บัญชามังกรเดือด - บทที่ 199 ความรู้สึกอันลึกซึ้ง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 199 ความรู้สึกอันลึกซึ้ง
ในที่สุด รถทั้งสองคันก็จอดอยู่ด้านหน้าของอาคาร
เหลิ่งเฟิงและคนอื่นๆ ลงจากรถ มองดูต้นไม้ที่อยู่ด้านข้างมีคนยืนอยู่แถวหนึ่ง สีหน้าของพวกเขาดูจริงจังเคร่งขรึม
เหลิ่งเฟิงแสดงว่าคำนับและพูดว่า “ขอคารวะศิษย์พี่!”
ฉานเจี้ยนพยักหน้า พูดกับฉินเทียนว่า “คนพวกนี้จะมาร่วมรับประทานอาหารในค่ำคืนนี้ใช่ไหมครับ?”
ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “ใช่”
ฉานเจี้ยนตะโกนขึ้นว่า “คำสาปสวรรค์!ขอต้อนรับบรรดาพี่น้องหมาป่าสันโดษทุกท่าน”
พูดพลาง พวกเขาก็เดินออกไปด้านข้าง
มีกองไฟสี่กองอยู่ตรงพื้นที่โล่งด้านหลัง
กองไฟแต่ละกอง มีแพะหนึ่งตัวแขวนอยู่ ย่างจนหนังด้านนอกดูกรอบ เนื้อด้านในดูนุ่ม มันเยิ้มๆ หยดติ๋ง
นี้ไม่ใช่ลูกแพะสิบปอนด์ที่ขายอยู่ตามร้านอาหารทั่วๆ ไป ฉินเทียนให้บูซานจับมาจากทุ่งหญ้าและปรุงขึ้นมาเองทั้งหมด
แพะทุกตัวเป็นแพะวัยรุ่น หลังจากเชือดแล้ว ก็หนักอยู่หลายสิบโล
เหล่าบรรดาหมาป่าสันโดษ กลืนน้ำลายเฮือกๆ อย่างไม่รู้ตัว ดวงตาเขียวปั๊ด
เหลิ่งเฟิงตื่นเต้นและพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ยกเหล้าลงมา!”
“ครับ!”
หมาป่าสันโดษ เปิดกระโปรงหลังรถ เริ่มทยอยขนเหล้าลง
มองดูพวกเขาค่อยๆ ยกลงทีละลังสองลัง จนครบทั้งหมดยี่สิบลัง วางกองกันจนกลายเป็นกำแพงอยู่เบื้องหน้า
คนของคำสาปสวรรค์ ต่างยืนตะลึงเบิกตากว้างกันหมด
ไอ้คนพวกนี้ มันมาสู้ชีวิตอะไรที่นี่กันหว่ะ?
ถงชวนหัวเราะและพูดว่า “ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ!”
“มาสิ ดูสิว่าใครจะขี้ขลาดใครจะสารเลวกันแน่!”
เถียปี้ตะโกนเรียก “มาซัดกันสักตั้ง แมร่ง คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ!”
เหลิ่งเฟิงกับฉานเจี้ยนมองหน้ากัน
ฉานเจี้ยนตะโกนพูดว่า “พี่น้องหมาป่าสันโดษทั้งหลาย เชิญประจำที่!”
เหลิ่งเฟิงตะโกนกลับไปว่า “เชิญ!”
ทั้งสองคน เนื่องจากยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไรนัก เลยนั่งรวมๆ กันไป
คนของคำสาปสวรรค์ ครองแกะสองตัว คนของหมาป่าสันโดษ ก็ครองแกะอยู่สองตัวเช่นกัน
เถียหนิงซวงดื่มจนหน้าแดง มองไปที่ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “คุณจะอยู่ฝั่งไหน?”
ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “พวกเราไม่ดื่มเหล้า เดี๋ยวแยกไปนั่งด้านนั้นแล้วกัน พี่เหมย พี่ช่วยไปเตรียมขาแกะให้ที”
เหมยหงเซว่รีบไปเอายาแกะมาข้างหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าของฉินเทียน
แต่หล่อนตื่นเต้นและพูดว่า “คุณกับน้องหนิงซวงไม่ดื่มเหล้า นั่งตรงนี้ก็ได้”
“ฉันจะไปดื่มเหล้า”
“แมร่ง คนพวกนี้ชอบข่มเหงคนอื่น ถ้ามอมเหล้าพวกเขาไม่ได้ คงคิดว่าพวกเราคำสาปสวรรค์สู้ไม่ได้ล่ะมั้ง”
เถียหนิงซวงยิ้มและพูดว่า “พี่เหมย พี่คอแข็งแค่ไหน?”
