บัญชามังกรเดือด - บทที่ 148 ทำเรื่องน่าเกลียดในที่สาธารณะ
บทที่ 148 ทำเรื่องน่าเกลียดในที่สาธารณะ
ชาลีถูกฉินเทียนใช้ฝ่ามือตบเข้าจนเห็นดาวสีหน้า สมองก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ
ตลอดเวลาที่เขาถูกตำรวจใส่กุญแจมือและผลักไปที่รถตำรวจ เขาก็ก้มหน้าลง แล้วไม่พูดอะไรสักประโยคเดียว
และเมื่อเห็นกับตาว่าลูกเขยต่างชาติถูกนำตัวไป หวูเฉียวเหมยและหวูเชี่ยนเชี่ยน ต่างก็พากันโกรธแค้นไปหมด
“ให้ตายสิแกนี่มัน ฉันจะจัดการแก!”
ในขณะที่หวูเชี่ยนเชี่ยนตื่นต้น ก็จู่โจมเข้ามาหาฉินเทียนราวกับกำลังบ้าคลั่ง
ฉินเทียนกางมือขึ้น มีเสียงเพี๊ยเสียงหนึ่ง ที่สะท้อนดังขึ้นในหูของหวูเชี่ยนเชี่ยน
หวูเชี่ยนเชี่ยนกุมไปที่หน้าของตัวเอง อย่างโง่เขลาไปแล้ว
“แกตบฉัน?”
“แกมันไอ้เลว ไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าตบฉัน?”
หวูเฉียวเหมยถึงกับกรีดร้องว่า : “ให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าตีผู้หญิง!”
“รีบมาดูเร็วเข้า!”
“ไอ้ลูกเขยแต่งเข้าบ้านตีผู้หญิงแล้ว!”
ฉินเทียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า : “ในสายตาของฉัน มีเพียงแต่สมควรโดนตีกับไม่สมควรโดนตี ไม่มีแบ่งแยกชายหญิง”
“พึ่งไปกินอาหารต่างชาติเพียงไม่กี่มื้อ ก็ลืมว่าบรรพบุรุษเป็นใครไปแล้วอย่างงั้นสินะ?”
“วันนี้ก็แค่สั่งสอนเธอเล็กน้อย จากนี้ไปก็จดจำเอาไว้นานๆละ!”
“แม่ ฉินเทียน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
“พวกคุณทะเลาะกับคนอื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ซูซูที่เลิกงานกลับมา เมื่อเห็นฉากนี้ ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันที
“ภรรยา คุณเลิกงานแล้วเหรอ? ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ก็แค่เจอคนไม่เอาไหนสองคนที่ไม่รู้ว่าชื่อของตัวเองเขียนยังไงเท่านั้นเอง”
“พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
“ภรรยา ผมซื้อปลากับกุ้งสดมาแล้ว รอเดี๋ยวผมจะทำอาหารที่คุณชอบกินที่สุดเป็นปลาเปรี้ยวหวานและกุ้งขี้เมาให้คุณเอง”
เมื่อได้เห็นซูซู ฉินเทียนก็เปลี่ยนไปเป็นผู้ชายอบอุ่นภายในเสี้ยววินาที แล้วช่วยหยางยู่หลันเข็นรถไฟฟ้าด้วยตัวเอง แล้วเดินเข้าไปข้างในชุมชนด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเงาด้านหลังของพวกเขาหายไปแล้ว ใบหน้าที่ปิดเอาไว้ของหวูเชี่ยนเชี่ยน แล้วก็มีพิษของไฟอยู่ในแววตาของเธอ
“ไอ้เลวนี่ ฉันสาบาน เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
“แม่ ทำอย่างไรดี? ชาลีถูกจับไปแล้ว พวกเรารีบไปหาวิธีกันเถอะ”
หวูเฉียวเหมยกระทืบเท้าของเธอแล้วพูดว่า : “พวกเราไปที่สถานีตำรวจกันเถอะ ไปดูว่าจะสามารถประกันตัวได้ไหม”
ในตะกร้ารถไฟฟ้าของหยางยู่หลัน มีใบปลิวใบหนึ่งใส่เอาไว้
เขียนถึงการเปิดตัวอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วซานเหอ เมื่อไปที่สถานที่จริงก็ยังได้รับของขวัญเซอร์ไพรส์อีกด้วย
ซูซูอดทนไม่ไหวแล้วถามขึ้น : “แม่ แม่เอาอันนี้มาทำอะไร? อยากจะซื้อบ้านใช่ไหม?”
