[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 62 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [1]
“ตั้งแต่ตอนนั้นมา คาราเทก้านี่ก็เหลือเกินจริงๆ เลยนะ”
TN: ชื่อเล่นอย่าง [คาราเทก้า] เป็นการอ้างอิงจากเกมคาราเต้ karateka ปี 1984
ฉันบ่นออกมาระหว่างที่จิบไวน์แดงไปด้วย โทริโกะที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นมาเลย
“คาราเทก้า?”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นไง ที่บอกว่าตัวเองเล่นคาราเต้น่ะ”
พวกเราอยู่ที่บาร์ไวน์ใกล้ๆ กับร้านหนังสือจุนคุโดในอิเคบุคุโระ วันนี้เป็นกลางสัปดาห์ แต่ลูกค้าก็โอยู่กันเต็มร้านไฟสลัวนี่เลย ตรงมุมร้านที่มีคู่รักกำลังสนุกกับมื้ออาหารกัน พวกเราก็จัดงานเลี้ยงหลังจบงานกันเองอยู่ด้วย
“อ๋อ เธอชื่อเซโตะ อาคาริใช่มั้ย?”
“ว้าว ความจำดีจังเลยนะ ฉันลืมไปแล้วล่ะ”
“นิสัยเสียจังเลยนะเธอเนี่ย”
“ยังไงก็ช่างเถอะ สำหรับฉัน ยัยนั่นก็คือคาราเทก้านั่นแหละ”
การเดินทางไปโลกเบื้องหลังคราวก่อนของพวกเรา… หรืออันที่จริง คือพื้นที่ตรงกลางระหว่างโลกเบื้องหน้ากับโลกเบื้องหลัง มีอาคาริ รุ่นน้องที่มหาลัยของฉันไปด้วย เซโตะ อาคาริ ที่เล่นคาราเต้นั่นแหละ ฉันได้ฟังคำขอของเธอ แล้วหลังจากพวกเราหนีพวกกันมา ก็หลุดหลงเข้าไปในเมืองแมวในตอนท้ายอีก โนววววว
“ฉันหมายถึง ตั้งแต่โผล่หน้ามาเจอกันครั้งแรก ยัยนั่นก็มาถามเรื่องอย่าง ‘รุ่นพี่! รุ่นพี่สัมผัสวิญญาณได้ใช่มั้ยคะ!?’ เลย ตอนนั้นฉันก็รู้สึกได้เลยล่ะว่าต้องมีอะไรแหม่งๆ แน่ แต่เหมือนว่ายัยนั่นจะสนใจเรื่องพวกนี้มามาตั้งแต่แรกแล้วด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นมา ยัยนั่นก็เอาแต่โทรมาหาฉันตลอดเลย แถมไปโรงอาหารทีไร ยัยนั่นก็โผล่มาทุกทีเลยด้วย เอาแต่มาเกาะแกะฉันจนรำคาญน่าหงุดหงิดสุดๆ ไปเลยเนี่ย”
“ฟังดูเหมือนเธอคนนั้นจะถูกใจเธออยู่นะ อย่างน้อยเนี่ย ทำไมไม่จำชื่อของเธอเอาไว้ซักหน่อยล่ะ?”
“มีหมามีแมวมาตามฉันไปด้วยทุกที่เนี่ยฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่พอเป็นคนแล้วนี่ การรับมือด้วยมันยุ่งยากเปล่าๆ น่ะสิ”
“หืม นี่เธอจำชื่อฉันได้หรือเปล่าเนี่ย?”
“จำได้อยู่แล้วสิ”
“ลองเรียกให้ฟังหน่อยได้มั้ย?”
