บัญชามังกรเดือด - บทที่ 241 บุญคุณที่ไม่ฆ่า
บัญชามังกรเดือด บทที่ 241 บุญคุณที่ไม่ฆ่า
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บ้านตระกูลอานขณะที่จี้เจินชี้ตัวยู่หลิงหลง เธอเคยบอกไว้ว่ายู่หลิงหลงและหลิวเช่อไม่ใช่แค่คนรักที่แอบคบกันมานานหลายปีเท่านั้น
เธอยังคลอดลูกสาวคนหนึ่งให้หลิวเช่ออีกด้วย
ตอนนั้นยู่หลิงหลงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ยังบอกอีกด้วยว่าเธอและหลิวเช่อเป็นสามีภรรยากันมานานมาก ๆ แล้ว
เพราะฉะนั้นแล้วคนนี้ก็คือลูกสาวของยู่หลิงหลงหรือ?
และพ่อของเธอก็คือราชาเป่ยเจียงหลิวเช่อ?
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ยู่หลิงหลงบวกกับหลิวหรูยู่ทำให้ฉินเทียนรู้สึกเกรงกลัวสาวสวยไปโดยสัญชาตญาณเลย
คนที่อยู่ตรงหน้านี้คงไม่ใช่อาวุธลับที่ใช้มาจัดการฉันหรอกมั้ง?
ดังนั้นเขาจึงลังเลใจอยู่เล็กน้อย
“ฉันบอกให้นายเข้ามา นายไม่ได้ยินหรือไง?”
“นายคิดว่าฉันจะกินนายได้หรอกเหรอ?”
ภายใต้อารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว หลิวชิงเหยาจึงเดินมาอยากดึงตัวฉินเทียนเข้าไป
“อย่าขยับ!”ฉินเทียนเตรียมป้องกันโดยสัญชาตญาณ จิตที่จะฆ่าบนตัวฮึกเหิมอย่างมาก เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้จะลงมือต่อตัวเอง
“นายเป็นอะไรน่ะ?”ไอสังหารที่แผ่กระจายออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลิวชิงเหยาตกใจจนตัวสั่น
ใบหน้าที่เรียวบางของเธอขาวซีด มองหน้าฉินเทียน ดวงตาที่กลมโตคู่หนึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความใสซื่อและหวาดกลัว
ฉินเทียนหายใจออกเฮือกหนึ่ง พบว่าตัวเองคิดมากเกินไป
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นเพียงหญิงสาวที่ไม่มีอาวุธอะไรติดตัวเลย เธอไม่สามารถสร้างภัยคุกคามใด ๆ ให้แก่ตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ
เขารู้สึกอับอายจนเหงื่อตกเล็กน้อย
นี่กูขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เก็บไอสังหารกลับเข้าที่แล้วพูดอย่างเก้อเขิน: “ไม่เป็นไร”
“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูนี่เอง คุณไปก่อนเถอะครับ”
หลิวชิงเหยาดึงสติกลับมาได้ และรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้เป็นแค่ภาพลวงตา
เธอเบ้ปากพลางพูด: “ดูสภาพที่ดูตื่นเต้นของนายนี่สิ น่าจะกระทำความผิดมา และกลัวว่าหลิวเช่อจะลงโทษนายสินะ?”
“ไม่ต้องกลัว เขาน่ะเป็นคนที่โฉมภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในจิตใจขี้ขลาดตาขาวมากเลยล่ะ”
“ไป เดี๋ยวฉันรับผิดชอบแทนนายเอง!”
“พอดีเลย ฉันก็จะไปตามคิดบัญชีกับหลิวเช่ออยู่เหมือนกัน!”
“วันนี้ถ้าเกิดเขาไม่ขอโทษฉัน ฉันก็จะไม่ชื่อหลิวชิงเหยา!”
