บัญชามังกรเดือด - บทที่ 133 ปฏิบัติตามคำสั่ง
บทที่ 133 ปฏิบัติตามคำสั่ง
พานเหม่ยเออร์หัวเราะเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ
เธอเอ่ยด้วยความโกรธ “ไอแซ่ฉิน ตอนวันนั้นที่คุณลงมือตีฉัน ทำไมคิดไม่ถึงเลย ฉันจะทำให้คุณตายอย่างไม่มีที่ฝังศพ!”
“ตอนคุณฆ่าพ่อบ้านเซียว ไม่คิดเลยเหรอว่าตัวเองจะตายในรูปล่อยกระสุนปืน?”
“ตอนคุณสั่งคนเฆี่ยนตีอะหู่ ไม่คิดเลยเหรอว่าตัวเองจะโดนกรรมตามสนอง?”
“ไอแซ่ฉิน นี่ก็คือผลตอบแทนที่คุณทำบาปต่อพวกเราคนบ้านตระกูลพาน!”
“น่าเสียดาย คุณก็จะตายแล้ว จะไม่ได้เห็นฉันในตอนถัดมา จะจัดการอย่างไรกับเมียคุณ!”
“ฮ่าๆๆๆ คุณคิดไม่ถึงละสิ?”
“ไอแซ่ฉิน นี่แหละคือกรรมตามสนองของคุณ!”
บนภาพหน้าจอ สีหน้าพานเหม่ยเออร์มีความอัปลักษณ์ อย่างกับปีศาจร้าย
สีหน้าของฉินเทียน ค่อยๆเย็นชาและไม่มีความเห็นอกเห็นใจ
เขาหัวเราะด้วยความเย็นชา “ฉันเคยเห็นวิดีโอที่เซวเหรินขอคุณแต่งงาน เขาไม่ได้รักคุณเลยสักนิด”
“ในสายตาเขา คุณก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ที่สามารถทำให้บ้านเขาร่ำรวยได้”
“ขยะอย่างคุณ ใจจืดใจดำ ไม่สมควรได้ร้บความรัก”
พานเหม่ยเออร์อาละวาดแล้ว
เธอเกลียดที่สุดเลยก็คือการที่มีคนมาเปิดเผยภูมิหลังของเธอ ฉินเทียนไม่เพียงแต่เปิดเผย ยังเอาเกลือมาสาดใส่บาดแผลของเธออีก
“ฆ่ามัน!”
“รีบฆ่ามัน!”
อยู่ตรงข้ามภาพหน้าจอ เธอเหมือนกับเสือตัวเมียตัวหนึ่งที่กำลังคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“ไอเด็กน้อย ได้เวลาบอกลากับโลกนี้แล้ว” ข้างๆ คนพาลที่บนหน้ามีรอยกระสุนแผลเป็น จับอุปกรณ์ที่จะฆ่าตัดหัว ด้วยความแสยะยิ้มโจมตีตรงเข้ามายังฉินเทียน
สายตาฉินเทียนเย็นฉ่ำ เตรียมพร้อมที่จะลงมือ ในช่วงขณะนี้ ทันใดนั้นใจเขาก็รู้สึถึงสัญญาณบางอย่าง
“โพง!”
กระสุนลูกหนึ่งตีมาจากด้านนอก ทำให้ผู้ที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าหัวระเบิดทันที
ณ ขณะเดียวกัน หน้าต่างหลายบาน ก็มีกระสุนยิงเข้ามา ทำให้จักรวรรดิแห่งเหยี่ยวกลุ่มหนึ่งตีจนเงยหน้าขึ้นไม่ได้
“มีดักซุ่ม!”
“เร็ว รีบถอย!”
ช่วงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างฉุกเฉิน พวกเหล่าโจรเรียกค่าไถ่ไม่สนใจฉินเทียนแล้ว
หนีอย่างรีบร้อนไปยังห้องข้างๆ
ประตูของห้องโถงใหญ่ถูกเตะออก กลุ่มน้อยหนึ่งกลุ่มที่สวมด้วยชุดอาวุธ บุกเข้ามา ล้อมปราบต่อกลุ่มน้อยของเหยี่ยวล่านก
“คุณ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“รีบมาหลบข้างๆ ระวังอย่าให้ได้รับบาดเจ็บโดยประมาทละ!”
ได้ยินภาษาเหนือคำหนึ่งอย่างน้ำใสใจจริง ฉินเทียนอึ้งไปสักพัก
เดิมเขาคิดว่า เป็นผู้จัดการของหลิวเสี่ยวฮัวแจ้งความ ฝ่ายตำรวจของประเทศยี่บุกฆ่าเข้ามา
ตอนนี้ดูแล้ว รู้สึกผิดปกติ
พอเห็นตัวหนังสือ “โล่ฟ้า” สองคำนี้บนชุดเกราะกันกระสุนของเหล่าสมาชิกกลุ่มนี้ชัด สีหน้าของเขาก็แปลกประหลาด
“เฉินเอ้อร์กั่วมาหรือยัง?” พูดด้วยเสียงเบาๆ รีบเดินไปยังห้องที่หลิวเสี่ยวฮัวถูกขังไว้
“คุณเป็นอะไรมากมั้ย?”