“…คุณนิชินะ”
“แหม ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกสดชื่นนิดๆ เหมือนกันนะ คุณคามิโคชิ”
ตรงหน้าพวกเราตอนนี้มีจานไม้ใส่แฮมดิบวางเรียงคลุมไว้ทั่วจานอยู่ด้วย แล้วโทริโกะก็ใช้นิ้วโปร่งแสงของเธอหยิบมันขึ้นมาชิ้นนึง ในที่ที่อาจจะมีคนเห็นได้เนี่ย ขนาดเวลากินอาหาร เธอก็ยังใส่ถุงมือเอาไว้เลยนะ แต่ตอนที่เรานั่งหันหลังอยู่หลังร้านแบบนี้ หรือในห้องเดี่ยว เธอก็มักจะถอดออกประจำเลย
ถึงจะบอกว่าโปร่งแสงก็จริง แต่พวกมันไม่ได้ล่องหนจนมองไม่เห็นหรอกนะ การที่มันมีแสงส่องจากแสงรอบๆ ก็จะเห็นได้อยู่น่ะมีนิ้วของเธออยู่ตรงนั้น แต่ถ้าจ้องเขาไปดีๆ แล้วก็จะเห็นว่าขอบของนิ้วพวกนั้นน่ะมันจะเบลอๆ รู้สึกเหมือนว่ามันจะสลายละลายไปในอากาศได้ยังไงยังงั้นเลย
ระหว่างที่ฉันนั่งมองมือประหลาดข้างนั้นหยิบแฮมชิ้นนึงส่งเข้าปากของเธออยู่ยังงั้น ฉันก็กังวลขึ้นมาเหมือนกันว่าเท้าของฉันเองอาจจะหายไปแบบนั้นเหมือนกันก็ได้
“…ใช้ส้อมมั้ย?”
“อันนี้ถือว่ามารยาทไม่ดีงั้นเหรอ?”
โทริโกะเงยคางขึ้น กลืนเนื้อชิ้นนั้นลงคอ ต่อด้วยเลียนิ้วของตัวเองต่อ
“ยังกับพวกสัตว์เลยนะ”
“ยังงั้นเหรอเมี้ยว?”
“นี่ชอบลงท้ายประโยคด้วย เมี้ยวๆ แล้วหรือไงเนี่ย?”
“ฉันชอบสีหน้าตลกๆ ของเธอตอนที่ฉันทำแบบนี้น่ะ”
“นิสัยเสียจังเลยนะ คุณนิชินะ”
พวกเราทั้งคู่ยกแก้วของพวกเราขึ้นดื่มกัน ไวน์แดงขึ้นฟองนี่ที่เขาบอกว่าเข้ากันได้ดีกับแฮมดิบกับซาลามีได้ทั้งรสชาติทั้งกลิ่นของผลไม้ดีเลย แล้วมันก็ไม่ได้มีแอลกอฮอล์สูงเท่าไหร่เลยด้วย ก็เลยดื่มลงคอไปได้ง่ายๆ เลย มันไม่ได้แรงขนาดนั้น
TN: ซาลามี (Salami) คือไส้กรอกที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ โดยทั่วไปคือเนื้อหมู ที่ถูกหมักและตากลม ผสมกับกระเทียม, ไขมันสับ, เกลือ, เครื่องเทศ (ทั่วไปมักจะเป็นพริกไทยขาว), สมุนไพรต่าง ๆ, น้ำส้มสายชู และไวน์ ในอดีตซาลามีเป็นที่นิยมในหมู่ชาวไร่ชาวนาของยุโรปใต้ ตะวันออก และกลาง เพราะสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานถึง 40 วันเมื่อหั่นแล้ว
“เธอน่าจะพาคาราเทก้าจังมาด้วยกันนะวันนี้”
“เอาจริงดิ?”
“รู้มั้ย? ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งคึกครื้นนะ”
“ไม่มีทาง… ให้ยัยนั่นมาอยู่รอบๆ ล่ะก็ คงสงบใจไม่ได้กันพอดี”
ฉันทำหน้าบึ้ง ส่วนโทริโกะก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดต่อ
“เด็กคนนั้นตามตื้อเธอไปทั่วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“กลายเป็นว่าคาราเทก้าจะอยู่ใกล้ๆ กับห้องพักของฉันน่ะสิ คือแบบ พอมาลองคิดๆ ดูแล้วนี่ พวกเราก็เรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน เพราะงั้นมันก็ไม่ได้แปลกอะไรล่ะนะ ยัยนั่นจะเข้ามาหาฉัน ทักขึ้นมาแบบตีซี้กันเลย แบบ ‘รุ่นพี่คะ! รุ่นพี่คะ!’ แถมเพราะเธอรู้ด้วยว่าฉันมีปืนอยู่ จะทำอะไรหยาบคายไปก็ไม่ดีด้วย”
“ฮิฮิ”
ระหว่างที่ฉันกำลังระบายปัญหาของตัวเองมาอย่างจริงจัง โทริโกะก็ยังหัวเราะคิกคักอีก
“มีอะไรน่าตลกเหรอ?”