เหมยหงเซว่กัดฟันแล้วตอบว่า “ปกติเจ็ดตำลึง วันนี้รับประกันว่าต้องหนึ่งปอนด์”
เถียหนิงซวงกัดฟันและพูดต่อว่า “ดีเลย ทุ่มสุดตัว วันนี้เรามาดื่มไปด้วยกัน”
“พี่เทียน พี่กินเองนะ พวกเราจะไปดื่มกับพวกคำสาปสวรรค์”
พูดพลาง หญิงสาวทั้งสอง ก็ยกจานยกชามย้ายไปนั่งแถวคำสาปสวรรค์
ฉินเทียนกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบไปซะแล้ว อยู่กับขาแพะย่างที่วางตรงหน้า
เขาเห็นคนของคำสาปสวรรค์และหมาป่าสันโดษ เพราะว่ายังไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไรนัก ดังนั้นพวกเขาเลยแบ่งนั่งออกเป็นสองแถว ต่างก้มหน้าก้มตากินเนื้อ ไม่พูดไม่จากัน
ใช้สกรูเปิดเหล้าขาวมาหนึ่งขวด เทลงครึ่งเหยือกชา
ที่นี่ไม่มีแก้วเหล้า อุปกรณ์สำหรับดื่มเหล้า ก็คือกาน้ำชาเคลือบขนาดใหญ่นั่นเอง
“มา บรรดาพี่น้องทั้งหลาย”
“ช่วงนี้ทุกคนเหนื่อยกันมามาก ชนแก้วกันสักหน่อย”
เขายกกาน้ำชาขึ้น
พูดตามตรง ในใจเขาเองก็รู้สึกดีใจมาก ช่วงนี้ทีมคำสาปสวรรค์ร่วมกันทำลายงูจงอาง
ส่วนเหลิ่งเฟิงเองก็นำทีมหมาป่าสันโดษ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลซูซูในเมืองอย่างสุดความสามารถ
คนที่ฉินเทียนรู้สึกชื่นใจมากที่สุดคือ ปีศาจร้ายที่ก่อกวนซูซูมานานหลายปี ในที่สุดก็หายไปแล้ว
เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยสบายใจเท่าวันนี้มาก่อนเลย
“ขอบคุณมากนะพี่เทียน!”
“ดื่ม!”
“ชนแก้ว!”
ทีมหมาป่าสันโดษกับทีมคำสาปสวรรค์ ต่างยกกาน้ำชาใบใหญ่ขึ้น
หลังจากดื่มเสร็จ ต่างก็พากันก้มหน้าก้มตากินเนื้อกันต่อ ไม่มีใครพูดอะไร
ฉินเทียนรู้สึกกังวล เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมคำสาปสวรรค์กับทีมหมาป่าสันโดษ เพราะว่ายังไม่รู้จักกัน เกือบจะทะเลาะวิวาทฆ่ากันตายอยู่แล้ว
เขากังวลว่าในใจของทั้งสองอาจจะยังขุ่นเคืองกันอยู่
ความคับข้องใจนี้ มีเพียงเขาที่จะทำลายมันลงได้
เขานำดื่มอยู่อีกหลายรอบ เหล้าที่อยู่ในกาน้ำชาใบใหญ่นั้น เกือบจะลดลงจนหมดกาแล้ว เขาเริ่มรู้สึกจุกเสียดและเริ่มวิ่งขึ้นไปที่หัวแล้ว
ในขณะที่เขากำลังเป็นกังวลอยู่นั้น ว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อดี
ในที่สุดสถานการณ์ตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
“พี่น้องคำสาปสวรรค์ เรียกผมว่าเจ้าหกได้ครับ”
“ขอบคุณสำหรับแกะย่างของพวกคุณ มา ผมขอดื่มให้หนึ่งแก้ว”
เจ้าหกฝั่งหมาป่าสันโดษ ยกกาน้ำชาและยืนขึ้น
ฟากของคำสาปสวรรค์เงียบไปชั่วขณะ ถงซวนก็หัวเราะ และยืนขึ้น
“พี่เจ้าหก พี่คนเดียว เคารพทีมคำสาปสวรรค์ทั้งทีม ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนะ?”
“ผมชื่อถงซวน ผมดื่มกับคุณเป็นการส่วนตัวเลยเป็นไง?”
เจ้าหกตะโกนพูดว่า “งั้นก็ดี ผมจะดื่มหมดแก้วก่อนเพื่อแสดงความเคารพ!”