เธอดึงมือของฉินเทียนแล้วเดินขึ้นไปบนตึกด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
ฉินเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หลิวเช่อไปทำให้ลูกรักคนนี้ของเขาไม่พอใจได้ยังไง หลิวชิงเหยาถึงกับจะไม่เรียกเขาว่าพ่อ
เขาคาดการณ์ได้ไม่มีผิด กำลังทั้งหมดที่หลิวเช่อสกัดล้วนถูกใช้ข้างนอก
ทั้งหอชงเซียวเงียบกริบมาก ๆ อยู่ในความสงบสุขและเป็นมงคลทั้งหมด
ไม่มีใครคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกเลย
ขึ้นมาถึงบนตึก ในที่สุดเขาก็ได้พบเห็นเป่ยเจียงที่มีชื่อเสียงเลื่องลืออย่างหลิวเช่อ
ซึ่งสภาพของเขาดูไม่ค่อยเหมือนบุคคลที่น่ากลัวแห่งยุคอย่างที่ฉินเทียนจินตนาการเอาไว้ ไม่นึกเลยว่าภายนอกของหลิวเช่อจะดูแก่ชราเล็กน้อย จอนผมเริ่มขาวหงอกแล้ว
อีกอย่างสีหน้าของเขาก็ดูเขียวช้ำลาง ๆ ด้วย
ณ ตอนนี้เขากำลังจิบชาอย่างเงียบ ๆ เหมือนชายชราที่สุภาพอ่อนโยนนุ่มนวล ทว่าออร่าความเป็นผู้มีอำนาจสูงส่งยังคงอยู่อยู่
ยู่หลิงหลงและหลิวเช่อนั่งประจันหน้ากัน เมื่อเห็นว่าลูกสาวถึงกับดึงตัวฉินเทียนขึ้นมาข้างบน สีหน้าท่าทางของเธอก็ดูแปลกประหลาดไป
แต่ทว่าเธอไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นการก้มหน้าจิบชา
“ชิงเหยา แกมาทำอะไรน่ะ”หลิวเช่อถามกระแทกเสียงต่ำ
“คุณยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ!”
หลิวชิงเหยาใช้เท้าย่ำกับพื้นแล้วตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “หลิวเช่อ นี่คุณแนะนำคู่นัดบอดขี้หมูขี้หมาอะไรให้ฉันเนี่ย!”
“ฉันไม่เห็นด้วย!”
“ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน ขืนยังมีครั้งต่อไปอีก แม่นางอย่างฉัน……ก็จะหนีออกจากบ้าน!”
“นี่แกพูดกับพ่อยังไงเนี่ย?”ยู่หลิงหลงเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“แม่ แม่มาได้พอดีเลย แม่ช่วยควบคุมดูแลสามีแม่หน่อยได้ไหม!”หลิวชิงเหยาเป็นคุณหนูหัวดื้อที่ถูกรักและเอ็นดูมากจนเสียคนแล้วชัด ๆ
สีหน้าของยู่หลิงหลงหม่นหมองลงไป: “แกควรเรียกสามีแม่ว่าอะไร?”
หลิวชิงเหยาตอบกลับด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด: “หลิวเช่อ!”
ยู่หลิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “แกลองพูดอีกครั้งซิ?”
ทันทีที่สีหน้าหม่นหมองลง ก็มีความน่าเกรงขามปรากฏทันที
ดูเหมือนกับว่าหลิวชิงเหยาจะรู้สึกกลัวมาก ๆ ก่อนที่เธอจะพึมพำว่า: “พ่อหนู!”
หลิวเช่อพูดอย่างจนปัญญา: “เหยาเหยา คุณชายฟู่ไม่คู่ควรกับแกตรงไหน?”
“บรรพบุรุษของเขาเป็นบัณฑิตที่สอบได้ในสนามสอบพระราชวังสมัยราชวงศ์หมิง คุณปู่และคุณย่าเป็นศาสตราจารย์เก่าที่ได้ดื่มด่ำกับเงินเบี้ยเลี้ยงพิเศษ พ่อแม่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการอีก”
“ตัวเขาเองก็เป็นนักศึกษาดีเด่นในมหาลัยชื่อดัง และสิ่งสำคัญคือฉันดูออกอยู่ว่าคุณชายฟู่ชอบแกด้วยหัวใจจริงจริง ๆ ”
หลิวชิงเหยาตอบกลับว่า: “เหลวไหล!”
