บัญชามังกรเดือด - บทที่ 240 พ่อฉัน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 240 พ่อฉัน
ถนนยาวที่ว่างเปล่า
ฉินเทียน หนึ่งร่าง ดาบหนึ่งเล่ม
เงาร่างที่สูงใหญ่ ดาบโค้งที่เรียวยาว
บนใบหน้าที่หล่อเหลางดงาม มีความคิดที่จะฆ่าเป็นประกายอยู่ในดวงตาที่ดูเหมือนจะใสสะอาด
เขารู้อยู่ว่าผู้คนบนถนนถูกเคลียร์ด้วยความตั้งใจ
และรู้ด้วยว่าร้านค้าทั้งสองข้างทางที่ประตูปิดแน่น มีนักฆ่าที่ร้ายแรงมากซุกซ่อนอยู่
แต่ทว่าในเมื่อเริ่มทำการฆ่าล้างแล้ว งั้นก็ฆ่าต่อเถอะ
แสงอาทิตย์หลบซ่อนอยู่หลังชั้นเมฆ
หนึ่งร่างพร้อมกับดาบหนึ่งเล่มเดินอยู่บนถนน สะท้อนเป็นเงาที่ยาวเหยียด
เขาก้าวเดินไปด้านในอย่างมีจังหวะ
“ฆ่า!”
“ฆ่ามันซะ!”
ประตูของร้านค้าทั้งสองข้างทางเปิดออก นับไม่ถ้วนว่ามีจำนวนคนกี่คนกันแน่ กำลังกวัดแกว่งมีดสับเนื้อแล้วพุ่งตรงเข้ามา
ดวงตาของพวกเขาทุกคนล้วนเป็นสีแดง
ที่นี่เป็นอาณาบริเวณของเป่ยเจียง หอชงเซียวคือราชสำนักที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจพวกเขา
จะปล่อยให้คนอย่างฉินเทียนที่เป็นคนนอกก้าวเข้าไปได้อย่างไร
หากเป็นแบบนั้น แล้วต่อไปจะให้ผู้คนในเป่ยเจียงลืมตาอ้าปากอีกได้อย่างไร?
ต้องทำการฆ่าฉินเทียนให้ตายอยู่กลางระหว่างทางไปหอชงเซียวให้ได้!
แววตาของฉินเทียนเยือกเย็นถึงขีดสุด มือขยับ ฟาดฟันดาบยาวที่อยู่ในมือออกไป!
เสียงกรีดร้องเสียงแหลมดังขึ้น!
มีคนล้มลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง คนที่ตามมาทีหลัง มีคนที่ไม่กลัวตายพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง!
น้ำเลือดทำให้ถนนถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นน้ำเลือดก็รวมกันจนกลายเป็นลำธาร ไหลลงไปตามพื้นที่ต่ำแล้วไหลเข้าไปในท่อระบายน้ำ
ฝีเท้าของฉินเทียนไม่หยุดลง สังหารอย่างบ้าระห่ำไปหนึ่งร้อยเมตร
ในที่สุด ศัตรูกลุ่มนี้ เหลือแค่ไม่กี่คนที่ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้ คนอื่นที่เหลือถ้าไม่บาดเจ็บสาหัสก็ตายอย่างอนาถ ต่างล้มลงบนพื้นแล้ว
ข้างหน้าว่างเปล่า
ฟ้าดินเงียบสงบเหมือนไร้ชีวียังไงอย่างนั้น
ดาบที่อยู่ในมือฉินเทียน รวมไปถึงทั่วทั้งร่างเขาถูกย้อมเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
เขามุ่งหน้าเดินไปข้างหน้า
มีสมาชิกพลาธิการจำนวนมากพุ่งออกมาจากร้านค้าที่อยู่ข้างหลังเขา
พวกเขาเหมือนดั่งวิญญาณยังไงอย่างนั้น หามสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นค่อยใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงชะล้าง พื้นถนนสะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ถนนยาวสิบไมล์ ในขณะที่ฉินเทียนเดินถึงตำแหน่งห้าร้อยเมตรหรือหนึ่งไมล์ ศัตรูกลุ่มที่สองก็ปรากฏแล้ว
พวกเขาไม่เหมือนศัตรูกลุ่มแรกที่พุ่งเข้ามาฆ่าโดยตรง
นักธนูหนึ่งน้อยคน ยึดครองถนนทั้งสองข้างแล้วยิงธนูมาทางฉินเทียน
ฉินเทียนฟันดาบยาวที่อยู่ในมือไปมา ต้านทานธนูอันเฉียบคมกลุ่มแรกไปได้ ในขณะเดียวกันเขาก็พุ่งเข้าไปในค่ายนักธนูที่อยู่ฝั่งซ้ายเหมือนหมาป่านักล่าตัวหนึ่ง
ฆ่า!
