บัญชามังกรเดือด - บทที่ 194 ให้เป็นไปตามพรหมลิขิตเถอะ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 194 ให้เป็นไปตามพรหมลิขิตเถอะ
“นี้มันเรื่องอะไรกัน?”
“ทีมสืบสวนของพวกเจ้ามาจับกุมลูกชายของผมทำไมกัน?”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?พวกแกช่างกล้าเกินไปแล้วนะ!” พานโหย่วจื้อหน้ามืด อีกนิดก็จะเป็นลมแล้ว
เหลียนคังยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ทำไมถึงต้องจับลูกชายของคุณ ให้ลูกชายคุณตอบเองแล้วกันนะ”
สีหน้าอันเคียดแค้นของพานเจี๋ย พูดเบาๆ ว่า “เรื่องที่น้องชายผมไปลงทุนใช่ไหม?ผมผิดเองที่ให้ความช่วยเหลือเขา”
“คุณพ่อ ผมขอโทษ!”
เรื่องนั้นมันผ่านมานานหลายปีแล้ว ตอนนั้นพานหลงพึ่งจะเข้าทำงานใหม่ๆ เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจประชาชน เลยจำเป็นต้องสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์
ดังนั้นเขาเลยมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย
พานเจี๋ยใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ส่วนตัว ช่วยน้องชายเอาที่ดินมาครองอย่างผิดกฎหมาย
เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ และคิดว่าผู้เกี่ยวข้องคงไม่สืบสาวราวเรื่องมาถึงตัวเขาได้
คิดไม่ถึงว่า ด้านบนเหมือนจะลมสงบ แต่จริงๆ แล้วได้ทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องเขามานานแล้ว
ในวันนี้ที่มาจับกุมเขา นั้นแสดงว่าต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว เขาคิดจะขัดขืนก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร
เลยยินยอมยื่นมือยอมให้เขาจับด้วยมือเปล่า
ลูกชายคนโตที่เขาภูมิใจ เสาหลักและความหวังสุดท้ายของตระกูลพาน สุดท้ายก็จบลงด้วยเหตุนี้
จิตใจของพานโหย่วจื้อ พังทลายไปจนหมดสิ้น
เขาเดินโซซัดโซเซออกจากคฤหาสน์ของตระกูลอันไป พอกลับถึงบ้านเขาก็แจ้งข่าวการตายและจัดงานศพให้กับพานเหม่ยเออร์และพานหลง
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลพานเลยต้องถอนตัวออกจากเวทีชิงตำแหน่งเจ้าเมืองไปโดยปริยาย ยังดีที่หลายปีมานี้เขาเป็นคนจิตใจดี รับพานหู่เป็นบุตรบุญธรรม
แม้พานหู่จะเป็นคนพิการ แต่การฝึกฝนมาหลายปี ทำให้เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากคนหนึ่ง
สามารถดูแลกิจการของตระกูลพานและเลี้ยงดูพานโหย่วจื้อได้อย่างไม่อิดออด
สำหรับเทียนฉิน แม้ว่าความแค้นยังฝังอยู่ในใจของพวกเขา แค่ตอนนี้กำลังและความกล้ายังไม่มากพอที่จะไปล้างแค้นก็เท่านั้น
นอกจากจะมีโอกาสพิเศษที่จะเข้าถึงตัวพวกเขาได้
……
คฤหาสน์ของตระกูลอันบรรยากาศกำลังครึกครื้น
นายท่านอานกั๋วราศีเปล่งปรั่ง พาผู้คนของตนต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาอวยพรด้วยเหล้ามงคล
ฉินเทียนและหลิวหรูยู่ไม่ชอบออกงานสังคมมากนัก ดังนั้นพวกเขาทั้งสองเลยไม่ได้ตามอานกั๋วไปดื่มเหล้าอวยพร
หลิวหรูยู่มองฉินเทียน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เธอรู้สึกไหมว่านั่งกินข้าวอยู่ตรงนี้มันไม่เป็นอิสระสักเท่าไร?”
ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “ก็เฉยๆ นี่”
“ก็เพราะว่าคุณหลิวสวยจนดึงดูดคนเยอะเกินไปล่ะมั้ง คุณดูสิ ผู้คนรอบๆ นี้เขาสนใจกินข้าวที่ไหนกันล่ะ เขามัวแต่มองคุณกันทั้งนั้นแหละ”
หลิวหรูยู่เบ๊ปากแล้วพูดว่า “บางคนก็มองคุณเหมือนกันแหละ”
ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “พวกเขามองคุณด้วยความชื่นชมและอิจฉา แต่มองผมราวกับเป็นเสี้ยนหนามไง”
“ผมเชื่อว่า ในนี้มีคนนับร้อยที่อยากจะฆ่าผมเพื่อมาแทนที่ผม”
หลิวหรูยู่ยิ้มและส่งสายตาพร้อมกับพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราไปเปลี่ยนที่กินข้าวดีไหม”
“ตามฉันมา!”
หล่อนลุกขึ้น ดึงมือของฉินเทียนและวิ่งไปทางด้านหลัง
มาถึงลานด้านข้างอันเงียบสงบ เมื่อเดินเข้าประตูนั้นไป ฉินเทียนก็ได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
“กลิ่นอะไรหน่ะ?”
“คุณเตรียมอะไรไว้หรือ?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
หลิวหรูยู่ยิ้มและตอบว่า “ที่นี่คืนสวนของฉันเอง คนภายนอกจะเข้ามาได้น้อยมากถ้าไม่ได้รับอนุญาต”
“รีบเดินเถอะ เดี๋ยวไปถึงข้างในก็รู้เองแหละ”
หล่อนดึงมือฉินเทียน เข้าไปในห้อง เมื่อเห็นฉากที่อยู่ด้านหน้า ฉินเทียนก็ตะลึงจนตาโต
เห็นหยางหรงนั่งอยู่ข้างๆ มีหม้อเป็ดแมนดารินอยู่บนโต๊ะ ส่วนด้านข้างก็มีเนื้อแพะเนื้อวัววางยั่วความหิวอยู่เต็มไปหมด
ผ้าขี้ริ้วเนื้อวัว เนื้อกุ้งและลูกชิ้นต่างๆ มากมาย
พี่หรงคีบผ้าขี้ริ้วขึ้นมาหนึ่งชิ้น จุ่มลงในจานรอง กำลังจะป้อนเข้าปาก
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสอง ก็อดที่จะตกใจไม่ได้
“เออออ___” แสดงปฏิกิริยาตอบกลับ พี่หรง พูดด้วยความเก้อเขินว่า “ฉันคิดว่า พวกเธอทั้งสองจะกินข้าวเป็นเพื่อนนายท่านอยู่ข้างหน้าซะอีก”
“ฉันก็เลย ออกมากินคนเดียว”
หลิวหรูยู่ดึงฉินเทียนให้นั่งลง ยิ้มและตอบว่า “หมอเทวดาฉิน หม้อไฟที่คุณอยากกิน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ตกลงไหม?”
ใช้พลังฝังเข็มกุ่ยเหมินสิบสามเข็ม คงต้องใช้ลมปราณเป็นอย่างมาก เพื่อทำการรักษา อานกั๋ว ฉินเทียนคงต้องหิวแล้วแน่ๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว หม้อไฟที่ทั้งหอมทั้งเผ็ดร้อน คงอร่อยกว่าอาหารป่าอาหารทะเลในงานเลี้ยงด้านนอกเป็นไหนๆ
เขาเลยไม่เกรงใจอีกต่อไป หยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก
หยางหรงรู้สึกแปลกใจ หล่อนมองหลิวหรูยู่และพูดว่า “ให้ฉันไปที่อื่นก่อนไหม?”
“หลิวหรูยู่หน้าแดงและตอบว่า “พี่หรงเธอพูดอะไรไร้สาระ”
“พวกเราไม่ใช่คนนอกสักหน่อย กินด้วยกันแหละ”
พี่หรงยิ้มและพูดว่า “จริงๆ แล้วฉันก็กินไปได้สักพักแล้วหล่ะ เลยไม่อยากอยู่เป็นก้างขว้างคอใคร”
“คุณหมอเทวดา ฉันเคยรับปากเจ้าว่า หากรักษานายท่านเสร็จ ฉันจะช่วยคุณจีบผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ฉันทำตามสัญญาแล้วนะ”
“ฉันจะบอกอะไรคุณให้ นี้คือสิ่งล้ำค่าที่สุด และยังไม่เคยมีความรักมากก่อน”
“ฉันยกให้คุณ สู้ๆ นะ”
พูดพลางก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
“หยางหรง!”
“ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ ฉัน…ฉันจะไล่เธอออก!” หลิวหรูยู่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง รู้สึกเหมือนจะร้อนใจจริงๆ
หยางหรงยิ้มและพูดว่า “จะเป็นอะไรไปเล่า โตโตกันแล้วทั้งนั้น”
“ฉันรู้หล่ะ เธอคิดว่าเขามีภรรยาแล้วใช่ไหม?”
“เห้อ คนสมัยนี้ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
“เทียนโฮ่ว กล้าๆ หน่อย ไม่ต้องอายใคร”
หลิวหรูยู่กัดฟันพูดไม่ออกหยางหรงดึงมือของหล่อนมาและพูดว่า “ฉันดูออก ว่าเธอมีใจให้กับเขา”
“บางทีเธอเองอาจจะไม่ทันรู้ตัว ตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากมิลาน เธอก็เปลี่ยนไป เด็กโง่ นี้แหละที่เขาเรียกว่าความรัก”
“ชีวิตคนเรามันสั้นนัก กล้าๆ หน่อย จะมีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียง ฉันว่ามันไม่สำคัญหรอก”
“เชื่อฉันเถอะ ไม่มีชื่อเสียงยิ่งดีกว่า แบบนี้เธอทั้งคู่จะได้ไม่ต้องผูกมัดกับทางโลก ถ้าไปด้วยกันได้ก็อยู่ด้วยกันไป แต่ถ้าไปกันไม่ได้ก็แค่เลิกรา”
“ดีจะตาย”
ได้ยินดังนั้น หลิวหรูยู่กลับมีท่าทีเงียบขรึม หล่อนหน้าแดง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ในสมองมีเสียงเรียกออกมาว่า ตัวเองหลงรักเขาแล้วจริงๆ หรือ?นี้มันคือความรู้สึกรักแล้วจริงๆ ใช่ไหม?
แล้วก็อยากจะ…ให้เขาเป็นคนรักจริงๆ หรือ?
หล่อนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางฉินเทียนด้วยความเขินอาย
ฉินเทียนกินเนื้อไม่หยุด และดูเหมือนจะไม่ได้ยินบทสนทนาของหญิงสาวทั้งคู่
เขาจะทำอะไรได้เล่า?แม้แต่ผู้หญิงเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างหยางหรง เขาเองก็ยากที่จะรับมือเลย
ดังนั้น แสร้งทำเป็นคนนอกเลยจะดีเสียกว่า
หยางหรงเริ่มไม่ค่อยพอใจเท่าไรแล้ว พูดอย่างอารมณ์เสียว่า “นี้ฉันจะบอกอะไรให้นะฉินเทียน คุณอย่ามัวแต่ห่วงกินสิ”
“แม้ว่าคุณจะเป็นหมอเทวดา แต่หรูยู่ของพวกเราก็ไม่เลวเหมือนกันนะ”
“คุณหลิว ดาราชื่อดัง มีอะไรไม่คู่ควรกับคุณงั้นหรือ?”
“ถ้ายังไม่หวั่นไหว ก็คงไม่ใช่ผู้ชายแล้วล่ะมั้ง?”
พูดพลาง ก็ค่อยๆ ผลักหลิวหรูยู่เข้าไปใกล้ๆ กับฉินเทียน
ฉินเทียนเองก็ยากที่จะวางเฉยอีกต่อไป ที่จริงแล้วเขาเองก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
เขารู้ว่า ถ้าเขาจับมือของหลิวหรูยู่ในตอนนี้ หลิวหรูยู่เองก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาอย่างแน่นอน
แต่มันก็จะกลายเป็นการค้าสิ แล้วคนอย่างเขาฉินเทียนจะแตกต่างจากสัตว์ตรงไหนกัน?
ไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อตนเอง แถมยังเป็นการดูถูกและดูหมิ่นต่อบต่อซูซู และหลิวหรูยู่อีกด้วย
เขาวางตะเกียบลง ยิ้มแหยๆ และตอบว่า “พี่หรง เธอเข้าใจผิดแล้ว”
“ที่ผมรักษานายท่าน ไม่ได้ต้องการที่จะได้เขา”
“ผมยอมรับ หรูยู่เป็นคนดีเลิศ แต่ผมเองก็มีภรรยาอยู่แล้ว”
“เรื่องบางเรื่อง ให้เป็นไปตามพรหมลิขิตเถอะ”