บัญชามังกรเดือด - บทที่ 351 เวลาไม่เคยคอยใคร
บัญชามังกรเดือด บทที่ 351 เวลาไม่เคยคอยใคร
จ้าวเฟิงกระทืบเท้าลงบนศพของกัวเซิงด้วยความโมโห และกล่าวว่า:”ไอ้สุนัขรับใช้ พี่ซวู่อุตส่าห์ซื่อสัตย์ต่อมัน นึกไม่ถึงว่ามันจะกล้าทรยศพี่ซวู่!”
“ลากมันออกไปทิ้งเลย!”
เมื่อลูกน้องเก็บกวาดที่เกิดเหตุเรียบร้อย จ้าวเฟิงกล่าวขึ้นอย่างระวังตัวว่า:”พี่ซวู่ ต่อจากนี้ พี่คิดจะทำอย่างไร?
จ้าวซวี่มีอาการเหนื่อยเล็กน้อย
เดิมทีคิดว่า เมื่อผ่านคืนนี้ไป เขาก็กลายเป็นผู้ชนะอย่างเจิดจรัส
คิดไม่ถึงว่า สามพยัคฆ์ร้ายจะถูกฆ่าตายหมดสิ้น พ่อบ้านที่พึ่งพาได้เสมอมา ก็ไม่อยู่แล้ว
เขากล่าวอย่างอ่อนแรง:”จ้าวเฟิง นายคิดว่าฉันควรทำอย่างไรดี?”
“ท่านพ่อฝากสามพยัคฆ์ร้ายไว้ให้กับฉัน และเดิมทีเพื่อให้ฉันใช้โจมตีเจียงหนาน”
“แต่ตอนนี้ ยังไม่ทันได้ทำอะไร สามพยัคฆ์ร้ายก็ตายหมดแล้ว”
“ท่านพ่อไม่มีทางปล่อยฉันไว้แน่”
“และต่อให้ท่านพ่ออยากให้อภัยฉัน แล้วคนในตระกูลแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านสามและจ้าวข่าย ไม่มีททางปล่อยฉันไปแน่”
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจ้าวซวี่แสดงความขี้ขลาดต่อหน้าตัวเอง ดูแล้วเหมือนเด็กที่ทำผิด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
สายตาของจ้าวเฟิง เผยความชั่วร้ายออกมาให้เห็น
แต่เป็นแค่ชั่วพริบตาเดียว
เขาครุ่นคิดสักพัก และกล่าวว่า:”ผมมีอยู่วิธีหนึ่ง สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้พี่ได้”
“นายจะไปมีวิธีอะไรได้? นายมันก็แค่สุนัขตัวหนึ่ง”จ้าวซวี่ยิ้มเยาะเย้ย
จ้าวเฟิงไม่ได้โกรธแต่อย่างใด และกล่าวด้วยเสียงต่ำ:”จากการสืบของผม ระยะนี้จ้าวข่ายกำลังวางแผนลงมืออีกครั้ง”
“พี่ซวี่ นี่เป็นโอกาสดีที่พี่จะพลิกเกมได้อีกครั้ง”
“ก่อการทำอะไร? พูดมาสิ!”
“เท่าที่ผมรู้ จ้าวข่ายคิดลอบโจมตี โดยใช้ลูกศิษย์หน่วยกล้าตายในเครือของตัวเอง ลอบสังหารอานกั๋วที่เจียงหนาน”
จ้าวซวี่หัวเราะเยาะเย้ย และกล่าวขึ้นว่า:”พวกคนโง่เขลาฝันลมๆ แล้งๆ?”
“ถึงแม้ว่าเจียงหนานจะเล็ก แต่อานกั๋วครองตำแหน่งมานานหลายปี และรอบตัวเขาห้อมล้อมไปด้วยยอดฝีมือ”
“อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง จุยเฟิง คนที่ตามติดเขาเหมือนเป็นเหงานั่น นั่นเเหล่ะตัวปัญหาใหญ่”
“อาศัยแค่ลูกศิษย์หน่วยกล้าตายไม่กี่คนของจ้าวข่าย คิดหรือว่าจะฆ่าอานกั๋วได้?
จ้าวเฟิงหัวเราะอย่าเย็นชาและกล่าว:”แต่ว่าทุกอย่างมันก็ไม่ได้ตายตัวอยู่เสมอ”
“สมมตินะ ผมแค่สมมติ ถ้าจ้าวข่ายมันทำสำเร็จขึ้นมาล่ะ?
“ถึงเวลานั้น เขาก็จะกลายเป็นวีรบุรุษที่มีผลงานคนแรกของตระกูลจ้าว ผมคิดว่า พี่จะเสี่ยงกับเรื่องนี้มิได้”
จ้าวซวี่สงบลง และกล่าวว่า:”นายหมายความว่าอย่างไร และฉันควรทำอย่างไร?
“ผมอยากให้พี่ซวี่แจ้งเบาะแสให้อานกั๋ว”
“นายบ้าไปแล้วเหรอ? ให้ฉันแจ้งเบาะแสให้อานกั๋วได้อย่างไร?
