บัญชามังกรเดือด - บทที่ 205 มีคุณธรรม
บัญชามังกรเดือด บทที่ 205 มีคุณธรรม
“หัวหน้าแก๊ง?”
พี่ยิงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความตื่นเต้น: “เหตุใดท่านถึงมาด้วยตัวเอง?”
“เรื่องเล็กน้อย ผมสามารถจัดการได้!”
พี่ใหญ่ของแก๊งเทียนหลง เฉียงหลงหัวหน้าแก๊ง นึกไม่ถึงว่าจะมาด้วยตนเอง!
ดูเหมือนว่า พี่ยิงคนนี้จะเป็นคนที่ไว้วางใจแถวหน้าของเฉียงหลงจริงๆ เฉียงหลงพาพวกพ้องมาด้วยตนเอง มาหนุนหลังให้เขา
เถ้าแก่ของร้าน4S กลายเป็นเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งในชั่วพริบตา พยักหน้าโค้งตัวลงแสดงความเคารพ จุดบุหรี่ด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมแก่เฉียงหลง
เฉียงหลงไม่ได้มองเขาแม้แต่แวบเดียว
เมื่อตอนที่เห็นว่าฉินเทียนถูกล้อมอยู่ตรงกลาง เขาก็เข้าใจทันที
เมื่อเห็นว่าในดวงตาเขาแฝงไปด้วยเจตนาสังหาร สีหน้าของเขาซีดเผือด จ้องมองพี่ยิง เสียงเน้นทุกคำ กัดฟันกล่าว: “บอกฉันมา เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
พี่ยิงรีบร้อนกล่าว: “ไอ้หนุ่มคนนี้ข่มขู่ว่าจะทุบร้าน ร้านนี้ผมคุ้มครองอยู่”
“ผมเข้ามาถามซักถามเขา เขากลับบอกว่า เขามีน้องเล็กคนหนึ่ง เป็นคนในแก๊งเทียนหลงของพวกเราเช่นกัน”
“พี่เฉียง ไอ้หนุ่มนี้พูดซี้ซั้วเต็มปากเต็มคำใช่หรือไม่ แท้ที่จริงแล้วเขาไม่มีน้องเล็กอยู่ในแก๊งเทียนหลงของพวกเรา?”
“นึกไม่ถึงว่าจะกล้าแอบอ้างชื่อแก๊งเฉียงหลงของพวกเรา พี่เฉียงโปรดระงับโทสะ ผมจะทำลายมันเดี๋ยวนี้!”
“ไอ้ระยำ!” เฉียงหลงตะคอกอย่างเดือดดาล ตบฉาดเข้าไปที่พี่ยิงที่มีสงสัยในชีวิต
หลังจากนั้น เฉียงหลงกัดฟันแน่น จำใจต้องบากหน้า เดินมุ่งไปทางฉินเทียน
“พี่เทียน——” เขายิงฟันยิ้มเจื่อน
ฉินเทียนสะบัดมือ ตบเข้าไปบนใบหน้าของเฉียงหลงฉาดหนึ่ง
การตบฉาดนี้ ทำให้ทุกคนที่ไม่ใช่พวกพ้องของเฉียงหลง ทุกคนงุนงงไปแล้ว
นึกไม่ถึงว่าเขา จะกล้าตบหน้าของพี่ใหญ่แก๊งใหญ่อันดับหนึ่งแห่งหลงเจียง!
ยังคงไม่หยุดตบหน้า
ฉินเทียนตบผลัวะผลัวะผลัวะผลัวะ เข้าไปที่หน้าข้างหนึ่งของเฉียงหลง ตบหน้าติดต่อกันเจ็ดแปดครั้ง
จนใบหน้าครึ่งหนึ่งของเฉียงหลงบวมขึ้นมาทันที ถึงจะหยุด
“ฉันตบแก แกยอมไหม?” เขาเอ่ยถามด้วยความเย็นชา
เฉียงหลงก้มหน้า กล่าวอย่างหวาดกลัว: “ยอมครับ!”
ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชา: “นี่คือสิ่งที่แกช่วยฉันจัดการแก๊งเทียนหลง?”
ศีรษะของเฉียงหลงยิ่งก้มลงต่ำกว่าเดิม กล่าวอย่างเสียใจและโกรธ: “เป็นความผิดพลาดของผม!”
“ขอพี่เทียนได้โปรดลงโทษ!”
พี่ยิงอ้าปากค้าง
หน้าตาเหลือเชื่อ แต่ว่าเรื่องจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ทำให้เขาขาอ่อนยวบทันที คุกเข่าลงไปบนพื้นดังตึง
น้องเล็กคนนั้นที่ฉินเทียนพูดถึง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งของแก๊งเทียนหลง!
“ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก ฉันจะตีขาแกให้หัก!”
“จะจัดการอย่างไร แล้วแต่แกจะจัดการ”
“ตอนนี้ พาไอ้พวกสวะเหล่านี้ของแก ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน!”
“ครับ ผมไสหัวไปเดี๋ยวนนี้ครับ!”
“ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
เฉียงหลงราวกับได้รับอภัยโทษ คว้าผมของพี่ยิงเอาไว้ แล้วลากกลับขึ้นรถไป
ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทที่เขาพามาเหล่านั้น ก็รีบปฏิบัติตาม คว้าผมของลูกน้องพี่ยิงเหล่านั้น
เหมือนกับกำลังลากหมาตกน้ำฝูงหนึ่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ได้โปรดไว้ชีวิต!”
“พี่เฉียงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“พี่เทียน ผมผิดไปแล้ว!”
“ผมมีตาหามีแววไม่ พี่เทียนได้โปรดเมตตาด้วย!”
เสียงร้องขอให้ไว้ชีวิตที่ตื่นตระหนกหวาดกลัว ทันทีที่ติดเครื่องยนต์ ก็สลายหายไปด้วยความรวดเร็ว
ที่เกิดเหตุ ก็กลับไปสงบเงียบตามเดิมอีกครั้ง
ไม่มีใครพูดจา ทั้งหมดมองดูฉินเทียน สายตาซับซ้อน
ฉินเทียนมองซังซิน กล่าวอย่างดูแคลน: “ตอนนี้แกเชื่อแล้วหรือยัง ว่าฉันสามารถทุบร้านแกได้?”
ซังซินคุกเข่าลงไปดังตึง: “พี่เทียนได้โปรดไว้ชีวิต!”
“ผมผิดไปแล้ว!”
“ขอให้พี่เทียนได้โปรดเมตตากรุณาด้วย!”
“ผมจะเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ลูกค้าท่านนี้เดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนไม่พูดจา เขาจึงกล่าวอย่างรีบร้อน: “เปลี่ยนเป็นรุ่นท็อปสุด!”
“แล้วก็ ซ่อมบำรุงฟรีตลอดชีวิต!”
“แล้วก็มอบบัตรเติมน้ำมันอีกห้าหมื่นบาทให้อีกหนึ่งใบ!”
สีหน้าของฉินเทียน ถึงจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย หันไปยิ้มแล้วกล่าวกับหลี่จง: “ลุงหลี่ อาจดเบอร์โทรศัพท์ใหม่ของผมเอาไว้”
“ต่อไปมีเรื่องอะไร สามารถโทรศัพท์หาผมได้ตลอดเวลา”
หลี่จงนอกจากความตกตะลึงแล้ว เข้าใจดีว่าตอนนี้เขากับฉินเทียนไม่ได้อยู่โลกใบเดียวกันแล้ว จากไปอย่างรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง
พี่เทียน เชิญท่านเข้าไปด้านในดื่มน้ำชา!” เมื่อเห็นว่าฉินเทียนไม่เดิน ซังซินและลูกน้องกลุ่มหนึ่งของเขา ทั้งหมดราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
ในสายตาของพวกเขา นี่ก็คือท่านพญายมท่านหนึ่ง!
ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชา: “ไม่ต้องแล้ว”
“ฉันเตรียมตัวที่จะไปตกปลา อยากจะซื้อรถสักคัน”
“มีรถออฟโรดที่สมรรถนะค่อนข้างดีหน่อยหรือไม่?”
ซังซินรีบยิ้มกล่าว: “รถออฟโรดของพี่เทียนนะ เป็นหน้าที่ผมจัดการ!”
“ไม่มีอะไรเหมาะสมเกินพราโดคันนี้อีกแล้ว พี่เทียน ผมมอบให้พี่ ก็ถือเป็น น้ำใจเล็กๆน้อยๆของน้องเล็ก!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป เขาเองก็ต้องกัดฟันเอาไว้เช่นกัน อย่างไรเสียพราโดหนึ่งคันก็หลายแสน เขาก็เข้าเนื้อเช่นกัน
ฉินเทียนกวาดสายตามองไปแวบหนึ่ง เดินเข้าไปด้านในมุ่งหน้าไปทางรถคันหนึ่ง
“คันนี้คือแลนด์ครุยเซอร์ใช่ไหม? ได้ยินมาว่าสมรรถนะไม่เลว เอาคันนี้แล้วกัน”
ซังซินยิงฟัน แลนด์ครุยเซอร์5.7แรงม้ารุ่นท็อปสุดคันนี้ หนึ่งล้านกว่าหยวน เขาจอดไว้ที่ห้องโถงใหญ่ หลักๆก็คือเอาไว้จัดแสดง
ฉินเทียนช่างโลภมากไม่รู้จักพอ คิดไม่ถึงว่าต้องการให้ตนเองมอบรถคันนี้ให้
แต่ว่า เมื่อนึกถึงสถานะของฉินเทียนขึ้นมา เขาก็กัดฟัน ถึงจะเสียค่าตอบแทนไปสูงอย่างไรก็ยอม
“เร็ว รีบไปนำกุญแจมาให้พี่เทียน!”
“พี่เทียน รถคันนี้ผมมอบให้ท่าน ต่อไปก็หวังว่าจะขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
“ท่านโปรดวางใจ พวกเราจะต้องทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมแน่นอน เหมือนกับเรื่องแบบนั้นเมื่อครู่นี้ จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด!”
“มีคุณธรรม?” ฉินเทียนกล่าวอย่างดูแคลน: “แกลองคลำๆดู คนอย่างพวกแกประเภทนี้ ยังมีคุณธรรมอยู่ไหม?”
“รูดบัตรเถอะ”
ซังซินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบกล่าว: “พี่เทียน พูดเอาไว้อย่างดีแล้ว ผมมอบให้คุณ!”
“ผมมอบให้ด้วยความจริงใจ คุณอย่าได้เกรงใจอย่างเด็ดขาด!”
ฉินเทียนกล่าวอย่างเรียบเฉย: “อยากจะมอบของให้ฉัน ขออภัย แกยังไม่มีคุณสมบัติข้อนั้น”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนรูดบัตรตามราคาเดิม ไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว หนึ่งล้านกว่าหยวน แม้แต่ตาก็ไม่กะพริบ
ในที่สุดซังซินก็เข้าใจ ถึงความต่างชั้นของเขากับฉินเทียน
เขาคิดอยากจะประจบสอพลอ ก็ยังไม่คู่ควร
ฉินเทียนเปิดประตูรถแลนด์ครุยเซอร์ออก จำเป็นต้องพูดว่า ถึงแม้ว่าร้าน4Sจะใจดำ แต่ว่า รถเป็นรถที่ดี
โดยเฉพาะแรงขับที่ทรงพลัง ทำให้ฉินเทียนอดเอาไว้ไม่ได้ที่คิดอยากจะไปเดินทางท่องเที่ยวในธรรมชาติเสียหน่อย
ที่ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาข้างทางแห่งหนึ่ง ซื้ออุปกรณ์ครบชุด เขาขับออกไปนอกเมืองอย่างร้อนอกร้อนใจ
ขับมาตามเส้นทางที่หลินเซวี่ยบอกคร่าวๆ มาถึงหาดหินรกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ
นำรถจอดไว้ด้านข้าง เขาหาก้อนหินมาหลายก้อน มาค้ำคันเบ็ดตกปลาหลายอันเอาไว้
อันที่จริงแล้วการตกปลาสำหรับฉินเทียน ถือว่าไม่ใช่ไม่คุ้นเคย
แต่ก่อนตอนที่อยู่ตระกูลฉินซีเป่ย ตอนที่เขาอายุน้อย ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา แม้แต่คนรับใช้ในบ้านต่างก็บีบคั้นเขาในทุกๆด้าน
ในช่วงเวลาที่กลัดกลุ้ม เขาไม่มีอะไรทำก็จะไปตกปลาที่แม่น้ำลำคลองนอกเมืองคนเดียว
นั่งทีก็นั่งทั้งวัน
เขาในตอนนั้น เป้าหมายหลักก็คือ ไม่ใช่การตกปลา แต่เพื่อหลบหนีจากสีหน้าท่าทางที่เยาะเย้ยเสียดสีเหล่านั้น
บ่อยครั้งรอจนกว่าฟ้าจะมืด คนในบ้านทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ถึงจะแอบคลำทางท่ามกลางความมืดกลับบ้านคนเดียว
ฝีมือการทำปลา ก็ฝึกปรือมาจากตอนนั้น
เนื่องจากขนาดของตระกูลฉินใหญ่โต หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะไม่เอาอาหารขึ้นโต๊ะอีก เขาทำได้เพียงแค่หลบอยู่ในห้องคนเดียว กินปลาที่ตัวเองตก
คิดไม่ถึงว่า วันหนึ่ง ฝีมือการตกปลานี้ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถได้ใช้ประโยชน์ในเวลาที่จำเป็น
นึกถึงตอนกลางคืน ซูซูกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว เมื่อเห็นน้ำแกงปลาที่สดอร่อยที่ลงมือเคี่ยวด้วยตนเอง ไม่แน่ว่าอาจจะยกโทษให้แก่ความประมาทเมื่อคืนนี้ของตนเอง
เขาสงบสติอารมณ์ ตั้งใจตกปลา
โชคไม่เลว
ไม่นานก็มีปลาติดเบ็ด
ผ่านไปหลายชั่วโมง ในถังเก็บปลาของเขา เต็มไปด้วยปลาเฉาฮื้อ ปลาหลีฮื้อ ปลาตะเพียน รวมทั้งขึ้นชื่อชนิดต่างๆของหลงเจียง รวมๆกัน ประมาณหลายสิบตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตะพาบยักษ์สองตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นก็คือแตกต่างออกไป มองดูจะเห็นได้ชัดว่าสดใหม่มีชีวิตชีวากว่าที่ขายอยู่ในตลาดแบบนั้น
ฉินเทียนนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ตนเองสามารถตกเพิ่มได้อีกนิดหน่อย นำกลับไปปล่อยเลี้ยงไว้ในทะเลสาบมังกร
แบบนี้ต่อไปถ้าซูซูอยากกิน ก็ไม่ต้องเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว
ตามความเร็วของการตกปลาแบบนี้ เขาคิดว่าวันนี้ตนเองสามารถตกได้มากกว่าหนึ่งร้อยตัว
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อถึงตอนบ่าย หาดหินรกก็มีรถมาเพิ่มอีกสองสามคัน ทำลายแผนการที่เขาวางเอาไว้