นี่ๆ รู้อะไรมั้ย!? ดูเหมือนทาคาเนะซังจะชอบนายอยู่นะ !! - ตอนที่ 1 ทาคาเนะ ซากิ
ทาคาเนะ ซากิ เป็นผู้หญิงลึกลับ นั่นคือสิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นของเธอต่างพูดอย่างพร้อมเพรียง
บางคนก็เล่าว่า ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าของเธอตอนยิ้มเลยแม้แต่คนเดียวบ้างละ
โชคร้ายจะเกิดขึ้นกับคนที่ได้พูดคุยกับทาคาเนะ ซากิบ้างละ
จริงๆ แล้วเธอเป็นนางแบบพิเศษให้กับนิตยสารแฟชั่นชื่อดังบ้างละ
เธอมีความเกี่ยวของกับพวกคนนอกกฏหมายบ้างละ
เธอกำลังแอบทำการทดลองลับๆ ในอาคารเรียนเสริมบ้างละ
และอื่นๆ
นี่มันใกล้เคียงกับตำนานเมืองเลยไม่ใช่หรอ? แต่หากเราจะมองข้ามประเด็นนั้นไป
ทาคาเนะ ซากิ ก็เป็นนักเรียนหญิงที่มีข่าวลืออยู่ตลอดเวลา ณ โรงเรียนมัธยมคามิมูระ จังหวัดนิงะตะ แห่งนี้
[นี่ๆ … เค้าว่าทาคาเนะซังมีป๋าเลี้ยงอยู่น่ะจริงหรอ?]
เป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่งที่ผม ‘มิจิมะ เคนโกะ’ ไปได้ยินข่าวลือนั้นเข้า
หลังจากพิธีเปิดภาคเรียนสิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน
ในตอนที่กำลังเดินลาดตระเวนรอบโรงเรียนอยู่ ก็พบเงาคน 4 คน กำลังจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่ส่วนลึกของลานจอดจักรยาน
[คือว่า… พวกเราก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากเพื่อนเหมือนกันหนะนะ]
[ก็เลยอยากรู้ว่ามันจริงมั้ย]
[แล้วไง? เป็นเด็กป๋านี่ได้เงินใช่มะ? ความรู้สึกมันเป็นไงหรอ? ต้องทำถึงขนาดไหน?]
เด็กสาวสามคนพากันรัวคำถามติดต่อกันอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกฝ่ายนั้น ถึงไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วเธอคือทาคาเนะ ซากิ นั่นเอง
ผิวขาวใสราวกับเครื่องแก้ว
ดวงตาสองชั้นธรรมชาติสมบูรณ์แบบ
จมูกตรงสวยได้รูป
นิ้วมือเธอเหมือนปลาสีขาว
รูปร่างเพียวบาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูสมเป็นผู้หญิง
และผมสลวยที่ทอดยาวไปด้านหลัง แต่ละเส้นให้ความรู้สึกเหมือนเส้นไหม พัดปลิวไสวไปตามสายลมฤดูใบไม้ผลิอย่างแผ่วเบา
ความงดงามซึ่งอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ นั่นอาจเกิดจากสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกตลอดเวลาไม่ว่าจะตอนไหน
สำนวนที่ว่า ‘ใบหน้าเหมือนหน้ากากโนห์’ ไม่ได้หมายความว่าไร้ความรู้สึกอย่างเดียว แต่ยังมีความงดงามอีกด้วย
นี่คือคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ
เธอตอบกลับไปโดยที่ไม่ขยับใบหน้าของเธอแม้แต่น้อย เพียงแค่พูดออกไปเฉยๆ
[ชั้นไม่ได้ทำค่ะ]
เป็นคำตอบที่เรียบง่ายและชัดเจนมาก มันยิ่งทำให้ดูงดงามขึ้นไปอีก
ถึงแบบนั้น คำตอบที่กระชับเกินไป ดูเหมือนจะยิ่งไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอ
[ไม่ต้องห่วงนะ! เราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก!]
[พวกเราแค่อยากรู้เฉยๆ น่ะ]
[ถ้าอายที่จะพูด อย่างน้อยก็บอกเราสักนิดนึงก็ยังดี นะ นะ!!]
พวกเธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อถามคำถามกับทาคาเนะ ซากิ
เป็นเพราะพวกเธอตื่นเต้นเมื่อได้รู้ถึงสิ่งที่เป็นเหมือน ‘เครื่องเทศ’ ของชีวิตที่มีเพียงเล็กน้อยในโรงเรียนมัธยมปลายที่อยู่ในชนบทแบบนี้
เพราะอย่างนั้น…
[ชั้นไม่ได้ทำค่ะ]
ผมรู้สึกตัวสั่นอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่ชัดเจนครั้งที่สองของทาคาเนะ ซากิ
ผมหายใจเข้าจนเต็มปอด
รวบรวมพลังจนถึงขีดจำกัด
จากนั้นก็… ตะโกนออกไป
[คำเตือนนนน !!!!!!!!!!!!]
เสียงตะโกนของผมดังลั่นไปทั่วลานจอดจักรยาน ทั้งสี่คนรวมถึงทาคาเนะ ซากิ สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
มารู้เอาก็ตอนหลัง ว่าเสียงตะโกนของผมดังก้องกังวานไปจนถึงชั้น 3 ของอาคารเรียน จนฝูงนกกระจอกที่เกาะเรียงรายกันตามสายไฟที่อยู่ใกล้ๆ บินหนีไปจนหมด
[อ อะ อะไรเนี่ยยย!!]
[มัธยมปลายปี 2 ห้อง C คานายะ ริกะ!! โคมาจิ ชิซุกุ!! ฮินะดาเตะ มาอิ!! คู่มือสำหรับนักเรียนหมวดที่ 1 ว่าด้วยเรื่องการแต่งกาย “กระโปรงของเด็กนักเรียนผู้หญิงควรจะมีความยาวมากพอที่จะสามารถคลุมเข่าให้มิดชิด” แต่ที่พวกเธอทุกคนใส่ สูงขึ้นมาจากหัวเข่า 3 ซม. อย่างชัดเจน แสดงว่าพวกเธอตั้งใจละเมิดกฎของโรงเรียนสินะ ชั้นจะออกคำเตือนให้เดี๋ยวนี้]
พวกเธอทั้งสามหันกลับมามองผมในทันทีด้วยท่าทีสะดุ้งราวกับเห็นผี
[อ่ะ…ออกมาแล้ว ผีคลั่งระเบียบวินัย]
[ทำไมนายถึงบอกความยาวของกระโปรงได้ เพียงมองจากระยะห่างตั้งขนาดนั้น!?]
[น่ะ… หนีเร็ว!? ถ้าโดนจับได้จะต้องโดนเทศนาใหญ่แน่นอน!”
[เดือนนี้ชั้นออกคำเตือนให้กับคานายะ ริกะ และก็ฮานะดาเตะ มาอิไปแล้วครั้งนึง เพราะงั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตือนครั้งที่สอง พวกเธอจะต้องคัดลายมือสำนึกผิดในจำนวนหนึ่งหน้ากระดาษต่อความยาวเหนือกระโปรง 1 ซม.]
[ย๊าากก !!! เขาพกไม้บรรทัดด้วย]
[หนีเร็ว]
พวกเธอทั้งสามถูกต้อนให้จนมุม และกำลังจะวิ่งหนี
ทั้งสามถกกระโปรงขึ้น แล้วรีบแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว…
ไม่นานพวกเธอก็หายไปจากสายตา
[ชิ จะหนีกันเร็วเกินไปแล้ว นี่เกลียดการที่ต้องใส่กระโปรงยาวขึ้นอีกแค่ 2-3 ซม. ขนาดนั้นเลยหรอ]
แม้ว่าผมจะพึมพำด้วยความหงุดหงิด แต่เป้าหมายของคำเตือนนั้นก็ไม่อยู่ที่นี่เสียแล้ว
ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ผม กับเธอเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในลานจอดจักรยานที่ว่างเปล่าแห่งนี้…
.
.
[เอาละ!! ชั้นปี 2 ห้อง B ทาคาเนะ ซากิ]
[…..!?]
