บัญชามังกรเดือด - บทที่ 386 ปรมาจารย์ในสุสาน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 386 ปรมาจารย์ในสุสาน
จ้าวเฟิงเอ่ยตอบอย่างสงบ “ลูกรู้ ในป่าของทางเหนือเมือง มีปรมาจารย์ท่านหนึ่งอาศัยออยู่”
“ลูกเคยถูกตระกูลปฏิเสธมาก่อน เพราะเบื่อจึงไปพักผ่อนอยู่นอกเมือง จึงได้เจอเขาโดยบังเอิญ”
“หากพูดตามตรง กลอุบายทั้งหมดของลูก ล้วนได้รับการสอนโดยปรมาจารย์ เขาเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงของโลก”
“เดิมที เขาเตือนลูกว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของเขาเด็ดขาด”
“เพียงแต่ในตอนนี้ เพื่อความอยู่รอดของตระกูล ลูกจึงต้องพูดมา”
“ลูกรู้สึกว่า ถ้าพ่อเต็มใจไปที่นั่นด้วยตนเอง และขอให้ปรมาจารย์ผู้นั้นออกหน้า เมื่อถึงตอนนั้นปัญหาทั้งหมดก็จะได้รับการแก้ไข”
“เพียงแค่ฉินเทียน อยู่ภายใต้เงื้อมมือของปรมาจารย์ผู้นั้น มันก็จะพังทลายด้วยเพียงปลายนิ้วสัมผัส
“ที่แกพูดจริงหรือเปล่า?”
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยิน ว่ามีปรมาจารย์เช่นนี้ในทางเหนือของเมืองมาก่อน”
จ้าวเทียนเล่องงงวย
จ้าวเฟิงยืนกราน: “จริงหรือไม่ พ่อไปถึงก็จะรู้”
จ้าวเทียนเล่อตื่นเต้น กับลูกคนนี้ เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตามาก่อน
แต่ต้องบอกว่า การแสดงออกล่าสุดของจ้าวเฟิงนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ที่บอกว่ามีปรมาจารย์ชี้แนะอยู่เบื้องหลังก็สมเหตุสมผล
“เจ้าบ้าน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ในความคิดของผม รอบคอบไว้จะดีกว่า”
“ไม่เช่นนั้น ผมจะพาคนไปเชิญปรมาจารย์นั้นมา หรือไม่พรุ่งนี้ท่านค่อยไปก็ได้” หลี่จื้อเจียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
จ้าวเฟิงเอ่ยทันที: ไม่ได้!”
“ไปพรุ่งนี้ ต้องไม่ทันแน่นอน”
“นอกจากนี้ นั่นเป็นปรมาจารย์จากนอกโลก นอกจากเจ้าบ้านที่ไปด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้น เขาจะรู้สึกถูกล่วงเกิน”
“ถ้าจากไปด้วยความโกรธ เมื่อคิดจะหาเขาอีกครั้ง ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว”
จ้าวเทียนเล่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจได้
“ได้!”
“ฉันจะเชื่อใจแกเป็นครั้งสุดท้าย”
“ลูกจ้าวเฟิง ถ้าฉันรู้ว่า แกกำลังหลอกฉัน คืนนี้แกก็ไปอยู่ยมโลกกับพี่ชายแกซะ!”
“ไป!”
เพื่อความปลอดภัย เขานำองครักษ์ที่เหลืออีกแปดคนไปด้วย
มีองครักษ์แปดคน เพื่อปกป้อง คงจะไม่มีอุบัติเหตุอะไร
องครักษ์หนึ่งซือเหยียนจง ถูกจ้าวเฟิง หลู่ซิ่นและเหยียนควนร่วมมือกันใส่ความ และในที่สุดเมื่อเขาหลบหนีได้ เขาถูกดาบพิฆาตซีเป่ยเจี๋ยโกวสังหาร
องค์รักษ์หกข่งหลง ถูกผีหวูฉางทุบทับที่หาดหินของหอว่างเจียง
หลังจากจัดการสามพี่น้องตระกูลหยวนได้ บัดนี้องค์รักษ์ทั้งแปดที่เหลือคือ:
องค์รักษ์สองเลี่ยวเจี๋ย องค์รักษ์สามหลู่ซิ่น องค์รักษ์สี่เจียงเห้อ องค์รักษ์ห้าหลี่จื้อเจียน องค์รักษ์เจ็ดหม่าถง องค์รักษ์แปดเฟ่ยหยาน องค์รักษ์เก้าเหยียนควน และองค์รักษ์สิบฉวนคุน
แม้ว่าจะมีความเสียหายอยู่บ้าง แต่ด้วยพลังขององค์รักษ์ทั้งแปดนี้ ตระกูลจ้าวแห่งหยุนชวน ยังคงเป็นตระกูลที่ไม่มีใครกล้ายั่วยุ
รถสามคันออกจากบ้านตระกูลจ้าว และมุ่งหน้าออกไปทางทิศเหนือของเมือง
นอกเมือง มืดมิดไร้แสงไฟ
ในป่ามืดมิดราวกับมีสัตว์ร้ายกินคนที่น่าสะพรึงกลัวอาศัยอยู่ที่นั่น
“อยู่ในนี้แหละ”
“พ่อ ผมจะนำทางให้คุณ!”
