บัญชามังกรเดือด - บทที่ 245 ต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 245 ต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ไม่ไหวแล้ว ๆ ”
“ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ”
“ฉันต้องรีบกลับหลงเจียง!”หลังจากพูดจบ ฉินเทียนจึงรีบอยากจะหลบหนี
“อยากหนีเหรอ? ไม่มีทาง!”พวกหูปินรวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์หนึ่งชั้น ล้อมรอบเขาไว้
มีคนตะโกน: “เป็นผู้ชายห้ามบอกว่าไม่ไหว!”
“ยิ่งกว่านั้นคือเป็นเหล้าที่ซุปตาร์ดังของเราคารวะให้เชียวนะ คุณฉิน คุณปฏิเสธเหล้าของพวกเราได้อยู่ แต่ว่าคุณปฏิเสธเหล้าของซุปตาร์ดังไม่ได้นะครับ”
“พวกนายพูดอะไรเนี่ย? คุณฉินจะไม่ไหวได้ยังไง?”
“ท่านใช้เลือดล้างเป่ยเจียงด้วยตัวคนเดียวและดาบเล่มเดียว จะกลัวเหล้ากระจอก ๆ กาหนึ่งได้ยังไงเล่า?”
“คุณหนูครับ กาเหล้าใบนี้ของคุณเล็กเกินไปหรือเปล่าครับ จะเปลี่ยนเป็นใบที่ใหญ่กว่านี้หน่อยไหมครับ?”
ฉินเทียนถึงกับมองบน พลางนึกในใจถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก กูแม่งจะไม่ช่วยพวกมึงแล้ว
กูช่วยพวกมึง แต่พวกมึงกลับมอมเหล้ากู
หยางหรงกระพริบตาพลางพูด: “คุณฉิน ฉันขอดื่มหมดแก้วก่อนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพนะคะ!”
ผู้หญิงคนนี้ก็ใจเด็ดมากจริง ๆ ใช้กาเหล้าเทใส่แก้วแบ่งเหล้าที่มีความจุ 150 มิลลิลิตรจนเต็มแก้ว ก่อนจะดื่มหมดแก้วภายในอึกเดียวโดยไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย
นี่แม่งเป็นเหล้าหลงถาย 50 ดีกรีเชียวนะ แต่เธอกลับดื่มมันเหมือนดื่มน้ำเย็นยังไงอย่างนั้น
“ฉันก็ขอชนแก้วหนึ่ง!”หลิวหรูยู่กัดฟันแน่นและเทใส่แก้วแบ่งเหล้า เลียนแบบหยางหรงดื่มหมดภายในอึกเดียว
แต่ทว่าหลังจากที่เธอดื่มหมดแล้ว ก็ไอจนใบหน้าแดงเถือกในทันที
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเธอเป็นแบบนี้ พวกเวรที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็โห่ร้องเสียงดังอีกครั้ง
ฉินเทียนจนปัญญา ทำได้เพียงดื่มเหล้าที่พวกเธอคาราวะให้คนละกาเล็ก ๆ
ดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่ใช้กำลังภายในย่อยสลายมัน แต่ทว่าการใช้กำลังภายในย่อยสลายก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น จึงมีอารมณ์เคลิ้มเมาอยู่เล็กน้อย
“พรุ่งนี้คุณฉินยังต้องกลับไปรายงานคุณภรรยาที่บ้านอีก คืนนี้รีบพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำเถอะค่ะ”หลิวหรูยู่ชายตามองฉินเทียนรอบหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้าที่แดงเถือก
หยางหรงรีบตะคอกเสียงดัง: “ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน หยุดมอมเหล้าเขาสักที”
“ไม่รู้หรือไงว่าตอนเช้าเขาเพิ่งผ่านศึกครั้งใหญ่มา และกำลังทั้งร่างกายก็แห้งเหือดหมดแล้ว?”
“รีบปล่อยเขากลับไปพักผ่อนซะ!”
“คุณฉิน เดี๋ยวฉันพาคุณไปห้องพักแขก”
ฉินเทียนยังอยากพูดอะไรบางอย่างต่อ อานกั๋วก็อมยิ้มพลางพูดเช่นกันว่า: “พอแล้ว อนาคตเรายังมีโอกาสอีกเยอะแยะ อนาคตยังอีกยาวไกล”
“เสี่ยวหยาง ลำบากเธอเลยนะ พาคุณผู้ชายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
ถึงเวลาจากไปแล้ว
ถ้ายังไม่กลับอีก ฉินเทียนกลัวว่าตัวเองอาจจะกลับไม่ได้แล้วจริง ๆ
วันต่อมา เขากลับมาถึงหลงเจียงพร้อมกับอารมณ์ที่ซับซ้อน
เดินเข้าประตูบ้านอย่างระมัดระวัง รู้สึกเหมือนเป็นโจรยังไงอย่างนั้น โชคดีที่ซูซูไม่อยู่บ้าน เขาจึงรู้สึกโล่งอก
เมื่อเห็นว่าบนโต๊ะวางเต็มไปด้วยของขวัญต่าง ๆ ล้วนเป็นของฟุ่มเฟือยที่ราคาไม่ธรรมดา เขาจึงผงะไปอย่างควบคุมไม่ได้
ซูซูและหยางยู่หลันไม่ซื้อของพวกนี้นี่ หรือว่ามีแขกมาบ้าน?