“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?” หลิวเสี่ยวฮัวเห็นฉินเทียน กระโจนเข้าใส่พร้อมกับร้องไห้
หญิงสาวคนนี้จะไปเคยเห็นการต่อสู้แบบนี้ได้ยังไง ตกใจแย่เลยจริงๆ
“ไม่เป็นไรๆ”
“เป็นคนของประเทศพวกเรามาช่วยพวกเราแล้ว”
ฉินเทียนปลอบประโลมใจ
ข้างนอก เสียงปืนอันดังดังขึ้นสักพัก กลับสู่โหมดความสงบนิ่งสักที
“ไปเถอะ การต่อสู้น่าจะจบลงแล้ว” ฉินเทียนพาหลิวเสี่ยวฮัว มายังห้องโถงใหญ่
พวกเหล่าสมาชิก “โล่ฟ้า” กำลังเก็บกวาดซากศพ
ซุ่มโจมตีครั้งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ทั้งองค์กรเหยี่ยวล่านก รวมถึงจักรวรรดิแห่งเหยี่ยวหัวหน้าแก๊ง โดนสังหารหมด
“คุณหลิว คุณเป็นไรมากมั้ย?” คนพาลผู้หนึ่งที่หน้าถูไปด้วยสี ถือลิงชนิดหนึ่ง เดินก้าวใหญ่เข้ามาจากด้านนอก
หลิวเสี่ยวฮัวถามอย่างตื่นเต้นเร้าใจ “พวกคุณเป็นคนเหนือทั้งหมดเลยเหรอ? เป็นประเทศสั่งพวกคุณมาช่วยฉันใช่มั้ย?”
ผู้ที่หน้าถูด้วยมียิ้มกว้าง ฟันอันขาวสะอาดได้โผล่ออกมาทั้งปาก
“พวกเราเป็นคนเหนือ แต่ว่าผู้ที่สั่งพวกเรามาช่วยคุณ ไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา”
“โล่ฟ้า ไม่ว่าไปที่ไหนล้วนมีแต่ความสำเร็จ” เขาตบตรงหน้าอก สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ใช่แล้วคุณหลิว ฉันชื่อเหลิ่งเฟิง แถมเป็นแฟนคลับคุณด้วย ถือโอกาสนี้ สามารถขอลายเซ็นจากคุณได้มั้ย?”
“ได้ข่าวว่าคุณจะออกเพลงใหม่แล้ว ใช่เรื่องจริงมั้ย”
หืม?
คำพูดของเหลิ่งเฟิง เหมือนกับฟ้าผ่า ผ่าหมอกที่หนาทึบในความคิดของฉินเทียนออก
เขาคิดออกสักที!
ก็ว่าทำไมมักจะชอบรู้สึกว่าหลิวเสี่ยวฮัวทำไมดูคุ้นๆ
อะไรหลิวเสี่ยวฮัวเนี่ย! เธอคือช่วงระยะหลายปีนี้ ดาราสาวที่เล่นภาพยนตร์เล่นละครและร้องเพลงในประเทศที่มีอำนาจใหญ่ที่สุด หลิวหรูยู่!
ฉินเทียนนึกออกแล้ว มีครั้งหนึ่งซูซูติดซีรี่ย์จนเกินไป เขากวาดสายตาทีหนึ่ง หญิงสาวในทีวี คือหลิวหรูยู่แสดง
เดิมแรก ตามความจำของเขา เพียงแค่คนที่เคยเห็น จะไม่ลืมเด็ดขาด แต่ว่า เรื่องติดตามดาราแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจจริงๆ
จึงไม่ได้เอามาใส่ใจเลย
“กัปตันเหลิ่งเฟิง ขอบคุณนะ”
“รออัลบั้มใหม่ของฉันออก ฉันจะให้คุณกับมือหนึ่งใบ” หลิวหรูยู่ให้ลายเซ็นกับเหลิ่งเฟิง จากนั้น มองไปยังฉินเทียนด้วยความรู้สึกเกรงเล็กน้อย
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกคุณ”
“ที่จริงแล้ว ครั้งนี้ที่ฉันมา คือมาร่วมงานนิทรรศการความงามนานานชาติ”
“เพียงแต่ว่า ฉันรู้สึกงานเลี้ยงค็อกเทลน่าเบื่อเกินไป จึงแอบออกมาคนเดียว”
“คุณฉิน คุณไม่โกรธฉันใช่มั้ย?”
