บัญชามังกรเดือด - บทที่ 292 มาเที่ยว
บัญชามังกรเดือด บทที่ 292 มาเที่ยว
หลู่ตี๋พูดรอดไรฟัน: “ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นกับดัก ทำไมพวกแกถึงยังมา?”
“พวกแกไม่กลัวตายเลยหรือไง?”
ฉินเทียนเค้นเสียงหัวเราะ: “อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักคำกล่าวของเมืองจีนเราที่ว่า แผนซ้อนแผนน่ะ?”
“ไม่อย่างนั้น จะเข้าใกล้พวกแกได้ยังไงล่ะ?”
“แต่แผนของพวกแกก็แสบสันใช่ย่อย ถ้าฉันเดาไม่ผิด กองพลผีพรายดักซุ่มที่เกาะสฟาร์บาร์ คงเป็นเพียงหมากตัวแรกของพวกแกเท่านั้น”
“พวกแกรู้ดีว่า ฆ่าฉันไม่ได้ง่ายๆ แถมยังมีประสบการณ์จากการซุ่มโจมตีมาแล้ว ฉันต้องรู้แน่ว่านี่เป็นกับดัก”
“ดังนั้น แกเลยเตรียมเดินหมากตัวที่สองที่นี่แบบแยบยล”
“แม้วิธีการจะไม่ได้มีชั้นเชิงมากมาย แต่ต้องบอกเลยว่า ได้ผลดีทีเดียว”
ดูเหมือนจะเป็นวิธีเรียบง่ายธรรมดา แต่อัตราที่จะทำสำเร็จกลับสูงมาก
อย่างแรก ที่นี่คือปราการใต้ดินที่แข็งแรงทนทาน หลู่ตี๋ปิดประตู ฉินเทียนรอเขา ก็กลายเป็นนกน้อยในกรงขังแล้ว
ตอนที่พวกเขาเมาอ้อแอ้กันหมด จึงนำแก๊สสลบที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้าพ่นผ่านช่องลมเข้าไป
แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตัวละครหลู่ตี๋นี้ไม่ค่อยเป็นที่สนใจนัก แต่อีกนิดเดียว ก็จะกลายเป็นตัวการที่ทำให้ทั้งโลกสะเทือนเลือนลั่นแล้ว
“ฉันไม่เข้าใจเลย!”
“พวกแกสูดแก๊สสลบเข้าไปเยอะขนาดนั้น ทำไมถึงไม่สลบ?”
“หรือว่า พวกแกมียาแก้?” หลู่ตี๋ปวดหัว ไม่เข้าใจตรงจุดนี้เอาเสียเลย
“เพราะแก๊สสลบถูกฉันเปลี่ยนเป็นของอื่นไปแล้ว” ก่วนยี่พูดอย่างเย็นชา
ฉินเทียนมองไปที่หลู่ตี๋แล้วถามว่า”ทำไมถึงทรยศฉัน”
หลู่ตี๋สีหน้าซีดขาวแล้วพูดว่า”เงิน พวกเขาให้เงินก้อนใหญ่ที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้”
“แกมีอะไรจะบอกฉันอีกไหม?”
หลู่ตี๋เอ่ยเสียงเบา: “ถ้าผมบอก ผมจะรอดตายหรือเปล่า?”
ฉินเทียนส่ายหน้า เอ่ยว่า: “ไม่”
“แต่ฉันทำให้แกเจ็บแปบเดียวได้”
“เชื่อฉันเถอะ ถ้าฉันทรมานแก แกจะเจ็บปวดยิ่งกว่าตายแน่”
หลู่ตี๋ร่างทรุดฮวบ ล้มลงกับพื้น ร่ำไห้อย่างขมขื่น
“ผมเข้าร่วมองค์กรปรมาจารย์พิษได้ไม่นานเอง ทั้งหมดที่ทำไป ท่าน M เป็นคนบอกผมทั้งนั้น”
“เขาเจอข่าวมอบรางวัลนำจับบนอินเตอร์เน็ต แล้วให้ผมใช้ชื่อของทูตสวรรค์ไปติดต่อผู้หญิงคนนั้น….”
“เขาบอกว่าที่จงใจให้ผมทิ้งไอพีแอดเดรสไว้ ก็เพื่อล่อให้ราชาฉินมาติดกับ…”
“ส่วนเรื่องอื่น ผมไม่รู้จริงๆ!”
ฉินเทียนเอ่ยเสียงเย็นเยือก: “M ฟังคำสั่งมาจากใคร แกรู้ไหม?”
“ผมไม่รู้ แต่เขาเคยหลุดปากอยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนเจ้านายของเขาจะเป็นคนสำคัญใกล้ชิดกับปรมาจารย์พิษ”
“ใช่แล้ว เป็นบุคคลอันดับสาม!”
“แต่ชื่ออะไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…ราชาฉิน ยกโทษให้ผมเถอะนะ!”
“ผมยังไม่อยากตาย!”
ฉินเทียนรู้แล้วว่า ถามอะไรจากปากเขาไม่ได้อีกแล้ว จึงพูดกับเหลิ่งหยุนว่า: “ให้เขาตายแบบไวๆ เถอะ”
เหลิ่งหยุนสืบเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วใช้มีดปาดคอหลู่ตี๋ในทีเดียว
เธอเอ่ยหน้าขรึม: “ฉันรู้ดี มันเป็นความผิดของฉัน”
“ถ้าฉันไม่ทำพังกลางคัน หลู่ตี๋คงต้องเชิญท่าน M มาแน่”
“ถ้าจับท่าน M ได้ จะต้องสาวไปถึงปลาตัวใหญ่ได้แน่นอน”
“นายอยากลงโทษฉัน ก็พูดมาได้เลย”
เจี้ยนฉานลังเลครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเข้มว่า: “เจ้าสำนัก เจ้า M คนนี้เป็นคนสำคัญยิ่งยวด จะปล่อยให้เขาหนีไปจริงๆ เหรอ?”