เมื่อเห็นจ้าวเทียนเล่อลังเล จ้าวเฟิงก็อาสาที่จะนำทางอย่างกล้าหาญ
จ้าวเทียนเล่อกัดฟันเดินตามเขาไป ภายใต้การคุ้มครองขององค์รักษ์ทั้งแปด
เดินมาได้สักพัก ก็เห็นเพียงวัชพืชและนกอยู่ไกลๆ ไม่เหมือนที่อยู่อาศัยเลยของคนเลย
“เจ้าบ้าน ไปต่อไม่ได้แล้ว!” หลี่จื้อเจียนหยุดและพูดอย่างเย็นชา “คุณชายเฟิง คุณจำทางผิดรึเปล่า?”
“หรือปรมาจารย์คนนั้นไม่อยู่แล้ว”
“ดูเหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่เลย!”
หม่าถงและเจียงเห้อก็ตื่นตัวเช่นกัน
ในขณะนี้ จ้าวเฟิงกำลังยืนอยู่บนเนินเขาข้างหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกล
เขาไม่พูดอะไร มองดูผู้คนด้านล่างอย่างเงียบ ๆ
จ้าวเทียนเล่อรู้สึกขนลุกเล็กน้อยและพูดอย่างโกรธเคือง: “ไอ้ลูกเวร แกกล้าดียังไงมาหลอกฉัน!”
“กับไปกูจะให้มึงได้เจอดีแน่!”
“ไป กลับบ้าน!”
ขณะที่เขาหันกลับมา จ้าวเฟิงบนเนินเขาก็พูดเสียงดัง “เธออยู่ที่นี่!”
“จ้าวเทียนเล่อ คุณมาดูสิ!”
ขณะที่เขาพูด มือของเขาไม่รู้ว่าไปกดอะไรที่ไหน เพราะจู่ๆไฟบนต้นไม้รอบ ๆ เนินเขาก็สว่างขึ้นพร้อมกันในทันใด
แสงไฟสว่างไสว ท่ามกลางป่าที่มืดสนิท ทำให้โลกสว่างไสวขึ้น
เมื่อเห็นที่จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ ทุกคนก็อุทานออกมา
“นี่คือเนินป่าช้า!”
“จ้าวเฟิง ไอ้สารเลว แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่!”จ้าวเทียนเล่อกล่าวด้วยความหวาดกลัว
จ้าวเฟิงเยาะเย้ยและก้าวไปด้านข้างก้าวหนึ่ง หลุมฝังศพข้างหลังเขาปรากฏขึ้น
“จ้าวเทียนเล่อ ปรมาจารย์คนนั้น นอนอยู่ในนี้”
“เธอเป็นคนทำให้ฉันคิดแผนนั้นขึ้นมา”
“คุณมาดูสิว่าเธอเป็นใคร”
จ้าวเทียนเล่อเหลือบมองที่หลุมฝังศพโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเขาเห็นคำบนหลุมศพ การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
สุสานหวางผิง
หวางผิง!
ชื่อนี้ราวกับเป็นสายฟ้าฟาดเข้ามาในจิตใจของเขา
ปลุกความทรงจำที่เขาจงใจผนึกไว้!