เวลานี้ ไม่ใช่คุณตายก็คือฉันตาย
เขาจะไม่ออมมืออีกต่อไป
เนื่องจากอาจทำให้เพื่อนพ้องบาดเจ็บได้ นักธนูที่อยู่ฝั่งขวาจึงไม่สามารถยิงธนูออกมาได้อีก
พวกเขาชักดาบยาวออกมาแล้วพุ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
สีหน้าของฉินเทียนไร้ความรู้สึก แสงดาบฟาดฟันตรงเข้ามา
หลังจากสังหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สนามรบก็ถูกทำความสะอาดอย่างรวดเร็วเหมือนเคย
จากนั้นเขาก็เดินทางต่ออีกห้าร้อยเมตร และพบเจอกับการถูกดักฆ่าอีกครั้ง
ถนนยาวสิบไมล์ ทุก ๆ ไมล์ล้วนเป็นด่านแห่งความเป็นความตาย
ด่านแห่งความเป็นความตายสิบด่าน กระทั่งถึงด่านสุดท้าย เขาก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองฆ่าคนไปแล้วเท่าไหร่
ยิ่งกว่านั้นคือทั้งร่างกายของเขาเริ่มเหน็บชาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ในที่สุดเมื่อฆ่าไปถึงใต้หอชงเซียว พระอาทิตย์ก็ใกล้จะลับขอบฟ้าไปแล้ว
อาทิตย์ยามอัสดงสีเลือดทำให้ทั่วทั้งถนน ถูกปกคลุมด้วยสีสันที่ลึกลับหนึ่งชั้น มีกลิ่นอายแห่งความลึกลับไหลออกมา
เขาค่อย ๆ หันหลังกลับไป มองดูถนนหนทางที่ถูกชะล้างจนสะอาดสะอ้าน
ถึงแม้จะมองไม่เห็นคราบเลือดบนพื้น แต่ทว่าบนอากาศกลับมีกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น
“ฉันจะพบราชาเป่ยเจียงของพวกแก หากไปในสภาพแบบนี้มันจะเป็นการเสียมารยาท”
“รบกวนชะล้างให้ฉันด้วยสิ”เขาแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางพูด
ที่เกิดเหตุเงียบกริบ
จากนั้นก็มีปืนฉีดน้ำแรงดันสูงสองกระบอกยื่นออกมาจากร้านค้าสองข้างทาง และมีน้ำจากท่อน้ำสองสายพุ่งตรงไปทางเขา
ฉินเทียนกางแขนทั้งสองข้างออก ปล่อยให้น้ำที่เย็นเจี๊ยบชะล้างร่างกายเขาเต็มที่
เส้นผม ใบหน้า เสื้อผ้า ตลอดจนดาบที่อยู่ในมือ
เลือดส่วนบนถูกชะล้างจนสะอาดเกลี้ยงเกลาภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว
เขาหลับตาลง ดื่มด่ำกับน้ำที่เย็นเจี๊ยบอย่างพึงพอใจ
และในตอนนี้เอง ก็มีเสียงปังดังขึ้น!
เสียงปืนดังขึ้น
ในที่สุดนักแม่นปืนที่ซ่อนอยู่ในที่ลับก็เหนี่ยวไก
เมื่อได้ยินเสียง คนที่อยู่บนตึกก็ต่างตกตะลึงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ทำไมถึงยิงปืนล่ะ?”ยู่หลิงหลงสะดุ้งทีหนึ่ง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล
สีหน้าของผู้ชายวัยประมาณ 50 กว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
จากนั้น ภาพเหตุการณ์ที่มองเห็นผ่านกล้องวงจรปิด ก็ทำให้เขาตกตะลึงจนอ้าปากกว้าง
ราวกับว่าฉินเทียนสังเกตไม่เห็นยังไงอย่างนั้น เขายังคงยืนอยู่ใต้การชะล้างจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเช่นเคย
แต่ทว่ามือทั้งสองข้างของเขากวัดแกว่งอย่างรวดเร็วไปสามสี่ครั้ง
ภาพเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นแล้ว จู่ ๆ น้ำที่อยู่รอบกายเขาก็เคลื่อนที่ช้าลง
รอบกายเขาประกอบเป็นเกราะคุ้มกันเป็นชั้น ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างต่อเนื่อง
กระสุนทะลุผ่านม่านน้ำชั้นแล้วชั้นเล่า ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดไปเยอะมาก ๆ
จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน ใช้นิ้วสองนิ้วคีบทีหนึ่ง ก่อนจะมีกระสุนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเม็ด
เสียงปืนที่ดังขึ้นมากะทันหัน ทำให้ผู้ควบคุมปืนฉีดน้ำแรงดันสูงตกตะลึง พวกเขาจึงหยุดฉีดน้ำไปโดยสัญชาตญาณ
เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้พูดแล้วดูเหมือนช้ามาก ๆ แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