ทาคาเนะ ซากิ สะดุ้งทันทีเมื่อชื่อของเธอถูกเรียก
แต่เมื่อเธอหันหลังกลับมา ใบหน้าของเธอก็ยังคง ‘เหมือนกับหน้ากากโนห์’
เป็นการยากที่จะเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จากสีหน้าของเธอ ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
[กระโปรงของคุณมีความยาวถึงเข่าพอดี… กะแล้วเชียวมาตรฐานนั้นสวยงามที่สุดในทุกๆ สิ่ง ถ้างั้น…ขอตัวก่อน]
[เอ๊ะ!?]
ทาคาเนะ ซากิลืมตาขึ้นเล็กน้อย มันเป็นดวงตาที่ดูเหมือนว่าจะดูดผมเข้าไป
[มีอะไรงั้นหรอ?]
[จะไม่ออกคำเตือนงั้นหรอคะ?]
[ก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรอ? ว่าพวกนั้นวิ่งหนีไปหมดแล้ว]
[ไม่ค่ะ ชั้นหมายถึงเรื่องที่พวกชั้นคุยกันเมื่อสักครู่ คุณฟังอยู่สินะคะ?]
[ชั้นไม่ได้ฟัง]
[…ฟังอยู่สินะคะ!?]
ทาคาเนะ ซากิกำลังจ้องมามาที่ผม
ผมไม่สามารถทนต่อการจ้องมองด้วยดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่ดูเหมือนจะดูดผมเข้าไป ผมรีบเบือนหน้าหนีดวงตาคู่นั้นอย่างรวดเร็ว
ผมโกหกใครไม่ค่อยเก่งมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
[…โทษที ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังเธอหรอกก็แค่… ไม่สิ พูดไปก็เหมือนแก้ตัว]
[คุณตั้งใจช่วยชั้นงั้นหรอคะ?]
[ถ้ามันเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง ชั้นก็ขอโทษด้วย]
[ป… เปล่านะคะ ชั้นแค่คิดว่ามันแปลก]
[แปลก?]
[ถ้าคุณได้ยินสิ่งที่พวกชั้นคุยกันเมื่อกี้ละก็ ชั้นนึกว่าจะถูกบอกว่า ‘เธอสมควรได้รับคำเตือน’ หรืออะไรทำนองนั้นนะค่ะ]
เป็นเรื่องแปลกที่เด็กผู้หญิงอย่างทาคาเนะ ซากิจะมาที่นี่ และเพราะเธอพูดอ้อมค้อมจนผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ตรงกันข้ามกัน… ผมเป็นพวกที่ชอบพูดออกไปตรงๆ
[ทำไมละ? ก็เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอ ว่าเธอไม่ได้ทำ ถ้างั้นคำเตือนก็ไม่จำเป็น]
ทาคาเนะ ซากิเจ้าตัวปฏิเสธข่าวลือซึ่งไม่มีมูลความจริง
นั่นคือจุดสิ้นสุดของเรื่อง
[ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคำพูดของเจ้าตัวอีกแล้ว]
ผมเพียงแค่พูดในสิ่งที่ฟังดูสมเหตุสมผลเท่านั้น นั่นคือความตั้งใจของผม
[…นี่เป็นครั้งแรกที่ชั้นได้ยินคนพูดแบบนี้…]
ด้วยเหตุผลบางอย่างทาคาเนะ ซากิแสดงท่าทางตกใจ
แต่บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดของผมเองก็ได้ เพราะเธอยังสวมหน้ากากโนห์เหมือนเดิม
[โทษทีนะ พอดีชั้นมีงานของกรรมการระเบียบวินัย ถ้างั้น…]
เมื่อผมทำท่าว่าจะจากไป ทันใดนั้น
[ขอบคุณ…นะคะ!]
เธอพูดขอบคุณผมด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
[แค่เรื่องเล็กน้อย อย่าใส่ใจเลย]
หลังจากตอบกลับ ผมก็ออกจากที่นั่น
[[โชคร้ายจะเกิดขึ้นกับคนที่ได้พูดคุยกับทาคาเนะ ซากิ]]
ระหว่างทางกลับอาคารเรียน ผมก็นึกถึงข่าวลือที่ไม่รู้ว่าไปได้ยินมาจากที่ไหน? เมื่อไหร่?
…ไร้สาระชะมัดเลย ก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ใช่รึไง!?
ไม่มีโชคร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม แต่เดิมมันก็เป็นเพียงแค่ข่าวลืออยู่แล้วด้วย ผมคิดแบบนั้น… จนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมา