บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 35
บทที่ 35 สาขาครุศาสตร์พิเศษ
หลังจากกำหนดความสัมพันธ์ในอนาคตกับฉู่ถิงแล้ว ทั้งสองก็ใช้ชีวิตราวกับคนเลี้ยงวัวและสาวทอผ้า
เนื่องจากหลินว่านหงจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดเวลาทำให้พวกเขาไม่กล้าออกเดตกันในที่สาธารณะ พวกเขาทำเพียงนัดเจอกันเป็นครั้งคราวในฐานะเพื่อนเท่านั้น
จริงอย่างที่โบราณเขาว่า แม้รู้ว่ารักมันขม แต่ก็ยังต้องการที่จะลิ้มรสขม
ยิ่งเมื่อมันเกิดขึ้นกับฉู่ถิง มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอผูกติดกับถานเสี่ยวเทียนมากขึ้น เป็นดั่งที่เขาว่า ความรักของหญิงสาวมักจะเป็นราวกับบทกวี เมื่อใดได้รักทั้งหมดหัวใจ เธอก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้อยู่กับถานเสี่ยวเทียนตลอด 24 ชั่วโมง
แต่มันช่างน่าเสียดายที่ฉู่เฉียงและหลินว่านหงนั้นไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ทั้งสอง มันจึงทำให้ทั้งสองนั้นหาโอกาสพบเจอกันได้ยากมาก
ในช่วงที่ตา กลางเดือนสิงหาคมก็มาถึง วิทยาลัยเริ่มเปิดรับสมัครนักศึกษาแล้ว
หม่าเหว่ยมาโวยซึ่งเลือกเรียนต่อในสายโรงเรียนตำรวจเป็นคนแรกที่ได้รับหนังสือเข้าเรียน
ส่วนคนที่ 2 ที่ได้รับหนังสือคือจางต้าเผิง เขาได้เข้ามหาวิทยาลัยและสายวิชาตามที่เขาปรารถนาไว้นั่นก็คือ วิทยาลัยครูซานเฉิง สายวิชาประวัติศาสตร์
งั้นก็คือฉู่ถิงและซุนรุย ทั้งคู่ได้เข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหยานจิง ซุนรุยนั้นเหมือนกับชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเลือกเรียนเอกภาษาจีนโบราณ ส่วนฉู่ถิงนั้นเลือกเรียนตามที่ถานเสี่ยวเทียนแนะนำ คณะบริหารจัดการ
เหรินชูเฟินเรากับตกอยู่ในความฝันเมื่อรู้ว่ามีนักเรียนของเธอที่สามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหยานจิงได้พร้อมกันถึง 2 คน
ส่วนตระกูลฐานตอนนี้รอมากกว่า 1 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่มีจดหมายตอบรับใดๆ ตอบกลับมา
เมื่อเราไปถึง 2 อาทิตย์ก็ยังไม่มีจดหมายใดตอบกลับมา
ผลการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยของนักเรียนคนอื่นออกมาหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงของถานเสี่ยวเทียนเท่านั้น แต่ถึงจะรอนานอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของถานเยว่จินและซ่งชุนฮวาลดลงไปแม้แต่น้อย เพราะถานเสี่ยวเทียนถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของตระกูลถานที่จะได้เข้าเรียนในระดับบัณฑิต
แตกต่างจากพ่อและแม่ของเขา ถานเสี่ยวเทียนงั้นใจเย็นอย่างมากเพราะเขารู้ว่าคะแนนสอบของเขานั้นได้เพียง 571 คะแนนซึ่งห่างจาก 602 คะแนนซึ่งเป็นคะแนนขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยตงไห่ต้องการไป 11 คะแนน
เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยตงไห่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่รอจดหมายตอบรับจากตัวเลือกที่สองของเขา วิทยาลัยการกีฬาเชิ่งเทียน
ในตอนเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณตระกูลถาน ตอนนี้ทั้งคู่สามีภรรยาตระกูลถานรักคู่สามีภรรยาตระกูลหวู่ไม่มีเวลาแม้แต่จะได้คุยกัน ภายในร้านเต็มไปด้วยลูกค้าและวุ่นวายเป็นอย่างมาก ส่วนถานเสี่ยวเทียนในตอนนี้เองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อในขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่การรับเงิน
ไห่หงส์นั่งที่โต๊ะใกล้กับถานเสี่ยวเทียน เธอกำลังแทะน่องไก่พร้อมกับดื่มเบียร์เย็นๆ เพียงแค่มองดูไม่ต้องถามก็รู้ว่าเธอพอใจกับมันมากแค่ไหน
บนโต๊ะมีกล่องกระดาษอยู่ใบหนึ่งพร้อมกับภาษาอังกฤษที่เขียนอยู่ข้างบนว่า Motorola 998
ถานเสี่ยวเทียนรับเงินจากลูกค้าและคุยกับไห่หงส์ไปพร้อมกัน “พี่หงส์โทรศัพท์นี้แพงเกินไปผมรับไว้ไม่ได้หรอก พี่ได้โปรดเอาคืนไปเถอะ”
Motorola 998 เครื่องนี้เป็นรุ่นที่เปิดตัวในปี 1998 และได้รับการยกย่องเป็นพันๆ ครั้งว่าเป็นรุ่นที่มีดีไซน์สวยที่สุด Motorola 998 รุ่นนี้เอาชนะใจเหล่าผู้คนด้วยความบางและกะทัดรัดของมัน และแน่นอนว่าราคาของมันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ในการเปิดตัวครั้งแรกราคาของมันอยู่ที่ 10,000 หยวน
ไห่หงส์ตั้งใจซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้มาให้เขาเป็นพิเศษ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับถานเสี่ยวเทียนมากขนาดไหน และสิ่งนี้ก็ทำให้ถานเสี่ยวเทียนรู้สึกประทับใจอย่างมาก
ไห่หงส์กระแทกแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ของที่ฉันให้ ฉันไม่เคยรับกลับ หากนายไม่ต้องการมันก็โยนมันทิ้งถังขยะไปซะ แล้วอีกอย่างตอนนี้นายเองก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย มันจะดีกว่าถ้านายได้ใช้มือถือสักเครื่อง”
ถานเสี่ยวเทียนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“สวัสดีครับร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณตระกูลถานครับ ผมถานเสี่ยวเทียนพูดสาย… โอ้! ครูเหรินเหรอครับ? อะไรนะครับ? ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นถานเยว่จินและซ่งชุนฮวาก็ตกตะลึง ทั้งสองหยุดการกระทำทุกอย่างต้องมองมาที่ถานเสี่ยวเทียน
ถานเสี่ยวเทียนวางโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจด้วยสีหน้าโล่งใจ
ซ่งชุนฮวาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ลูกจ๋าเกิดอะไรขึ้น?”
“แม่ครับ ทางวิทยาลัยตอบรับผมแล้ว แต่ที่ตอบมาไม่ใช่วิทยาลัยการกีฬาเชิ่งเทียน แต่เป็นมหาวิทยาลัยตงไห่ครับแม่”
ซ่งชุนฮวาขาอ่อนจนทรุดลงกับพื้น หากไม่ใช่เพราะว่าเธอถือของอยู่เต็มมือ เธอคงจะกระโดดเข้าไปกอดแสดงความดีใจกับลูกชายของเธอแล้ว
“มหาวิทยาลัยตงไห่ดี มหาวิทยาลัยตงไห่ดีจริงๆ” ถานเยว่จินพูดออกมาด้วยสีหน้าแสนซื่อ
เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติอู๋เฉียนชิวและไป่หนิงก็เดินเข้ามาช่วยประคองถานเยว่จินและซ่งชุนฮวาไปนั่งพักที่เก้าอี้
ซ่งชุนฮวาหายใจเร็วด้วยความตื่นเต้นสักพักก่อนที่จะสงบจิตใจได้ “ลูกจ๋า ครูเหรินพูดอะไรอีกไหม”
“ครูเหรินขอให้ผมไปที่โรงเรียนเพื่อไปพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้ง”
ผ้าขี้ริ้วสีเทาดำในมือของซ่งชุนฮวาโบกไปมาราวกับเมฆครึ้มที่อยู่บนฟ้า “ถ้าอย่างนั้นลูกจ๋าจะรออะไรอีก รีบไปเร็วเข้าสิ”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับแม่ พี่อู๋ฝากช่วยพ่อกับแม่ดูแลร้านด้วยนะ ผมจะต้องไปทำธุระที่โรงเรียนก่อน” ถานเสี่ยวเทียนทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ก่อนที่จะวิ่งออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวไป
ภายในห้องสำนักงานกลุ่มภาษา
ถานเสี่ยวเทียนขยี้ตามองดูจดหมายตอบรับฉบับล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจ เฮ้อ… โลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียงจริงๆ
จดหมายตอบรับ จดหมายตอบรับเข้าเรียนมีโลโก้ของมหาวิทยาลัยตงไห่ติดอยู่ที่หน้าซองเนื้อหาภายในจดหมายระบุไว้ว่า: นักเรียนถานเสี่ยวเทียน คุณได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการการศึกษาของมหาวิทยาลัยตงไห่ให้ได้เข้าเรียนในคณะสาขาครุศาสตร์พิเศษรุ่นที่ 1 ในระดับปริญญาตรีเป็นเวลา 4 ปี ปวดมารายงานตัวที่มหาวิทยาลัยของเราภายในวันที่ 28 สิงหาคมพร้อมกับจดหมายฉบับนี้
สาขาครุศาสตร์พิเศษ? มันคืออะไรกัน?
ถานเสี่ยวเทียนมองไปที่เหรินชูเฟินด้วยความสงสัย
เหรินชูเฟินอธิบายอยู่นานจนถานเสี่ยวเทียนเข้าใจ
ปรากฏว่าเนื่องจากการขยายตัวของมหาวิทยาลัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้มหาวิทยาลัยตงไห่ได้ผนวกรวมกับโรงเรียนเชิ่งเทียนซึ่งแต่เดิมอยู่ติดกัน ส่วนสาขาครุศาสตร์พิเศษนี้เป็นวิชาที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อนักศึกษาที่มีเป้าหมายในการอุทิศตนให้กับผู้ที่มีสถานภาพร่างกายไม่ปกติเช่นผู้บกพร่องทางการมองเห็น ฉันต้องการที่ยืน หรือผู้พิการทางสมอง หรือเราจะให้คำจำกัดความชัดๆ กับสาขาครุศาสตร์พิเศษนี้อีกอย่างว่า ครูของผู้พิการ
เนื่องจากสาขานี้เป็นสาขาที่เปิดใหม่และกลุ่มเป้าหมายของสาขาวิชานี้ที่จะสามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้ก็น้อยมาก
มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ถานเสี่ยวเทียนถูกตอบรับแม้ว่าแสดงออกเขาจะไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนข้อเสียของสาขาวิชานี้คือขอบเขตการจ้างงานหลังจากที่เรียนจบออกไปมันแคบมาก ปลายทางของสาขาวิชานี้มีเพียงแค่โรงเรียนคนตาบอด โรงเรียนคนหูหนวกและโรงเรียนของผู้พิการทางสมองเท่านั้น ต้องเผชิญกับเด็กที่มีความผิดปกติตลอดทั้งวันแถมยังได้รับค่าตอบแทนต่ำ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดแรงกดดันทางจิตใจสูงมาก ส่วนของข้อดีของสาขาวิชานี้ก็มีเช่นกันคือ สาขาวิชาเอกนี้ไม่เก็บค่าเล่าเรียนแถมยังมีค่าครองชีพเป็นค่าสนับสนุนการเรียนให้ทุกเดือนอีกด้วย แต่ข้อดีนี้มีเงื่อนไขคือหลังจากที่คุณเรียนจบคุณต้องทำงานให้กับรัฐบาลเป็นเวลา 3 ปี หากคุณไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ คุณจะต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล
“เสี่ยวเทียน ครูเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ครูว่าเธอกลับไปปรึกษากับครอบครัวก่อนจะดีกว่า” เหรินชูเฟินตบบ่าของถานเสี่ยวเทียนเพื่อเป็นการปลอบโยน
เมื่อเดินออกจากโรงเรียนมัธยมแห่งแรกเมืองซานเฉิง ถานเสี่ยวเทียนก็นั่งยองๆ ลงพร้อมกับจดหมายตอบรับในมือ หลังจากนั่งสูบบุหรี่กลางแดดกว่าครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างในใจของเขาก็ชัดเจนขึ้น
เป็นแบบนี้แล้วมีอะไรเสียหายงั้นเหรอ?
การที่ฉันได้เข้าเรียน 1 ใน 3 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของภาคตะวันออกมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง? สาขาครุศาสตร์พิเศษ? ทำงานด้านจิตอาสาให้กับรัฐบาลเป็นเวลา 3 ปีแล้วยังไง? ในชาติก่อนเหล่าซือฆ่าคนมากมาย… การอุทิศตน 3 ปีในชาตินี้ก็ถือว่าเป็นการทำความดีประชดใช้แล้วกัน
เหล่าซือเราซื้อเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ในชีวิตนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถขัดขวางฉันได้อีกแล้ว
รอฉันก่อนเถอะ ฉันกำลังจะไปหา
……..
ในตอนเย็นที่บ้านของครอบครัวฉู่
หลินว่านหงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีกครั้ง
เธอพยายามจะแย่งโทรศัพท์มือถือจากลูกสาวของเธอ แต่ฉู่ถิงแต่ชูสิงห์ก็ขัดขืนอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้แม่ของเธอแย่งมันไปได้
หลินว่านหงชี้หน้าฉู่ถิงด้วยความโกรธและตะโกนว่า “ฉันเป็นแม่ของแกนะ ส่งมันมาเดี๋ยวนี้ ที่แกคงไหลเด็กนั่นขนาดนี้คงเป็นเพราะมันซื้อมือถือให้แกใช่ไหม? แกคิดว่าครอบครัวของเราจ่ายเพื่อโทรศัพท์แค่นี้ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ส่งมันมานี่แล้วฉันจะซื้อของมือถือเครื่องใหม่ให้แก”
“ไม่!” ฉู่ถิงดื้อรั้น ในหัวของเธอย้อนนึกถึงภาพก่อนหน้านี้ ภาพที่ถานเสี่ยวเทียนเดินถือกล่องมือถือเข้ามาพร้อมกับยิ้ม “หัวหน้าห้อง ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้มาส่งเธอในวันเข้ามหาวิทยาลัยเพราะแม่ของเธอจะต้องอารมณ์เสียมากๆ แน่นอนที่ต้องเจอหน้าฉัน ส่วนนี้ฉันให้เธอเป็นของขวัญ ในอนาคตเราจะได้ติดต่อกันได้”
นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขามอบให้ฉัน ฉันจะไม่ยอมให้ใครแย่งมันไปทั้งนั้น
ฉู่เฉียงประหลาดใจอย่างมากเมื่อมองเห็นคำว่า Motorola 998 มันกล่อง ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร แน่นอนนะเขาจะต้องรู้ราคาของโทรศัพท์เครื่องนี้
แล้วด้วยโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ มันก็ยิ่งทำให้ความตั้งใจของเขาที่มีต่อถานเสี่ยวเทียนมากยิ่งขึ้นไปอีก เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดามีโทรศัพท์มือถือเครื่องละ 10,000 ได้ยังไง?
“ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อลูกสาวของเราชอบก็ปล่อยให้เธอใช้มันฟัง” เขาหยุดภรรยาของเขาแล้วลากเธอออกไปจะห้องของลูกสาว
หลินว่านหงไม่เข้าใจ “ตาแก่ฉู่ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไมถึงเข้ามาห้ามฉันตั้งหลายครั้ง นี่คุณต้องการให้ลูกสาวของเราคุยกับถานเสี่ยวเทียนจริงๆ งั้นเหรอ?”
ในห้องนั่งเล่นทั้งสองคุยกันเสียงดัง
ในห้องนอนฉู่ถิงค่อยๆ เปิดกล่องโทรศัพท์มือถือออก ภายในกล่องโทรศัพท์มือถือสีฟ้าน้ำทะเลขนาดเล็กถูกจัดวางไว้อย่างเรียบหรู เธอค่อยๆ สัมผัสมันเบาๆ ด้วยความสุข
3 วันต่อมา พ่อกับแม่ของเธอพาเธอขึ้นรถไฟไปส่งที่หยานจิงพร้อมกับซุนรุยและครอบครัวของเขา
ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ นักเรียนจากชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ทั้ง 3 กลุ่มแยกออกไปทั้ง 3 ทิศตามที่ตัวเองสามารถเข้าเรียนได้ และในวันนี้ชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 ของพวกเขาก็ถือว่าจบลงอย่างสมบูรณ์