ในเวลานั้น เขาเพิ่งแต่งงาน ภรรยาของเขาตั้งครรภ์อยู่ และเขาได้สานต่อธุรกิจของครอบครัว เรียกได้ว่าชีวิตราบรื่นดี
ครั้งหนึ่งที่ไปบริษัทหลังจากดื่มเหล้าแล้ว ไม่รู้เป็นผีบ้าอะไร ก็เลยตกหลุมรักพนักงานหญิงคนใหม่
เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่โลภเงินเจ้าชู้อะไร แต่ครั้งนั้น เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
พนักงานหญิงคนนั้นถูกล่วงละเมิดในสำนักงาน
ต่อมา เมื่อได้ลองลิ้มรสแล้วก็โหยหาสิ่งนั้นอีก และความลับนี้ก็เก็บไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หน้าตาของหวางผิงไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น แต่เธอมีจิตใจดีและมีน้ำใจมาก
เขารู้สึกว่าเมื่อยู่ใกล้หวางผิง เขาได้ค้นพบความรู้สึกเคารพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในใจเขายังคิดที่จะให้หวางผิงเป็นภรรยาคนที่สอง
ต่อมา ภรรยาตัวจริงรู้เหตุการณ์นั่น ซึ่งคือแม่ของจ้าวซวู่
แม่ของจ้าวซวู่ ซึ่งมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นกัน เธอพาคนเข้าไปในสำนักงานและทุบตีหวางผิงอย่างรุนแรง
และข่มขู่จ้าวเทียนเล่อว่าให้เขาฆ่าหวางผิง ไม่เช่นนั้นเธอจะหย่ากับจ้าวเทียนเล่อ
จ้าวเทียนเล่อไม่สามารถล่วงเกินหวางผิงได้ พูดให้ถูกคือ เขาไม่สามารถล่วงเกินครอบครัวของหวางผิงได้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ฆ่าหวางผิง แต่เขาก็ขับไล่หวางผิงออกไป
หวางผิงกลายเป็นหญิงผู้ต่ำต้อยที่ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะและทุบตี เธอสิ้นหวัง และในท้ายที่สุดเธอก็หาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บเศษขยะเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้น คือในเวลานั้นเธอท้องจ้าวเฟิงแล้ว
ในตอนเด็ก จ้าวเฟิงอาศัยอยู่กับแม่ของเขา ซึ่งมักจะแย่งชิงอาหารกับสุนัขป่า
แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกลำบาก ตราบใดที่ยังอยู่กับแม่ การอยู่ในถ้ำก็ยังคงอบอุ่น
ต่อมา ภรรยาที่แท้จริงของจ้าวเทียนเล่อเสียชีวิตด้วยอาการป่วย เขาจึงตามหาหวางผิงจนพบ และรับพวกเขาสองแม่ลูกเข้าตระกูลจ้าว
จากคนจรจัดข้างถนน กลายเป็นบุตรเศรษฐีมีฐานะดี จ้าวเฟิงเคยคิดว่าความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว
ใครจะไปรู้ ฝันร้ายกลับเพิ่งเริ่มต้น
ในเวลานั้น ความรักของจ้าวเทียนเล่อที่มีต่อหวางผิง ได้หายไปนานแล้ว
การที่รับพวกเขามา เพียงเพราะไม่ต้องการที่จะให้เกิดความขุ่นเคืองกัน
ไม่ต้องการให้ใครพูดลับหลังว่าจ้าวเทียนเล่อโหดเหี้ยมและไม่ยุติธรรม และปล่อยให้ลูกนอกสมรสของเขาใช้ชีวิตเหมือนสุนัขจรจัดอยู่ข้างนอก
หลังจากรับหวางผิงสองแม่ลูกมา เขารู้สึกว่า เขาตอบแทนพวกเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
เขายุ่งอยู่กับธุรกิจของตระกูล และแทบไม่ไปหาพวกเขาเลย
จ้าวซวู่ในฐานะเจ้าชาย อิจฉาหวางผิง และ จ้าวเฟิง
เขารู้สึกว่าเป็นแม่ลูกคู่นี้ บังคับให้แม่ผู้ให้กำเนิดของเขาต้องตาย
ในกรณีนี้ เขาจะปฏิบัติต่อหวางผิง และ จ้าวเฟิง ยังไง
บทที่ 385 แกคู่ควรไหม
บทที่ 387 คุณน่าจะลืมเธอไปนานแล้ว