พูดพลาง เพียงเฮือกเดียวก็ดื่มเหล้าในกาน้ำชาครึ่งใบนั้นจนหมด ใบหน้านั้น ไม่ช้าก็กลายเป็นสีแดง
ถงซวนไม่ยอมแพ้ เฮือกเดียวก็ดื่มเหล้าในกาน้ำชาครึ่งใบนั้นจนหมด
“พี่น้องหมาป่าสันโดษ ใครจะมาชนกับผมอีกบ้าง?”
“พวกเรารู้สึกดีแค่ไหน ก็ดื่มแค่นั้น” เถียปี้ยำกาน้ำชาและยืนขึ้น
“ผมเอง!” ฟากของหมาป่าสันโดษ มีคนรีบลุกขึ้นยืนทันที
ดื่มหมดแก้วเพื่อแสดงความเคารพเช่นกัน
หลังจากดื่มเสร็จ ทั้งสองฝั่ง ก็เงียบกันไปชั่วขณะ
“แมร่ง พี่น้องทั้งหลาย ดื่มเหล้าแบบช้าๆ เอื่อยๆ อะไรกันแบบนี้”
“ผมชื่อเหมยหงเซว่ ฉายานามอีเจี้ยนเหมย พวกเรามายกซดขวดกันเลยดีกว่า!” เหมยหงเซว่เปิดเหล้าหนึ่งขวดและยืนขึ้น
คนของฝั่งหมาป่าสันโดษต่างมองหน้ากันไปมา เหลิ่งเฟิงกัดฟันและพูดว่า “ผมเอง!”
แม้แต่ฉินเทียนเองก็ยังตกใจ
เขารู้ดีว่าเหมยหงเซว่ค่อนข้างใจกล้า แต่ก็คิดไม่ถึงว่า จะกล้าได้ขนาดนี้
หยิบขวดเหล้าขึ้นมายกซด
นี้มันไม่ใช่น้ำเย็นนะ เหล้าขาวแอลกอฮอล์ห้าสิบหกเปอร์เซ็นต์!
พอยกซดจนหมดขวด บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที!
ต่อมา การตะลุมบอนก็เกิดขึ้น!
ทั้งสองฝ่ายต่างดวลกัน ไม่มีใครยอมแพ้ใคร เหล้าขาวดีกรีสูงแบบนั้น ดูกลายเป็นน้ำเย็นไปเลย
ขวดเปล่าด้านข้าง กองพะเนินสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์
สัตว์ป่าที่อยู่ในสวนอันไกลโพ้น ต่างมีท่าทีกระสับกระส่ายไม่สงบ
การตะลุมบอนนี้ใช้เวลาต่อเนื่องอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง สถานการณ์ดูยุ่งเหยิงไปหมด
ตอนเริ่มแรก ยังแยกแยะได้ชัดเจนอยู่ คนสองกลุ่ม อยู่ในที่ของตัวเอง ต่างคนต่างมีแกะย่างฝั่งละสองตัว
แต่หลังจากนั้น โอบกอดรัดคอกัน มั่วรวมกันไปหมด
“ดื่ม!”
“ใครไม่ดื่มคนนั้นเป็นไอ้สารเลว!”
ทีมหมาป่าสันโดษ น้องชายอันดับแปด เดินถือขวดเหล้าโซซัดโซเซ
เดิมทีเขาอยากจะไปหาอาเปิน คิดไม่ถึงว่า มือของเขากลับไปวางอยู่บนไหล่ของเถียหนิงซวง
เถียหนิงซวงรีบกันตัวไป ใบหน้าสวยราวกับดอกท้อ
เจ้าแปดดื่มเข้าไปมากจนน่ากลัว เมื่อเห็นใบหน้านี้ เลยอึ้งขึ้นมาทันที อ้าปากค้างจนพูดไม่ออก
“คุณจะดื่มกับฉันไหม?” เถียหนิงซวงถาม
จู่จู่เจ้าแปดก็หน้าแดงขึ้นมา พูดออกไปว่า “ขอโทษ” ก้มหน้าจะเดินไป
“หยุดนะ!”
“ใครไม่ดื่มคนนั้นเป็นไอ้สารเลว!” เถียหนิงซวงตะโกนเสียงดัง หยิบเหล้ามาสองขวดและพูดว่า “มา หมดขวด!”
“ว้าววว!”
“น้องหนิงซวงผู้ทรงพลัง!”
“หมดแก้วเพื่อผู้ชายขี้เหร่พวกนี้!” เหมยหงเซว่เกือบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ยังตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าแปดสู้ๆ!”
“อย่าให้หมาป่าสันโดษต้องขายหน้า!”
“แกจะแพ้เด็กสาวไม่ได้นะ!”
กลุ่มผู้ชายสูงวัยต่างร้องตะโกนขึ้น