนนะ!”
“นั่นเธออยากช่วยฉันฝึกตนเหรอ?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ฉันว่าเธออยากประหยัดค่าข้าวน่ะสิ!”
“คนที่อยากเชิญฉันกินข้าวตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันยังไม่ปลื้มเลย”
ทั้งสองคนปะทะฝีปากกันเสียงเบา ๆ ในคาบ ไม่ได้แยแสความรู้สึกของเพื่อนนักเรียนคนอื่นเลย
ในสายตาเพื่อนนักเรียนคนอื่น นักเรียนย้ายเข้าชิ่งเฉินผู้ดึงดูดสายตาคนนั้นมาที่ห้องเรียนเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากอย่างหนึ่ง
แล้วอีกฝ่ายพอมาถึงที่นี่ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ยางยาง แล้วยังรู้จักกับยางยางมาก่อน นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งเพิ่มความแปลกใหม่
คนมีแอบคิดกับตัวเองว่า ชิ่งเฉินคนนี้ถูกผู้อำนวยการชั้นปีส่งด้วยตัวเองเลย แล้วยังแซ่ชิ่ง หรือว่าจะเป็นลูกหลานสักคนของตระกูลชิ่ง?
ตามสามัญสำนึก ลูกหลานกลุ่มการเงินจะไม่เข้าเรียนนอกสามเขตบนเลย เพราะว่าสภาพทางการศึกษาอยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง
แต่ถ้าหากนักเรียนย้ายเข้าคนนี้เป็นผู้ที่จงใจพุ่งมาหายางยางล่ะ?
ลูกหลานกลุ่มการเงินย้ายโรงเรียนเพื่อเด็กสาวชาวบ้าน นี่มันอย่างกับเซ็ตติ้งของนวนิยายมากเลยนะ!
ชั่วขณะนั้น ชิ่งเฉินลึกลับขึ้นมาในสายตาของเพื่อนนักเรียนทั้งหมด
เด็กสาวผมเงินคนนั้นมองดูชิ่งเฉินกับยางยางสนทนากันเสียงเบา ๆ คิดโยงถึงแซ่ของชิ่งเฉิน แล้วย้อนทบทวนถึงชายกลางคนที่ท่าทางไม่ธรรมดาคนนั้น
จู่ ๆ รู้สึกว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตัวเองเหมือนจะเสียเปล่า
ระหว่างคาบเรียน ครูเข้าไปในห้องเรียนใช้เวลา 15 นาทีอ่านเนื้อหาที่พวกเขาต้องเรียนวันนี้หนึ่งรอบ จากนั้นประกาศให้เริ่มการศึกษาด้วยตนเอง
ชิ่งเฉินมองแผ่นหลังของครูคนนี้เดินจากไปแล้วถามว่า “พวกเขาสอนกันอย่างนี้เหรอ?”
ยางยางกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “จรรยาบรรณครูของครูโรงเรียนรัฐระดับมัธยมปลายที่นี่ห่วยมาก ครูเลขคนนี้อยู่ที่โรงเรียนไม่พูดถึงเนื้อหาจริง ๆ แล้วก็ไม่ตอบคำถามนักเรียน นักเรียนอยากเรียนรู้บางอย่างก็จะต้องไปเข้าคาบติวของเขาหลังเลิกเรียน”
หลังจากครูไปแล้ว ในห้องเรียนมีเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นมาช้า ๆ พวกนักเรียนกระซิบกระซาบกันไม่รู้ว่าพูดอะไร
มองออกไปจากหน้าต่าง ป่าเหล็กกล้าที่อยู่ห่างไกลมืดมน เขตโรงเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ สงบสันติและงดงาม
ในเขตโรงเรียนเขียวชอุ่ม สโลแกนการเดินขบวนที่พวกนักเรียนติดเอาไว้ทั้งปลุกเร้าและสร้างแรงบันดาลใจ
ที่นี่ราวกับสวนท้อเหนือโลกีย์ผืนหนึ่ง
ชิ่งเฉินจู่ ๆ เข้าใจขึ้นมา หลี่ซูถงจงใจจัดแจงสถานะนักเรียนให้ตนเอง อันที่จริงก็คืออยากให้ตนเองเป็นอย่างวัยรุ่นคนอื่น ๆ ทำตัวเป็นนักเรียนจริง ๆ ที่ไร้ห่วงไร้กังวล
ยังมีวัยหนุ่มสาวที่ไร้การควบคุมซึ่งเขาไม่เคยได้ครอบครองเลยที่โลกภายนอก
หลี่ซูถงใช้การกระทำนี้บ่งบอกต่อเขาว่า : อย่าไปคิดถึงการวิ่งแข่งกับเวลาอยู่ตลอด เรื่องของครูครูจะไปทำเอง เธอชดเชยชีวิตที่ตัวเองเคยพลาดไปก่อนนะ