“ยังไงหนูก็ไม่เห็นด้วย!”
“พ่อ พ่อจะให้หนูรีบแต่งงานทำไมเนี่ย?”
“กลัวว่าหนูจะเกาะพ่อกินจนหมดตัวเหรอ?”
“หรือว่าพ่อจะรับแม่กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกส่วนตัวของพวกคุณสองคน”
“ถ้าเกิดเป็นแบบนั้น หนูจะย้ายออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเอง หนูไม่อยากดูพวกคุณพลอดรักกันหรอกนะ!”
สีหน้าของยู่หลิงหลงแดงระเรื่อเล็กน้อย มองไปทางสามีด้วยความขบขำเล็กน้อย
หลิวเช่ออดกลั้นอารมณ์เอาไว้: “พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว”
“เหยาเหยา แกออกไปก่อน ฉันมีแขกที่ต้องต้อนรับ”
หลังจากพูดจบ ในที่สุดเขาก็หันไปมองฉินเทียนสักที
ฉินเทียนขมวดคิ้วไม่พูดอะไร ตั้งแต่ที่เข้ามาในหอชงเซียว ก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับเขาแล้ว
นี่มันชิลสบายเกินไปหรือเปล่า? เมื่อกี้ตัวเองฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น หลิวเช่อไม่กลัวว่าตัวเองจะฆ่าเขาหรือ?
แล้วก็ยู่หลิงหลงด้วย
สามีภรรยาคู่นี้ถึงกับถกเรื่องครอบครัวกับลูกสาวสุดที่รักของพวกเขาต่อหน้าตัวเองงั้นเหรอ
ผิดปกติ!
นี่มันผิดปกติโดยสิ้นเชิงเลย!
“หนูไม่สน!”
“ยังไงหนูก็จะไม่ไปเจอคุณชายฟู่อะไรนั่นอีก!”
“ถ้าเกิดคุณจะบีบบังคับหนู หนูก็จะ——”ภายใต้อารมณ์ที่ฮึกเหิมของเธอ จู่ ๆ เธอก็กอดแขนของฉินเทียนเอาไว้แล้วพูดว่า: “หนูจะหนีตามลูกน้องคนนี้ของคุณไป!”
หลิวเช่อตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง
ฉินเทียนก็ตะลึงเช่นกัน
หลิวชิงเหยาพูดอย่างได้ใจว่า: “ทำไม กลัวแล้วเหรอ?”
“จะว่าไปหนูรู้สึกว่าลูกน้องคนนี้ของคุณก็ไม่ค่อยเลวเลยนะคะ นอกจากออกสาวไปหน่อย และขี้ขลาดไปหน่อยแล้ว เรื่องอื่นเขาก็ไม่มีข้อเสียเลยนะคะ”
“ถ้าหนูแต่งงานกับเขา ไม่แน่อนาคตอาจจะสืบทอดอำนาจของคุณต่อได้ด้วย”
“ใช่สิพ่อรูปหล่อ นายชื่ออะไรเหรอ?”
ที่เธอทำแบบนี้เพราะจงใจปั่นหัวพ่อเธอ
ถ้าเกิดคุณยังไม่เลิกบีบบังคับฉัน ฉันก็จะแต่งงานกับลูกน้องคุณ
เนื่องจากเมื่อกี้เห็นว่าลักษณะท่าทีของฉินเทียนดูตื่นเต้น เธอจึงคิดว่าฉินเทียนกลัวถูกลงโทษไปโดยสัญชาตญาณ ซึ่งในมุมมองของเธอ เธอรู้สึกว่าฉินเทียนขี้ขลาด
ฉินเทียนกัดฟันแน่น แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “ผมชื่อฉินเทียน”
“เรื่องอื่น ๆ น่ะผมทนได้ แต่คุณหนูครับ ออกสาวนี่มันหมายความว่ายังไงครับ?”