หยางยู่หลันบอกว่า : “มีคนส่งให้บนถนน ได้ยินว่าอสังหาริมทรัพย์จิ่นซิ่วซานเหอไม่เลวเลย แล้วพวกเราก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนบ้านให้ใหญ่กว่านี้เสียหน่อยอยู่พอดี”
“พรุ่งนี้พวกลูกมีเวลากันบ้างไหม? ไม่อย่างนั้น พวกเราไปดูด้วยกันเถอะ”
ซูซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า : “พรุ่งนี้บริษัทของฉันน่าจะไม่มีเรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูกันเถอะ”
“คนแซ่ฉิน เมื่อซื้อห้องใหญ่กว่านี้ นายก็จะไม่ต้องไปนอนบนโซฟาอีกแล้ว ดีใจไหม?”
ฉินเทียนหัวเราะคิกคักและพูดว่า : “ของเพียงแค่ได้มองภรรยาทุกวัน อย่าพูดถึงแค่นอนโซฟาเลย ถึงจะนอนในเล้าหมูก็ดีใจแล้ว”
ซูซูทำเป็นถุยน้ำลาย แล้วยิ้มอย่างไม่โกรธเคืองพูดว่า : “พูดเรื่องไร้ยางอาย นายจะบอกว่าทุกวันนี้นอนในเล้าหมูอย่างนั้นเหรอ หมายความว่าฉันกับแม่ต่างก็เป็นหมูอย่างนั้นเหรอ?”
“แม่ดูสิ ปกติแล้วแม่ยังทำดีกับเขา ไม่คิดเลยว่าลับหลังเขาจะบอกว่าแม่เป็นหมูไปแล้ว”
ฉินเทียนพูดอย่างรีบร้อนว่า : “แม่ คุณอย่าไปฟังที่ซูซูพูดนะ ผมไม่ได้มีความหมายว่าอย่างนั้น”
หยางยู่หลันเม้มริมฝีปากก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า : “พวกลูกสามีภรรยาทั้งสองชอบทะเลาะวิวาทกัน ก็อย่ามาลากแม่เข้าไปด้วยสิ ——แต่ว่าให้พูดอย่างจริงจังนะ ซูซู ที่จริงแล้วพวกลูกคิดว่าเมื่อไรถึงจะเตรียมตัวมีลูกกันสักทีละ?”
“ไอ๊หยาแม่!” ซูซูกระทืบเท้า หันตัวเดินขึ้นชั้นไปก่อนอย่างเดือดพล่าน
ฉินเทียนก็เอารถไปจอดให้เรียบร้อย แล้วหยิบเอาปลาและกุ้งมา ยิ้มแล้วพูดว่า : “แม่ ลองไปดูพรุ่งนี้ดีกว่า”
“จิ่นซิ่วซานเหอนี้เปิดโดยจิ่นซิ่วกรุ๊ปของอู๋เทียนสง เมื่อถึงเวลานั้น ผมยังมีเรื่องเซอร์ไพรส์ให้กับพวกคุณอีกด้วย”
หยางยู่หลันยังคิดว่า คำพูดของฉินเทียนน่าประหลาดมาก แล้วก็ยังสามารถพูดได้ว่ามีความเกี่ยวข้องภายในกับอู๋เทียนสง ได้เลือกบ้านที่ดีที่สุดไว้ได้หลังหนึ่ง
ตอนนี้ในมือของเธอยังมีเงินอยู่ไม่พอ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าไร
เธอถอนให้ใจแล้วพูดว่า : “ก่อนหน้านี้พวกเราอาศัยอยู่ในชุมชนหลงฮู๋ ตอนนี้ก็ถูกนำมาพัฒนาโดยจิ่นซิ่วกรุ๊ปแล้ว”
“ผมเคยผ่านมาก่อน เห็นว่าโดยรอบต่างก็ถูกล้อมไว้ด้วยรั่วที่สร้างขึ้นมา”
“เมื่อพูดแล้ว แม่ยังคิดถึงที่นั่นอยู่มากทีเดียว ที่นั่นได้เป็นที่เก็บความทรงจำไว้อย่างมากมายเหลือเกิน”
“เฮ้อ ทำได้เพียงแค่เสียดาย คงไม่มีทางกลับไปที่นั่นได้ตลอดไปแล้ว”
ฉินเทียนยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำลายมัน เขาตัดสินใจแล้ว เอาเรื่องเซอร์ไพรส์นี้ เก็บไว้จนถึงวันพรุ่งนี้ดีกว่า
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ซูซูก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว นั่งเท้าเปล่าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น กอดเอาชามผลไม้ใบหนึ่งแล้วก็รูดแท็บเล็ตไปด้วย
หยางยู่หลันทนไม่ไหวจนพูดว่า : “กลับมาบ้านก็รู้ว่าต้องนั่งเลาน แล้วก็ไม่คิดที่จะไปช่วยฉินเทียนทำอาหาร”
ซูซูเอาแอปเปิ้ลชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปาก พูดอย่างไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า : “แม่อย่ากวนฉัน ฉันกำลังยุ่งเรื่องงานอยู่นะ”
“ผู้จัดการส่วนตัวของมู่เฟยเฟยใกล้จะมาแล้ว ในตอนก่อนหน้านี้ ฉันจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นสายของดาราดังให้มาเท่าที่จะทำได้”
“นี่เรียกว่ารู้เขารู้เรา ถึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
หยางยู่หลันก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว
วันรุ่งขึ้น เป็นเพราะว่าใกล้จะได้ซื้อบ้านใหม่แล้ว ทั้งครอบครัวเลยมีความสุขเป็นอย่างมาก
เพราะว่าไม่ได้ทำงาน ซูซูจึงเรียกให้คนขับรถหลินเซวี่ยขับรถไปรับไปส่งหลิวชิง
ระยะก็ไม่ได้ถือว่าไกลมานัก แล้วก็มีรถประจำทางผ่านเข้าไปพอดี พวกเขาเตรียมที่จะนั่งรถประจำทางไปที่สถานที่เปิดงานของจิ่นซิ่วซานเหอ
เมื่อตอนที่กำลังรอรถประจำทางอยู่ริมถนน จากที่อันห่างไกล ก็มีเสียงหวีดของรถออฟโรดที่แล่นผ่านมาคันหนึ่ง
ผู้ชายคนหนึ่งโดดลงมาจากรถ เมื่อเห็นฉินเทียน ก็กำหมัดจ้องมองแล้วพุ่งขึ้นไป
“นายจะทำอะไร?” ซูซูพูดอย่างตกใจ
“ภรรยาไม่ต้องกลัว” ฉินเทียนรีบเข้าไปขว้างอยู่ข้างหน้าของซูซู มองไปที่ชาลี เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ทำไมเขาปล่อยตัวของนายออกมาเร็วอย่างนี้?”
ชาลีตะโกนเรียก : “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”
“แกกล้ามาต่อสู้กับฉันอย่างยุติธรรมไหมล่ะ?”
“แกแพ้แล้ว ฉันต้องการให้แกคุกเข่าขอโทษฉัน!”
“คนแซ่ฉิน แกคนจะคิดไม่ถึงสินะ สามีของฉันจะออกมาได้เร็วอย่างนี้”
มีเสียงเยาะเย้ยดังมาจากข้างหลัง หวูเชี่ยนเชี่ยนแต่งตัวอย่างสวยเพริศพริ้ง และเดินออกมากับแม่ของเธอหวูเฉียวเหมย
“สามีของฉันมีสถานะอะไร คนเหล่านั้นจะกล้าทำให้เขาลำบากใจได้อย่างไร”
“จะบอกแกให้นะ เป็นพวกเขาที่ส่งสามีของฉันออกมาด้วยตัวเอง”
“ตอนนี้ ตอนนี้ยังไม่เร็วเกินไปสำหรับพฤติกรรมไร้ยางอายของแก ขอโทษต่อสามีของฉัน!”