ฉินเทียนยังไม่ทันพูดสักคำ เหลิ่งเฟิงตบไหล่เขาทีหนึ่งด้วยฝ่ามือ
“คุณฉิน คุณต้องขอบคุณสองคน”
“คนหนึ่ง คือคุณหลิว คือเพราะเธอส่งสัญญาณ ผู้จัดการของเธอจึงหาพวกเราเจอ”
ฉินเทียนยักคิ้ว “แล้วอีกคนละ?”
เหลิ่งเฟิงพูดอย่างภาคภูมิใจ “อีกคน ก็คือฉัน”
“เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่ฉันจากหลายร้อยเมตร ยิงไอคนพาลนั่นนัดเดียวตาย คุณก็โดนตัดหัวไปแล้ว”
คนพาลข้างๆหลายคนหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ใช่ๆ!”
“คุณฉิน รีบขอบคุณกัปตันเหลิ่งของพวกเราสิ”
“กัปตันเหลิ่งของเราเป็นนักมือปืนเลยนะ ยิงร้อยนัดแม่นร้อยนัด ทั้งโลกไม่มีใครเทียบได้”
ทันใดฉินเทียนก็ด่า “ไอ้โง่!”
ถีบเหลิ่งเฟิงไปข้างๆ
ในขณะเดียวกัน เสียงโพงทีหนึ่ง กระสุนลูกหนึ่งจากด้านนอก ยิงมาตรงที่เมื่อกี้เหลิ่งเฟิงยืน
“ข้างนอกมีมือปืนดักยิง รีบซ่อนตัว!”ฉินเทียนในเวลาแรก ลากหลิวหรูยู่ หลบมาที่มุมกำแพง
เหลิ่งเฟิงรวมถึงหลายคนต่างอึ้งกันไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาโจมตีเข้ามาทำลายล้างศัตรูหมด กลับหลงเหลือข้างนอกคนหนึ่ง
เมื่อกี้หากไม่ใช่ฉินเทียน เหลิ่งเฟิงคงหัวระเบิดด้วยปืนหนึ่งนัดแล้ว
เขาตกใจจนหน้าซีดไปหมดแล้ว
“ไอน่าอัปยศ ฉันจัดการคุณแน่!”
ด่าคำหนึ่ง เพิ่งโผล่หัวไป ก็โดนตีกลับอีก
“กัปตัน ไม่ได้เลย!”
“ฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวอยู่ตึกชั้นบนตรงหน้า แถมเป็นมืออาชีพ พวกเราแค่โผล่หัวก็คือเป้า”
“ตอนนี้ยังไง?”
“กัปตัน ขาน้องคนที่หกโดนกระสุนแล้ว พวกเราต้องรีบหาวิธีรีบหนีไป!”
สีหน้าเหลิ่งเฟิงเขียวไปหมด ในปากก็แช่งด่า แต่ว่าไม่มีวิธีใดๆเลย
ฉินเทียนหัวเราะเอ่ยด้วยความเย็นชา “ทำงานไม่รอบคอบ โดนคนตีจนหน้าก็เงยขึ้นไม่ได้ ยังมีหน้าบอกว่าตัวเองเป็นนักมือปืน”
“เฉินเอ้อร์กั่วสอนพวกคุณแบบนี้เหรอ?”
“คุณว่าไงนะ?”
“คุณรู้จักพี่กั่ว?” สีหน้าเหลิ่งเฟิงตกตะลึง
สมาชิกคนหนึ่งไม่พอใจ “ไอแซ่ฉิน พูดไรกระทบกระเทียบเปรียบเปรยนิ”
“สถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้พี่กั่วของพวกเรามา ก็ไม่มีวิธี”
ฉินเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา พูดต่อเหลิ่งเฟิงที่อยู่ตรงหน้า “เอาปืนของคุณ ขว้างมาฝั่งฉัน”
“คุณว่าไงนะ?” เหลิ่งเฟิงสงสัย
“ปฏิบัติตามคำสั่ง!”ฉินเทียนตะโกนอย่างดัง
เหลิ่งเฟิงสั่นเทาสั่นระริก นำปืนในมือตามสัญชาตญาณ ตามที่ฉินเทียนพูด ขว้างมา
ฉินเทียนขยับแล้ว
เขาวิ่งไปตามทิศทางที่ปืนขว้างมา
ช่วงขณะตอนตัวปืนและหน้าประตูกลายเป็นเส้นหนึ่งเส้น เขารับปืนอย่างว่างเปล่า ดูก็ไม่ดู จ่อไปยังตึกสูงอันมืดมนที่อยู่ตรงข้าม ยิงไปนัดหนึ่ง