“พี่ซวี่ฟังผมพูดนะ พี่ปล่อยข่าวให้อานกั๋ว มันมีข้อดีอยู่สามข้อ”
“ข้อที่หนึ่ง สามารถเอาชนะใจอานกั๋วได้ และเป็นการวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคต
“ข้อที่สอง เพื่อให้อานกั๋วเตรียมพร้อม จะได้ฆ่ายอดฝีมือที่จ้าวข่ายส่งไปได้ในคราเดียว และถ้าเป็นเช่นนี้ นั่นจะทำให้ความแข็งแกร่งของจ้าวข่าย อ่อนแอลงได้อีกด้วย”
บนหน้าของจ้าวซวู่ แสดงอาการตื่นตระหนกระคนด้วยความดีใจ
“รีบพูดมา ข้อที่สามคืออะไร!
“ข้อที่ที่สามคือ อานกั๋วถูกลอบฆ่า และต้องถามความรับผิดชอบจากตระกูลจ้าวอย่างแน่นอน”
“ก่อนสงครามยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ ปล่อยข่าวลือนี้ให้กับอานกั๋ว นั่นก็เท่ากับจ้าวข่ายเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมา”
“ถึงตอนนั้นในที่ประชุมครอบครัว คนของบ้านสาม ก็ไม่กล้าจับเรื่องของพี่ไม่ปล่อยอีก”
“เท่ากับว่า ให้ความผิดพลาดของจ้าวข่าย มาชดเชยความผิดพลาดของพี่ซวี่”
“พี่ซวี่ ท่านคิดว่าอย่างไร”
จ้าวซวี่หัวเราะเสียงดัง และกล่าวอย่างลำพองใจ”จ้าวข่ายกล้าปลุกระดมพ่อบ้านของฉัน และยังวางท่าใส่ฉันที่หลงเจียงอีก”
“คราวนี้ ฉันจะใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งของมันเอง มาแก้แค้นมันให้สาสม!”
“ช่างเป็นแผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวที่ดียิ่งนัก!”
ตอนนี้ เขาควรให้ความสำคัญกับจ้าวเฟิงให้มากกว่าเดิมเสียแล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไร เขากับจ้าวเฟิงก็ร่วมบิดาคนเดียวกัน จากสายเลือดแล้ว ย่อมสนิทใกล้ชิดมากกว่า เมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอย่างจ้าวข่าย
มันเป็นความผูกพันมาตั้งแต่เกิด
และตอนนี้กัวเซิงก็ตายไปแล้ว เขาคิดว่า ต่อไปตัวเองสามารถใช้ประโยชน์จากน้องชายคนนี้ได้
“จ้าวเฟิง นี่สิถึงสมกับเป็นน้องชายที่ดีของฉัน”
“หลังจากเรื่องนี้สำเร็จ ฉันจะตอบแทนให้อย่างงาม”
จ้าวเฟิงรีบพูดขึ้น:”ผมทำงานให้พี่ซวี่ ขอแค่ทำให้ดีที่สุด และไม่หวังผลตอบแทน!”
จ้าวซวี่พยักหน้า
“ตอนนี้ นายรีบไปหาจ้าวข่ายที่โน่น”
“ต้องสืบเวลาและสถานที่ที่พวกมันจะลงมือให้ชัดเจน และอย่าทำพลาดเด็ดขาด”
“และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จ้าวข่ายเกิดความสงสัย ในระหว่างนี้ เราก็อย่าติดต่อกันอีก”
“ครับ!”
“ผมขออวยพรล่วงหน้าให้พี่ซวี่ได้รับชัยชนะ”
“และน้องก็ร่วมรับชัยชนะด้วยกัน!”
จ้าวเฟิงถอยออก
ฉินเทียนอยู่หอว่างเยว่ ซึ่งถูกเถียหลินเฟิงและคนอื่นๆ ลากไปดื่มกันยกใหญ่
และเถ้าแก่เหล่านี้ภายนอกดูเป็นคนมีภูมิฐาน คิดไม่ถึงว่าแต่ละคนจะดื่มเก่งถึงเพียงนี้
แม้แต่เถียหลินเฟิงที่ปกติเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่เมื่อปมในใจของลูกสาวได้ถูกคลี่คลายแล้ว เขาได้ลากฉินเทียนชนซ้ายแก้วชนขวาแก้วไปทั่ว
ฉินเทียนรับมือไม่ไหวแล้ว จนท้ายที่สุดก็ดื่มไปประมาณครึ่งโลได้
กระทั่งเที่ยงคืน จึงให้คนขับรถไปส่งที่อุทยานมังกร
เขารู้สึกว่าอาการเวียนหัวเบาๆ แบบนี้ให้ความรู้สึกดีเหมือนกัน จึงถือโอกาสกลับห้องขณะมึนเมาเมา และในความมืดสลัว เขาตะโกนเรียกซูซูครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ล้มลงบนเตียง
ในผ้าห่มผืนใหญ่ มีเสียงร้องอ้อนแอ้นมาจากในนั้น
ไม่ใช่ มีสองเสียงนี่นา!