ยังมีเด็กสาว
ชีวิตที่ชิ่งเฉินเคยประสบขมขื่นเกินไป จนกระทั่งหลี่ซูถงหวังว่าเขาจะสามารถหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาใหม่
แสงตะวันนอกหน้าต่างสาดส่องไปบนใบหน้าของชิ่งเฉิน ยางยางที่อยู่ข้างกายเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “คิดอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เด็กหนุ่มหันศีรษะกลับมายิ้มตอบ
เสียงกริ่งปล่อยคาบที่สี่ดังขึ้น ยังไม่ทันที่ชิ่งเฉินจะลุกก็เห็นเพื่อนนักเรียนชายหญิงสิบกว่าคนพุ่งไปที่ประตูของมัยมปลายปีสองห้อง 3 โบกมือให้ยางยางอย่างตื่นเต้น
ยางยางเดินไปที่ประตู เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งหยิบรีดเดอร์ออกมากล่าวว่า “ยางยาง เช้าวันนี้มีคนอีกสามสิบกว่าคนลงชื่อเข้าร่วมการเดินขบวนสุดสัปดาห์ พวกเขาบอกว่า 7 โมงเช้าจะมาชุมนุมกับพวกเราที่จตุรัสอวิ๋นซ่างให้ตรงเวลา”
เพื่อนนักเรียนชายด้านข้างอธิบายว่า “ถึงแม้ว่าจะมีคนครึ่งหนึ่งพุ่งตรงไปที่การแจกอาการฟรี แต่นี่ก็ถือเป็นพัฒนาการ ยังเป็นยางยางที่ฉลาดกว่า หาสปอนเซอร์มาก่อน!”
บนใบหน้าพวกเพื่อนนักเรียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูสดใสเป็นพิเศษ
เวลานี้ ชิ่งเฉินหันร่างไปถามเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งข้างหลัง “สวัสดี ฉันอยากถามว่าชื่อเต็มของยางยางเรียกว่าอะไรเหรอ?”
“เฉินยางยางไง” เพื่อนนักเรียนกล่าวตรง ๆ เขาถึงขนาดยังรู้สึกพิกลอยู่บ้าง นักเรียนย้ายเข้าคนนี้แม้แต่ชื่อเต็มของยางยางยังไม่รู้ แต่กลับคุยกับยางยางอย่างกระตือรือร้นขนาดนั้น?
ต้องทราบว่า ตลอดทั้งเช้าเมื่อครู่นี้ ยางยางและชิ่งเฉินกระซิบกระซาบกันตลอดเลย!
ตอนที่ชิ่งเฉินอยากถามอะไรอีกหน่อย ยางยางพอหันหน้ากลับมาเห็นชิ่งเฉินเหมือนจะล้วงความลับของตนเองก็ยิ้มแล้วโบกมือให้เขา “ชิ่งเฉิน มาทางนี้”
ว่าแล้ว ยางยางถึงกับกล่าวกับเพื่อนนักเรียนพวกนั้นที่มาหาเธอว่า “แนะนำกับพวกเธอหน่อยนะ เพื่อนนักเรียนที่เพิ่งย้ายมาที่โรงเรียนของพวกเราคนนี้ฉลาดมาก แล้วก็อยากจะเข้าร่วมในการเดินขบวนของพวกเรา ตอนเช้าเขายังบอกว่ามีข้อเสนอแนะดี ๆ อย่างหนึ่งอยากจะบอกกับทุกคนเลยนะ!”
ในพริบตาเดียว เพื่อนนักเรียนสิบกว่าคนมองมาทางชิ่งเฉินด้วยสายตาเป็นประกาย
จนถึงขนาดที่ชิ่งเฉินซึ่งกำลังลุกขึ้นร่างแข็งทื่อไปทันที
เขามองยางยาง แววตาราวกับจะบอกว่าเธอขุดหลุมลึกเกินไปแล้วปะ
ชิ่งเฉินคิดไม่ออกนิดหน่อย หลังตนเองมาโลกภายในแล้วยังต้องเข้าเรียนก็ช่างเถอะ ทำไมแม้แต่การเข้าเรียนยังกลายเป็นนิทานจอมโกหกสองคนประลองปัญญาประลองความกล้ากันได้ล่ะเนี่ย?!
เขามองสายตาคาดหวังของทุกคน จู่ ๆ กล่าวกับยางยางว่า “ฉันอยากจะวางแผนเส้นทางการเดินขบวนใหม่สักหน่อย ให้แผนการเดินขบวนสมบูรณ์ขึ้น……จริงสิ เมื่อเช้าเธอยังบอกกับฉันว่าอยากจะแต่งเพลงมาประกอบการเดินขบวนครั้งนี้นิ เธอบอกว่าคอรัสที่สามารถปลุกเร้าจิตใจคนในการเดินขบวนหมื่นคนรอบนี้ ไม่เพียงสามารถปลุกเร้าผู้เดินขบวน ยังสามารถส่งผลต่อคนที่มุงดู”
สีหน้ายางยางก็ไม่ดีนัก เธอพูดเมื่อไหร่ว่าอยากแต่งเพลง เธอไม่เคยเรียนการแต่งเพลงเลยด้วยนะ!
ยางยางคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันมีไอเดียนี้ แต่ว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้จริง ๆ!”
ชิ่งเฉินกล่าวว่า “เมื่อเช้าเธอยังร้องให้ฉันฟังเลย เพราะมาก ๆ แต่ฉันจำไม่ได้นิดหน่อย เธอร้องให้ทุกคนฟังเถอะ!”
ยางยางมองชิ่งเฉินกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง จอมโกหกสองคนสบตากันอย่างไร้เสียง
ขณะนี้ ชิ่งเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายขุดหลุมให้ตัวเองต่อได้รีบกล่าวว่า “งั้น……พวกเธอคุยกันต่อนะ ฉันยังมีธุระต้องเลิกเรียนก่อน”
ว่าแล้ว เขาเดินไปนอกห้องเรียน ทะลุผ่านทางเดินอย่างว่องไว
กลับได้ยินยางยางกล่าวว่า “นายรอฉันด้วย เราสองคนไปด้วยกัน”
กลุ่มคนสงบนิ่งทันที ทั้งหมดมองไปทางชิ่งเฉินเงียบ ๆ
พวกเขามองแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม ชุดกีฬาสีขาวไม่เปื้อนฝุ่นสักเม็ด ท่วงท่าก็ตั้งตรงเป็นพิเศษ
ทุกคนย้อนนึกถึงใบหน้าของชิ่งเฉิน ดูเหมือนกว่าก็สมกับยางยางมากเลยจริง ๆ
แต่ทว่า หลังจากยางยางตะโกนจบชิ่งเฉินไม่ได้หยุดลงเลย แต่ทว่ายิ่งเดินยิ่งเร็ว ดูท่าแค้นที่ไม่อาจวิ่งหนีด้วยซ้ำ!
ยางยางเห็นดังนี้ก็พูดกับทุกคนว่า “โทษที ฉันก็ไปก่อนล่ะนะ ยังมีธุระต้องถกกับเขาอีก!”
ว่าแล้ว ยางยางออกวิ่งไล่ตามไป เส้นผมดำยาวพลิ้วไปด้านหลัง
ที่ประตูห้องเรียน เพื่อนนักเรียนทั้งหมดล้วนมองดูแผ่นหลังของคนสองคนอย่างไร้เสียง ฉากเหตุการณ์ประหลาดบนทางเดินปรากฏขึ้นเบื้องหน้า และทุก ๆ คนล้วนรู้สึกว่าตนเองเหมือนกับอุปกรณ์ประกอบฉากในฉากนี้
เห็นเพียงยางยางวิ่งไปถึงข้างกายชิ่งเฉินแล้วเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป เสียงของเด็กสาวลอยมาจากด้านหน้า “ไปบ้านนายหรือไปบ้านฉัน?”
เพื่อนนักเรียน “???”
พวกเพื่อนนักเรียนมองหน้ากัน สีหน้าตกใจบนใบหน้าของทุกคนกำลังผุดขึ้นมา
นี่มันเปิดเรื่องอะไรเนี่ย? มีคนกดปุ่มฟาสฟอร์เวิร์ดให้โลกใบนี้เหรอ? !
สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?
ยางยางซุกมือทั้งคู่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออยู่ข้างกายชิ่งเฉิน ยิ้มแย้มกล่าวว่า “อย่าหมดความอดทนขนาดนี้เลยนะ มาเข้าร่วมการเดินขบวนด้วยกันเถอะ ที่โลกภายนอกนายจะไม่ได้เห็นเรื่องประเภทนี้เลยนะ”
“ไม่ไป” ชิ่งเฉินส่ายหน้า
ยางยางกล่าวว่า “นายไม่รู้สึกเหรอว่ามันน่าสนใจมาก เทียบกับนักเรียนม.ปลายที่นี่ นักเรียนม.ปลายของโลกภายนอกรู้แค่การฝนคำตอบกันหมดเลย”
ระหว่างที่พูด ทั้งสองคนก้าวขึ้นรถรางเบาที่จอดหน้าประตูโรงเรียน
ยางยางอึ้งไปหน่อย เพราะว่าเด็กสาวผมเงินเจิ้งอี้คนนั้นที่อยู่ห้องเดียวกันอยู่ในรถแล้ว “สวัสดีนะเจิ้งอี้ เธอก็นั่งรางเบาเบอร์ 21 กลับบ้านเหรอ?”
“อืม” เจิ้งอี้พยักหน้า ว่าแล้วเธอก็มองชิ่งเฉิน “ฉันกับเขาเป็นเพื่อนบ้าน อยู่ห้องตรงข้ามกัน”
ชิ่งเฉินเห็นยางยางสายตาแวววาวขึ้นมา เขารู้ในทันทีว่าจบเห่แล้ว