“แค่คิดว่าเธอเปลี่ยนไปแค่ไหนเท่านั้นเอง ตอนนี้ เธอมีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉันแล้วนี่!”
“ย-… ยัยนั่นไม่ใช่เพื่อนฉันโอเคมั้ย!? ใครจะไปเป็นเพื่อนกับยัยคนแบบนั้นกันได้ล่ะฮะ!”
พอฉันทักท้วงออกมาแบบนั้น โทริโกะก็หรี่ตามอง เหมือนเป็นสายตาที่มองอย่างอบอุ่นยังไงยังงั้นเลย
ฮะ? อะไรกันเนี่ย? คือตอนนี้ฉันโดนเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแล้วใช่มั้ย?
ฉันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอะไรซักอย่างที่ไม่เข้าใจเท่าไหร่ ก่อนจะปฏิเสธอะไรนั่นที่โทริโกะพูด
“ฟังนะ ไม่ใช่ว่าฉันซึนเดเระหรืออะไรแบบนั้นเลย ฉันพูดแบบนั้นก็เพราะฉันหงุดหงิดกับยัยนั่นจริงๆ”
“เสียหายตรงไหนล่ะ? ไม่เห็นต้องเย็นชาแบบนั้นเลยนี่ มีคนที่ชอบใจเธอแบบนี้ก็ดีออกนะ”
“โหวๆ หยุดตรงนั้นเลย แบบนี้เลยล่ะที่เขาว่ากันว่า คนที่ไม่ได้โดนตามสตอล์คเกอร์น่ะไม่มีทางเข้าใจคนที่ตกเป็นเหยื่อหรอก”
“งั้นเหรอ? เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินเธอบ่นถึงคนอื่นในบทสนทนาด้วย เรื่องตั้งชื่อเล่นให้นั่นก็เหมือนกัน”
“นั่นสินะ ก็อาจจะใช่ แต่อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้บ่นหน่อยเถอะ!”
“รู้หรือเปล่า? การฟังคนอื่นบ่นเนี่ย ไม่ใช่เรื่องที่ฉันเก่งซักเท่าไหร่ด้วยสิ”
โทริโกะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมีเลิศนัย ฉันก็จ้องเขม็งใส่เธอกลับไป
เธอทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นสีหน้าของฉันที่ทำใส่ ก่อนจะแอบใช้นิ้วฉกเอาซาซิมิเข้าปากไปแล้วอีกชิ้นนึง
มันอะไรน้า? รู้สึกเหมือนมีอะไรซักอย่างที่มันต่างจากทุกที
อ้อ! จริงสิ! ทุกทียัยนี่ต้องสั่งมาแบบเยอะเกินกว่าที่เราจะกินกันไว้ตั้งแต่แรกเลยนี่นา แต่ครั้งนี้ เธอคุมตัวเองไว้อย่างผิดหูผิดตาเลย เธอสั่งมาแค่ไวน์เปิดมื้ออาหาร แล้วก็แฮมกับซาลามีอย่างละจานเอง
“อยากสั่งอะไรเพิ่มมั้ย?”