มีเสียงดังมาจากบันได หยางยู่หลันเดินลงมาจากด้านบน
“แม่ครับ ผมออกทำงานนอกสถานที่กลับมาแล้วนะครับ”ฉินเทียนรีบยิ้มพลางกล่าวทักทาย
หยางยู่หลันยิ้มพลางพูด: “แม่ก็เพิ่งกลับมาวันนี้เหมือนกัน ฉินเทียน ได้ยินซูซูบอกว่าแกไปรักษาโรคให้นายท่านคนหนึ่งในเมืองหลวงเหรอ?”
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ทำไมแม่ถึงได้ยินมาว่าช่วงสองสามวันนี้เมืองหลวงไม่ค่อยสงบเลย แกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ฉินเทียนยิ้มพลางตอบกลับว่า: “ไม่เป็นไรครับ เรื่องทุกอย่างจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“แม่ครับ ของทั้งหมดนี้คืออะไรเหรอครับ? แม่ซื้อกลับมาจากการออกทำงานนอกสถานที่เหรอ?”
หยางยู่หลันยิ้มแล้วตอบกลับ: “แม่จะซื้อของทั้งหมดนี้ทำไมล่ะ”
“ก็เมื่อกี้แม่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในบ้านแค่ก้าวเดียว พวกผู้จัดจำหน่ายยาในเมืองเราก็ต่างแย่งกันเข้ามา”
“และไม่อธิบายจุดประสงค์อย่างแน่ชัดด้วย เมื่อเห็นว่าแกไม่อยู่บ้าน พวกเขาก็วางของทั้งหมดนี้ไว้แล้วจากไปเลย”
ฉินเทียนยิ้มพลางพูด: “พวกหลี่เฉิงหนานสินะ แม่ครับ แม่ไม่รู้เหรอครับว่าพวกเขาทำเพื่ออะไร?”
หยางยู่หลันทำเสียงหึทีหนึ่งแล้วพูด: “คนพวกนั้นล้วนเป็นพวกที่จะทำแค่เรื่องที่มีผลประโยชน์เท่านั้น”
“แม่เข้าใจความคิดจิตใจของพวกเขาอยู่ การออกทำงานนอกสถานที่ในครั้งนี้ของแม่ เพื่อไปติดต่อพูดคุยกับผู้ผลิตทางการแพทย์ใหญ่ ๆ อย่างเทียนเจี้ยนและเทียนคัง เจรจาได้ราบรื่นมาก ๆ เลยล่ะ”
“ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาคุ้มสมราคามาก สามารถนำเข้ามาในโรงพยาบาลเล็กและใหญ่ในหลงเจียงของเราได้”
“พวกหลี่เฉิงหนานเป็นพ่อค้าที่เก็งกำไรจากส่วนต่าง นี่พวกเขาคงกลัวว่าแม่จะเขี่ยพวกเขาออก เลยให้โรงพยาบาลประสานกับผู้ผลิตโดยตรง”
ฉินเทียนเห็นว่าบนโต๊ะมีแอปเปิ้ลลูกหนึ่งที่ผ่านการล้างจนสะอาดแล้ว เขาจึงขึ้นมากัดหนึ่งคำแล้วพูด: “แม่ครับ แล้วแม่กะจะเอายังไงต่อครับ?”
“ผู้ผลิตทางการแพทย์สองบริษัทนั้น ยินดีที่จะประสานกับโรงพยาบาลโดยตรงไหมครับ?”