หยางยู่หลันพูดอย่างรีบร้อน : “ฉินเทียน เธออย่าหุนหันพลันแล่น”
“พวกฉันจะรีบไปดูบ้าน เป็นเรื่องที่ต้องรีบ”
“หวูเฉียวเหมย โน้มน้าวลูกเขยต่างชาติคนนี้ของเธอเถอะ ที่จริงแล้ว ตอนนี้ประเทศของพวกเรา ไม่ได้เหมือนกับก่อนหน้านี้อีกแล้ว”
“ชาวต่างชาติที่ก่อปัญญา ก็จะต้องได้รับการลงโทษเหมือนกัน”
หวูเฉียวเหมยก็รู้ว่าตัวเองไม่สมเหตุสมผล แต่เมื่อเห็นว่าในมือของหยางยู่หลันถือใบปลิวอสังหาริมทรัพย์ไว้ เธอก็อดที่จะหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาเสียยกใหญ่
“ฉันจะบอกให้นะหยางยู่หลัน อย่าบอกฉันนะว่า พวกเธอจะไปที่จิ่นซิ่วซานเหอเพื่อดูบ้านเหรอ?”
“เธอนี่นับวันยิ่งพองขึ้นมากเรื่อยๆจริงๆเลย เธอรู้ไหมว่าจิ่นซิ่วซานเหอเป็นชุมชนที่หรูหราขนาดไหน”
“จะบอกเธอตามตรงนะ ที่ลูกสาวและลูกเขยต่างชาติของฉันกลับมาครั้งนี้ เพราะอยากที่จะมาการตั้งรกรากในประเทศ พวกเราได้จองบ้านระดับวีไอพีไว้ที่จิ่นซิ่วซานเหอตั้งนานแล้ว”
“นั่นก็คือเป็นที่อยู่ทั้งสี่ด้านกว้างกว่าหนี่งร้อยตารางเมตร ราคารวมราวสองล้าน รอส่งมอบบ้าน ฉันก็จะย้ายไปอยู่ด้วยกันกับพวกเขา”
“พวกเธอละ?”
“อยากจะซื้อขนาดกว้างเท่าไร? คงจะไม่ได้เป็นแค่ห้องน้ำหรอกใช่ไหม”
หวูเชี่ยนเชี่ยนก็พูดอย่างดูถูกว่า : “แม้แต่รถก็ยังไม่มี จะออกไปข้างนอกยังต้องนั่งรถสาธารณะ คนแบบนี้จะซื้อบ้านได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิด ก็แค่ไปกินเค้กฟรีเท่านั้นแหละมั้ง”
“พวกรีบไปเถอะ เมื่อถึงตอนนั้นไม่ได้ถูกไล่ออกมา ถือว่าฉันแพ้”
ซูซูเห็นชาลีเป็นแค่ผู้ชายที่เหมือนกับหมี ดวงตาคู่นั้นไม่หยุดมองไปทั่วร่างกายของตัวเอง ธอพูดด้วยความรังเกียจว่า : “ฉินเทียน ไม่ต้องไปพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาหรอก”
“พวกเรารีบไปเถอะ”
ตอนนั้นก็มีรถประจำทางสาธารณะคันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างหน้าพอดี พวกเขาก็ขึ้นรถไป
หวูเชี่ยนเชี่ยนและหวูเฉียวเหมย ก็รีบลากลูกเขยชาวต่างชาติไปที่รถออฟโรดในทันที
“ชาลี ไปพร้อมกับพวกเขา!”
“ครั้งนี้ ฉันจะต้องให้พวกมันทำเรื่องน่าเกลียดในที่สาธารณะให้ได้!” หวูเชี่ยนเชี่ยนขบฟัน แล้วพูดอย่างชั่วร้าย