ฉินเทียนมองไปด้านหน้า กลับมีหญิงสาวสองคน เขาตกใจจนอ้าปากค้าง
กลับผิดบ้าน?
หรือเข้าผิดห้อง?
จากนั้น เมื่อเห็นหน้าหญิงสาวสองคนที่อยู่ด้านหน้าอย่างชัดเจน คนหนึ่งคือซูซู และอีกคนกลับเป็นหลิวหรูยู่ เขางุนงงไปหมด
หลิวหรูยู่หน้าแดงก่ำ และรีบพูดขึ้น:”คุณฉินกลับมาแล้ว!”
“ฉันไปห้องข้างแล้วกัน”
“อย่าขยับ!”ซูซูดึงเธอและพูดอย่างไม่พอใจกับฉินเทียนว่า:”ฉันคุยกับหรูยู่จนดึกดื่น ก็เลยนอนด้วยกัน”
“ปกติคุณออกไปทำธุระตอนกลางคืน ไม่กลับมาไม่ใช่เหรอ?
ฉินเทียนพูดไม่ออก เหมือนการกลับบ้านตัวเองคือความผิดอย่างนั้นหรือ?
เขาอึ้งไปและพูดขึ้นว่า”ถ้าอย่างนั้นให้ผมนอนที่ไหน”
ซูซูยิ้มและพูดว่า:”หรือไม่ คุณก็นอนตรงกลางพวกเราไหมล่ะ?
ฉินเทียนกลืนน้ำลายอึกอักไปหนึ่งที
หลิวหรูยู่พูดด้วยความเขินอาย:”ประธานซู คุณพูดอะไรน่ะ!”
“สามีของคุณกลับมาแล้ว ฉันก็ควรหลีกทางให้”
ซูซูถลึงตาใส่ฉินเทียน กัดฟันพูดขึ้น:”คุณคงไม่อยากนอนตรงกลางระหว่างเราจริงๆ ใช่ไหม?”
“หรือว่าคุณคิดจะไล่หรูยู่กลับ?
“เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ”
ฉินเทียนพึ่งนึกขึ้นได้ จึงหันหัวแล้วเดินจากไป
จากนั้นมีเสียงของสองสาวหัวเราะดังสะใจมาจากข้างหลัง
วันรุ่งขึ้น หลิวหรูยู่หน้าแดงและพูดอย่างเขินอาย:”คุณฉิน ขอโทษด้วยนะคะ ที่เมื่อคืนยึดครองภรรยาของคุณ”
“เธอเป็นคนพูดเองว่าคุณจะไม่กลับมาตอนกลางคืน”
ฉินเทียนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า:”ไม่เป็นไร!”
“พวกคุณอยู่เถอะ ต่อไปผมไปค้างข้างนอกเอง!”
พึ่งพูดจบ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ที่แท้จุยเฟิงโทรมานั่นเอง
เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า:”โทรหากูมีธุระอะไร”
จุยเฟิง:”โห๊ะ!”
“กินระเบิดแต่เช้าเลยหรือไง?”
“คนตามหาคุณไม่ใช่ผม แต่เป็นนายท่าน”
“เขามีเรื่องสำคัญ จึงเรียนเชิญให้คุณกลับมาซสักรอบ”
เมื่อหลิวหรูยู่ได้ยินเสียง จึงรีบพูดขึ้นว่า:”คุณปู่เป็นอะไร เขาสบายดีใช่ไหม?”
จุยเฟิง:”คุณหนูใหญ่เหรอ?”
“เช้าตรู่แบบนี้ คุณอยู่กับคนแซ่ฉินเหรอ?
หลิวหรูยู่แทบไม่สนใจที่จะอธิบาย เธอกล่าว:”จุยเฟิง รีบพูดมาเร็วเข้า ว่าคุณปู่เป็นอะไร?”
“ฉันอยู่หลงเจียง และฉันคิดว่าจะไปเยี่ยมท่านวันนี้”
จุยเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า:”ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ”
“คุณหนูใหญ่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็มาด้วยกันกับฉินเทียนเถอะ”
เมื่อพูดจบ ก็วางสายไป
หลิวหรู่ยู่ไม่สนแม้แต่จะกินข้าว และมองไปทางฉินเทียน:”ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่”
“พวกเรารีบไปเถอะ”
ซูซูก็พูดขึ้นว่า”ใช่ เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ พวกคุณรีบไปเถอะ”
“อย่าวู่วาม มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ แก้ไข”
ฉินเทียนพยักหน้า โดยสีหน้าของเขาดูเคร่งเคลียดเล็กน้อย
สัญชาตญาณบอกเขาว่า ต้องเกี่ยวข้องกับตระกุลจ้าวเป็นแน่น
เมื่อคืนวาน เขาพึ่งขับไล่จ้าวซวี่ไปเอง หมอนี่เริ่มลงมือกับหนานเจียงเร็วขนาดนี้เชียวหรือ
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ดังนั้นเขาไม่สามารถเพิกเฉยได้