ม่านน้ำที่อยู่รอบกายฉินเทียนหายไปแล้ว เขาสะบัดนิ้วทีหนึ่ง กระสุนก็หายวับไปกลางอากาศ
ต่อมาก็มีเสียงตึกดังมากจากหลังคาบ้านฝั่งตรงข้าม
นักแม่นปืนคนหนึ่งกอดปืนไว้แล้วกลิ้งลงมา
“การยิงปืนเป็นข้อห้ามอันใหญ่หลวง”
“ครั้งนี้ผ่อนปรนให้ถือเป็นตัวอย่าง คราวหน้าไม่อาจทำเช่นนี้อีก”ฉินเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหันหลังแล้วมองไปทางประตูใหญ่ของหอชงเซียว
เขาค่อย ๆ เดินขึ้นไปตามขั้นบันได
ในขณะเดียวกัน ภายใต้การโคจรกำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง ก็มีควันสีขาวลอยออกมาจากร่างเขา
นั่นคือไอน้ำ
รอเขาเดินไปถึงหน้าประตู ไอน้ำที่อยู่บนตัวก็หายไปหมดแล้ว เส้นผมและเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มของเขา ล้วนแห้งสบายเหมือนใหม่
เขาเสียบดาบเข้าไปในปลอกดาบ ภายนอกดูหล่อเหลางดงามมาก ราวกับมาร่วมงานเลี้ยงบ้านแฟนสาวยามพลบค่ำ
เขาฝ่าฟันด่านแห่งความเป็นความตายทั้งสิบด่านมาได้แล้ว ต่อไปน่าจะไม่มีกับดักแล้วละมั้ง
ยื่นมือออกไป เตรียมพร้อมที่จะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างบ้าคลั่งมาจากด้านหลัง
หื้ม?
เขาขมวดคิ้วแล้วหันหลังกลับไป
เห็นเพียงสุดปลายขอบเขตของถนนยาว มีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งเหมือนไฟกองหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับเสียงคำราม
ยังไม่ตายใจอีกเหรอ? งั้นถ้าฉันจะฆ่าเพิ่งอีกคนหนึ่งจะเป็นอะไรไป!
สีหน้าของเขาเย็นเยือกลงมา มีความคิดที่จะฆ่าปรากฏขึ้นมาในแววตาอีกครั้ง
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว รถสปอร์ตสีแดงก็พุ่งตรงมาถึงข้างหน้าแล้ว
ลอยตรงเข้ามาแล้วหยุดลงตรงหน้าขั้นบันได
ฉินเทียนกำดาบเอาไว้แน่น ๆ เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับศัตรู
วินาทีที่ประตูรถถูกเปิดออก เขากลับชะงักลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
สิ่งแรกที่ยื่นออกมาจากตัวรถคือขายาวที่ขาวนวล
พร้อมกับรองเท้าสีขาวคู่หนึ่ง
จากนั้นก็มีหญิงสาวที่ดูมีอายุประมาณ 20 ต้น ๆ ในเสื้อยืดกระต่ายน่ารัก ๆ และกางเกงที่สั้นเสมอหูคนหนึ่งปรากฏตรงหน้า
ใบหน้าของเธอเคร่งขรึม ดูเหมือนกับว่าจะโมโหมาก ๆ ยื่นขาที่เรียวยาวออกมา แล้วเดินตรงมาทางขั้นบันไดอย่างรวดเร็ว
สภาพภายนอกดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เดินขึ้นมาบนขั้นบันได เมื่อเห็นฉินเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอจึงหยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพูดว่า: “ไอ้หมอนี่ นายก็มาหาพ่อฉันเหมือนกันเหรอ?”
“ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงไม่เคยเห็นหน้านายเลย”
“นี่ นายถือดาบที่ยาวขนาดนี้ คงไม่ใช่ผู้ที่มาลอบสังหารหรอกใช่ไหม?”
“พ่อเธอ?”ฉินเทียนชะงักไปชั่วขณะ เมื่อมองดูหญิงสาวที่เร่าร้อนเซ็กซี่และผิวที่ขาวนวลดั่งตุ๊กตาพอร์ซเลนคนนี้แล้ว สมองเขาก็รวนไปเล็กน้อย
หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมาแล้วพูด: “มาใหม่สินะ ไม่นึกเลยว่าจะไม่รู้จักคุณหนูอย่างฉัน”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันแค่ล้อเล่นกับนายน่ะ”
“ไป เดี๋ยวฉันพานายไปหาพ่อฉัน”
พอพูดจบ เธอก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
“นี่ นายมัวยืนบื้ออยู่ทำไมเนี่ย?”
“ตายแล้วหรือไง!”เมื่อเห็นว่าฉินเทียนไม่เดินตามเข้ามา เธอจึงหันหน้ากลับไปตวาดอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อฉินเทียนเห็นอวัยวะบนใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ ดูคล้ายคลึงกับยู่หลิงหลงเล็กน้อย เขาจึงเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เล็กน้อยแล้ว