หลิวชิงเหยาหลุดหัวเราะออกมา: “อย่าใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้สิ”
“ผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาสวยสดงดงามขนาดนี้ ถ้าไม่สาวจะเป็นอะไรได้?”
“แต่ว่าฉันชอบคนออกสาวอย่างนายนี่แหละ”
“ไม่เป็นไร ต่อไปเดี๋ยวฉันจะเลี้ยงดูนายเอง รับประกันเลยว่านายจะแมนขึ้นมาอย่างรวดเร็วแน่นอน”
“ฟึ่บ!”ชาพุ่งออกมาจากปากยู่หลิงหลง สำลักน้ำชาจนใบหน้าแดงเถือก
หลิวเช่อก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
พวกเขาเห็นการสังหารของฉินเทียนตั้งแต่ที่เขาลงมาจากเรือ และก่อนจะเดินขึ้นมาบนตึกด้วยสายตาตัวเองเลย
แต่เธอกลับบอกว่าคนแบบนี้ออกสาวไปหน่อย บอกว่าเขาขี้ขลาดงั้นเหรอ?
“แม่ แม่ก็รู้สึกว่าฉินเทียนค่อนข้างหล่อเลยใช่ไหม?”
“งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วนะคะ หนูต้องคบหาดูใจกับเขาก่อน”
หลิวชิงเหยายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าฉินเทียนก็ไม่เลวเลย ดูเหมือนกับว่าบนตัวเขาจะมีแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ถูก ทำให้เธออยากเข้าใกล้เขา
เธอกอดแขนของฉินเทียนเอาไว้แน่น ๆ สนิทสนมกันมากจนดูเหมือนคู่รักที่อยู่ในช่วงรักกันอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ในที่สุดหลิวเช่อก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก่อนที่เขาจะพูดกระแทกเสียงต่ำ: “การ์ด นำตัวคุณหนูออกไป!”
มีลูกน้องสองเดินเข้ามา ได้รับคำสั่งให้พาหลิวชิงเหยาออกไป
“อย่านะ!”
“หลิวเช่อ คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”
“ฉินเทียน นายรีบมาช่วยฉันสิ!”
“ฉันเป็นแฟนนายนะ!”
เสียงตะโกนค่อย ๆ ห่างไกลออกไป ในที่สุดภายในห้องก็เงียบสงบลงสักที
หลิวเช่อมองฉินเทียนด้วยสายตาที่ซับซ้อนรอบหนึ่งแล้วพูด: “ปล่อยให้คุณผู้ชายได้เจอเรื่องตลก ๆ เลยนะครับ”
ฉินเทียนผู้อย่างเย็นชา: “ไม่หรอก”
“คุณผู้ชายลำบากมาตลอดทาง นั่งก่อนสิ”
ฉินเทียนก็ไม่บ่ายเบี่ยงเช่นกัน นั่งลงข้าง ๆ
ยู่หลิงหลงทำการเทชาให้เขาหนึ่งแก้วด้วยตนเอง แล้วพูดหยอกล้อ: “คุณผู้ชายองอาจห้าวหาญ ทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตามากจริง ๆ ”
“พอคิดแล้วตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เลยค่ะ ตอนที่อยู่ในหนานเจียง ถ้าเกิดคุณลงมือ เกรงว่าตอนนี้ฉันคงตายไปตั้งนานแล้ว”
“ชาแก้วนี้ ขอบคุณสำหรับบุญคุณที่ไม่ฆ่าของคุณผู้ชายด้วยนะคะ”
ฉินเทียนดื่มชาหนึ่งอึก เขาอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก่อนจะพูด: “ฉันฆ่าคนของพวกคุณไปเยอะขนาดนั้น พวกคนไม่รู้สึกเจ็บใจหน่อยเลยเหรอ?”
“แล้วก็ตาแก่อันอยู่ไหน ฉันพาเขากลับไปได้แล้วใช่ไหม?”
หลิวเช่อและยู่หลิงหลงสบตากันครั้งหนึ่ง มีความเย้ยหยันปรากฏในแววตา