หยางยู่หลันไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ: “เรื่องนี้ พวกเขายังไม่ได้พูดออกมาอย่างแจ่มแจ้ง”
“แต่ว่าฟังจากความหมายของหัวหน้าฝ่ายขายของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนกับว่าขอแค่พวกเราต้องการ เรื่องทุกอย่างก็สามารถเจรจาได้”
“แต่จะว่าไปก่อนแม่จะไปน่ะ แม่ยังกังวลใจอยู่เลยว่าคนในผู้ผลิตรายใหญ่อย่างเขา จะดูถูกตลาดในเมืองเล็ก ๆ ระดับเมืองอย่างเราหรือเปล่า”
“นึกไม่ถึงเลยว่าคนเขาจะกระตือรือร้นมาก ๆ ต้อนรับแม่ดีจนแม่รู้สึกเกรงใจเลย”
“ธุรกิจที่ดีเลิศ แม้แต่พนักงานก็ดีเลิศไปด้วยจริง ๆ ”
ฉินเทียนหัวเราะทีหนึ่งและไม่ได้พูดอะไร
เทียนเจี้ยนและเทียนคังต่างเป็นบริษัทที่เทียนฟู่ แคปปิตอลทุ่มทุ้นทั้งหมดเพื่อควบคุมหุ้น หากพูดตรงไปตรงมาหน่อยก็คือเป็นบริษัทของเขา
การออกทำงานนอกสถานที่ในครั้งนี้ของหยางยู่หลันก็เป็นเพราะมีคนฝั่งเทียนฟู่ทราบข่าวบางอย่างที่เขาอยู่ฝั่งนี้ ดังนั้นจึงเชื้อเชิญหยางยู่หลันโดยเฉพาะ
พูดตรงไปตรงมาหน่อยก็คือ พนักงานของเขามีเจตนาเอาอกเอาใจเขาที่เป็นเถ้าแก่อยู่
พวกเขาจะกล้าไม่ต้อนรับแม่ยายของเขาอย่างกระตือรือร้นหรือ?
“แกยิ้มอะไรเนี่ย?”หยางยู่หลันขมวดคิ้วพลางพูด: “ฉินเทียน แกอย่าสนใจแต่เรื่องกินอย่างเดียว แกรีบช่วยแม่คิดวิธีหน่อย”
“ว่าแม่ควรจะทำยังไงดี?”
ฉินเทียนกำลังจะพูดบางอย่าง เครื่องส่งเสียงที่อยู่ข้าง ๆ กลับดังขึ้นก่อน บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูรายงาน: “คุณผู้ชายครับ มีเถ้าแก่สามสี่คนมา อ้างว่าเป็นเพื่อนของท่านครับ”
“แล้วยังบอกอีกว่าเป็นสมาคมเวชภัณฑ์ พวกเขาอยากมาเยี่ยมเยียนท่านน่ะครับ”
“ขอคำสั่งด้วยครับว่าจะปล่อยเข้าไปหรือไม่”
ฉินเทียนเปิดหน้าจอกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับกล้องหน้าประตู เห็นว่าพวกหลี่เฉิงหนานยืนอยู่นอกประตูใหญ่ แต่ละคนดูเคารพนอบน้อมมากเหมือนเด็กนักเรียนยังไงอย่างนั้น
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วสบถ: “ไอ้เชี่ยพวกนี้นี่ ต้องแอบซ่อนตัวอยู่หน้าประตูใหญ่ของบ้านเราแน่นอน ไม่งั้นพวกมันไม่มีทางรู้ว่าผมกลับมาเร็วขนาดนี้แน่”
หยางยู่หลันรีบพูดว่า: “นักธุรกิจพวกนี้เจาะหาช่องทางเก่งเกินไปแล้ว แม่ก็เพลียกับการรับมือแล้วเหมือนกัน”
“แกคิดว่าจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาไหม?”
ฉินเทียนนึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกำชับบอดี้การ์ดหน้าประตู: “บอกพวกเขาให้ไปรอฉันที่ออฟฟิศ”
“กรรมการหยางจะรีบไปในทันที”
“ครับ!”
จากนั้นฉินเทียนก็คิดอย่างจริงจังแล้วพูด: “แม่ครับ เรื่องนี้น่ะ ผมรู้สึกว่าจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดียวไม่ได้”
“การให้โรงงานประสานกับโรงพยาบาลโดยตรงมันประหยัดต้นทุนได้เยอะมากก็จริง ๆ แต่ว่าภายในก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นเยอะมากเหมือนกัน”
“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องการชำระเงินก็จัดการยากมาก ๆ แล้ว”
“ทำไมบางโรงงานถึงไม่ยอมประสานกับโรงพยาบาลโดยตรง นั่นก็เป็นเพราะโรงพยาบาลมักจะชอบสต็อกของมากเกินไป จึงไม่สามารถหมุนเวียนเงินทุนจำนวนมากได้”
“ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตก็ไม่ค่อยยินดีที่จะลดตัวลงมาให้ความร่วมมือกับข้อเรียกร้องและเรื่องจุกจิกของทางโรงพยาบาลด้วย”
“แม้พ่อค้าคนกลางจะเก็งกำไรจากส่วนต่าง แต่ว่าประโยชน์ของพ่อค้าคนกลางก็คือคลี่คลายปัญหาระหว่างผู้ผลิตและโรงพยาบาล”
“ด้านหนึ่งเป็นเพราะโดยทั่วไปแล้วสินค้าที่พวกเขารับมาจากผู้ผลิต พวกเขาจะจ่ายด้วยเงินสด อีกอย่างพวกเขาก็ยินดีที่จะคิดว่าโรงพยาบาลเป็นพระเจ้า พยายามสนองทุกความต้องการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ทุกคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แบ่งผลประโยชน์เท่า ๆ กัน สังคมถึงจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ แม่คิดว่ายังไงครับ?”