“อืม แล้วแต่เธอเลย”
…นั่นไง มีอะไรแปลกๆ จริงๆ ด้วย
ฉันพอจะนึกเหตุผลได้อยู่นะ : โทริโกะกำลังนึกถึงคุณซัทสึกิอยู่แน่
ฉันไม่ได้ยินชื่ออุรุมะ ซัทสึกิจากโทริโกะมาซักพักนึงแล้ว นึกว่าเธอจะก้าวข้ามเรื่องนี้มาได้แล้วซะอีก แต่ไม่ใช่เลย การได้ยินชื่อของซัทสึกิออกจากปากของอาคาริอย่างคาดไม่ถึงนั่นต้องกวนใจเธอมากแน่ๆ
ฉันหมายถึง เธอไม่ได้ออกจากบ้านมาซักพักเลยตั้งแต่การออกสำรวจครั้งล่าสุดของพวกเรา ในใจโทริโกะตอนนี้คงเวียนวนอยู่กับเรื่อง ‘เพื่อน’ ที่ยังหายตัวไปอยู่ของเธอแน่เลย
พอคิดได้แบบนั้น ฉันก็ถามออกไป
“นี่ โทริโกะ… ไม่ใช่ว่าเธอจะออกไปคนเดียวอีกแบบตอนนั้นใช่มั้ย?”
โทริโกะตกใจจนหันขวับมามองที่ฉันเลย
“หาาาาาาา? อะไรกันน่ะ จู่ๆ ก็?”
พอฉันจ้องกลับไปที่เธอ โทริโกะก็ยิ้มหน้าแข็งๆ แล้วส่ายหน้าให้
“ไม่ต้องห่วง เข้าใจแล้วน่า ฉันไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วแน่นอน ไม่เป็นไรหรอก”
น้ำเสียงของเธอนั่น ฟังแล้วไม่ได้ช่วยลดความสงสัยให้ฉันเลย
มันทำให้ฉันนึกถึงเมื่อประมาณเดือนก่อน หลังจากที่พวกเราหนีมาจากชายหาดที่โลกเบื้องหลังได้ แล้วมาโผล่ที่เกาะอิชิงาคิเลย
ตอนนั้น ฉันเห็นร่างคล้ายกับคุณซัทสึกิที่อีกฝั่งนึงของเกทด้วย ถึงตอนนั้น โทริโกะที่อยากจะรู้เรื่องนี้ยิ่งกว่าใครจะอยู่ข้างๆ ฉันเลยก็เถอะ แต่ฉันก็พูดออกไปไม่ได้จริงๆ
ตั้งแต่ตอนนั้นมา ฉันก็ยื้อยือมันไปเรื่อย บอกเธอไม่ได้ซักที จนกระทั่งตอนนี้
ควรจะบอกเธอมั้ยนะ? ข้อเท็จจริงที่ว่าฉันเห็นเพื่อนคนสำคัญของเธอ คนที่เธอชอบมากถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตโดยไม่ตั้งคำถามเลยเนี่ย การที่ฉันจะบอกเรื่องนั้นกับเธอเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่านะ?
ฉันคิดแบบนั้นพลางมองดูโทริโกะดื่มไวน์จนหมดแก้ว สีหน้าของเธอดูเหมือนใจของเธอครึ่งนึงลอยไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
…ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางบอกเธอได้อยู่แล้วล่ะ
อีกอย่าง เธอคนนั้นก็อยู่บนหาดที่มีแต่พวกตัวประหลาดอยู่กันยั้วเยี้ย เพราะงั้น นั่นก็อาจจะเป็นตัวประหลาดอะไรซักอย่างในโลกเบื้องหลังที่แค่ดูเหมือนคุณซัทสึกิก็ได้ แบบเมื่อตอนผู้หญิงกังหันลมนั่นไง ถึงตาขวาของฉันจะเห็นร่างนั่นเป็นมนุษย์ก็เถอะ แต่ฉันก็จะประมาทไม่ได้อยู่ดี แถมฉันได้เห็นแล้วว่าเจ้าพวกนั้นบางตัว ขนาดมองด้วยตาซ้ายกับตาขวา มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเหมือนกัน
อือ ไม่พูดอะไรเลยนั่นแหละดีกว่า ฉันต้องให้โทริโกะลืมๆ เรื่องของคุณซัทสึกิไปให้หมดๆ ซะ
บ้าจริงๆ เลย ยัยเซโตะ อาคาริ… ดันมาปากสว่างอีก
ว่าแล้วเชียว ยัยนั่นน่ะ เป็นแค่คาราเทก้าก็พอแล้ว