“ผมเชื่อว่า เขาต้องหนีไปได้ไม่ไกลแน่ พวกเราอาจจะจับเขาทันก็ได้”
ฉินเทียนบิดขี้เกียจ เอ่ยว่า: “ง่วงจัง”
“โดยเฉพาะเหล้าหลงไท่ที่ส่งออกนอกประเทศนี่ ฤทธิ์แรงสุดๆ”
“เอาล่ะ ดึกแล้ว ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ”
พูดจบ ก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกไปเลย
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าฉินเทียนกินยาตัวไหนผิดมา
ฉานเจี้ยนกระซิบกับเหลิ่งหยุนว่า: “คุณหนูใหญ่ เจ้าสำนักน่าจะมีแผนอื่น”
“วางใจเถอะ เขาไม่โทษคุณหรอก”
เหลิ่งหยุนกระฟัดกระเฟียด: “เขาไม่พูดจา ก็คือโทษฉันนั่นแหละ!”
“หรือฉันยังต้องแกล้งหลับ ทั้งที่ถูกไอ้บ้านั่นเอาเปรียบน่ะเหรอ?”
“ก็แค่เจ้า M คนเดียว จะใหญ่สักแค่ไหนกันเชียว!”
“ฉันจะไม่จับมันแค่คนเดียว แต่จะลากคอบุคคลอันดับสามคนนั้นที่อยู่เบื้องหลังมันออกมาด้วย!”
“ถ้าเจอตัวบุคคลอันสาม ก็อยู่ไม่ไกลจากตัวอาจารย์พิษแล้ว!”
พูดจบ ก็เดินดุ่มๆ ออกไปเลย
การเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย บวกกับการต่อสู้อันดุเดือดกลางดึก ทุกคนคงจะอ่อนเพลียเต็มทนแล้วแน่ๆ
เห็นฉินเทียนเป็นแบบนี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงเข้าไปพักผ่อนในห้องของตนโดยมีกวนอี่เป็นผู้จัดแจง
กวนอี่เก็บกวาดคนสนิททั้งหมดของหลู่ตี๋เรียบร้อยแล้ว และกลายมาเป็นเจ้าของคนใหม่ของคฤหาสน์หลังนี้
รวมถึงเป็นผู้นำคนใหม่ของศูนย์บัญชาการข่าวกรองลับไซเบอร์ของราชาหนูแห่งนี้ด้วย
วันรุ่งขึ้น คณะคำสาปสวรรค์ที่นำโดยฉานเจี้ยน กับคณะอสรพิษที่นำโดยเหลิ่งหยุน มารวมตัวกันที่โถงใหญ่แต่เช้าตรู่
สีหน้าแต่ละคนตื่นเต้นฮึกเหิม พวกเขาแต่งกายเนี้ยบสะอาดสะอ้าน จับอาวุธ รอฉินเทียนบัญชาการ
ถูกปรมาจารย์พิษใช้ทูตสวรรค์วางแผนเล่นงานขนาดนี้ พวกเขารอล้างแค้นเอาคืนแทบไม่ไหวแล้ว
เมื่อวานฉินเทียนไม่ได้ตามไปจับ M พวกเขาคิดว่า ฉินเทียนจะต้องมีที่กบดานของปรมาจารย์พิษอยู่ในกำมือแล้วแน่นอน
ให้พวกเขาพักผ่อนเต็มที่ ก็เพื่อให้เก็บเรี่ยวเอาแรง มากรำศึกห่ำหั่นกับปรมาจารย์พิษในวันนี้
แต่สายแล้ว ฉินเทียนก็ยังไม่โผล่มา
ไม่ใช่แค่ฉินเทียน แต่กระทั่งกวนอี่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนเช่นกัน
เหลิ่งหยุนทนไม่ไหว ให้คนไปเคาะประตูห้องฉินเทียน
ผ่านไปค่อนวัน จนพระอาทิตย์ลอยสูงถึงสามเสา ฉินเทียนเพิ่งจะเดินอืดอาดออกมา
พอเห็นสภาพของเขา ทุกคนก็อึ้งกันเป็นแถบ
เห็นเพียงเขาสวมเสื้อผ้าลำลอง ท่าทางสบายๆ จะมาสู้รบกับปรมาาจารย์ทิพย์ที่ไหนกัน เหมือนมาเที่ยวชัดๆ
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ บนเท้า ยังสวมรองเท้าแตะอีกต่างหาก
“อ้าว อรุณสวัสดิ์ทุกท่าน”
“ทำไมพวกนายไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ” เขาหาวหนึ่งวอด
เหลิ่งหยุนเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “นายแต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะ?”
ฉินเทียน: “มีปัญหาเหรอ?”
เหลิ่งหยุน: “นายคิดจะไปเผด็จศึกปรมาจารย์พิษด้วยสภาพแบบนี้เหรอ?”
ฉินเทียน: “ใครบอกว่าฉันจะไปเผด็จศึกปรมาจารย์พิษ?”
ทุกคนหน้าตาเหลอหลากันเป็นแถบ
คนมารวมตัวกันที่นี่เป็นโขยงขนาดนี้ เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว ไม่เผด็จศึกปรมาจารย์พิษ อย่าบอกนะว่าจะมาเที่ยวจริงๆ?