บัญชามังกรเดือด - บทที่ 416 แกถูกไล่ออก
บัญชามังกรเดือด บทที่ 416 แกถูกไล่ออก
เผชิญหน้าซินเฉียงที่อยู่ในอาการหัวร้อน ฉินเทียนเหยียดยิ้มทันที: “นายยังอยากจะท้าฉันอยู่อีกเหรอ?”
สายตานั่น ราวกับกำลังมองคนโง่
ซินเฉียงนิ่งอึ้ง พลันรู้สึกไม่ชอบมาพากลในทันใด
นายท่านสาม คงไม่ใช่ “นายท่านสาม” คนนั้นที่ฉินเทียนพูดถึงหรอกนะ?
ความคิดอันสยดสยองผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาตัวสั่นเทิ้มอย่างหนัก หน้าซีดขาวราวกับคนตายในพริบตา
“ไอ้เวรเอ้ย!”
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ามาแยกเขี้ยวกางเล็บต่อหน้าคุณฉิน” จ้าวเทียนจีหน้าเขียวปั๊ด คำรามเสียงต่ำ พุ่งเข้าใส่
ตบหน้าซินเฉียงสุดแรงเกิดไปหนึ่งฉาด
“เพี๊ยะ!”
เสียงดังกังวาน ทำให้ซินเฉียงผงะ และได้สติคืนมา
นายท่านสาม คือนายท่านสามคนนั้นที่ฉินเทียนเอ่ยถึงจริงๆ ด้วย!
ฉินเทียนแค่โทรหาสายเดียว ก็ทำให้นายท่านสามรุดหน้ามาแล้ว!
เขาเป็นแค่มดปลวกในหลงเจียงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีความอำนาจน่าทึ่งขนาดนี้?
ซินเฉียงเอามือกุมหน้า เหม่อลอยไปชั่วขณะ
รปภ.เหล่านั้นอึ้งตาแตกเช่นกัน
พวกเขากำลังเห็นอะไร? นายทานสามผู้เป็นเลิศเหนือใคร ดั่งราชา มาคุกเข่าลง ตรงหน้าฉินเทียน!
ฉินเทียนรีบเอ่ยว่า: “นายท่านสาม ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น นั่งเถอะ”
จ้าวเทียนจีมีหรือจะกล้านั่ง เขายืนคารวะอยู่ใกล้ๆ มือแนบลำตัว ค่อมกาย เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า: “คุณฉิน ไอ้ตาถั่วนี่กระด้างกระเดื่องใส่คุณใช่ไหม?”
“อยากให้ผมจัดการยังไง คุณพูดมาได้เลย”
ฉินเทียนยิ้มเย็นเยือกมองไปยังซินเฉียง
“ตอนนี้แกเชื่อหรือยัง ว่าฉันพูดแค่คำเดียวก็สามารถไล่แกออกไปได้เลย?”
ซินเฉียงขาอ่อน ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฉินเทียน
เขาเอ่ยด้วยความหวาดหวั่นว่า: “ไว้ชีวิตผมด้วย!”
“ผมมีตาหามีแววไม่!”
“คุณฉิน โปรดเมตตาด้วย!”
ฉินเทียนยิ้มเยาะ: “นายท่านสามจ้าว สมาคมหยุนชวนของพวกคุณมีมดปลวกประเภทนี้ด้วยเหรอ ขอโทษนะผมที่ต้องพูดตามตรงว่า อาจทำให้แวดวงธุรกิจในประเทศดูถูกเอาได้ง่ายๆ”
จ้าวเทียนจีหน้าเขียวคล้ำ กัดฟันพูดว่า: “ลากไอ้หมอนี่ออกไปให้ฉันที ประกาศคำพูดของฉันออกไปว่า ในสมาคมหยุนชวน ใครกล้าใช้มัน เท่ากับมีเรื่องกับตระกูลจ้าวของฉัน”
คำพูดแผ่วเบาหนึ่งประโยค ตัดขาดที่ยืนของซินเฉียงทั่วทั้งเมืองหยุนชวนในทันใด
หากเขาอยากทำมาหากิน จำต้องออกไปข้างนอกเท่านั้น
ทว่า แม้แต่บ้านเกิดของเขายังไม่ปราณีเขาเลย แล้วคนข้างนอก จะไว้หน้าเขาอีกได้อย่างไร?
กล่าวได้ว่า ทั้งชีวิตนี้ของเขา นับว่าไร้ประโยชน์แล้ว
จากรองประธานสมาคม ที่อยู่สุขสบายหรูหรา มีสาวสวยคอยกกกอด ตกต่ำเป็นสุนัขจนตรอก ที่ทุกคนทุบตีด่าทอ เพียงเพราะคำพูดคำเดียวขอองฉินเทียน
ซินเฉียงระโหยโรยแแรงอยู่บนพื้น แม้แต่พูดยังพูดไม่ออกไปแล้ว
หลี่รุ่ย เลขาจอมมารยานั่น ยังคงไม่เข้าใจความรุนแรงของสถานการณ์
เธอยิ้มหวานพูดว่า: “นายท่านสามจ้าว ท่านรองซิน แม้จะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำงานอย่างหนักเพื่อสมาคม”
“ทำไมคุณต้องโกรธขนาดนี้ เพราะแค่คนนอกคนเดียวด้วย?”
“โกรธมากๆ จะทำลายสุขภาพเอานะคะ!”
“ฉันคิดว่า ให้รองประธานซินขอโทษคุณฉิน จากนั้น อย่างน้อยๆ ก็ยอมให้พวกเขามาทำธุรกิจที่หยุนชวนก็สิ้นเรื่อง”
พูดจบ ยังชม้อยชม้ายตาใส่จ้าวเทียนจีอีกด้วย
จ้าวเทียนจีโกรธจนจมูกบิดเบี้ยว เขาบันดาลโทสะ สาวเท้าเข้าไป ตบหน้าหลี่รุ่ยเสียงดังเพี๊ยะ
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงมีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้ต่อหน้าฉัน!”
“อย่าคิดว่าฉันไม่อยู่สมาคม แล้วจะไม่รู้เรื่องบัดสีที่คนต่ำช้าอย่างพวกแกทำกันอยู่ทุกวันนะ!”
“แกถูกไล่ออกด้วยเหมือนกัน!”
“ไสหัวไป!”
“ไสหัวไปให้ไกลเท่าไรได้ยิ่งดี!”
หลี่รุ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก คราวนี้ถึงรู้ว่าตัวเอฃองทำตัวจองหองมากเกินไป
เธอหาช่องแทรกตัวออกไปอย่างรับไม่ไหว กรีดร้อง กุมหน้าวิ่งออกไปด้านนอก
ข้างนอก มีคนสองคนเดินเข้ามาพอดี เธอจึงชนเข้ากับคนคนหนึ่ง เสียงดังปึก
“โอ้ย!” จี้ซิงรีบร้อนเอ่ยว่า: “พี่ครับ พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ผมทำพี่เจ็บหรือเปล่าครับ?”
หลี่รุ่ยมองใบหน้าหล่อบาดใจนี้ นัยน์ตาสุกสกาวดุจดวงดาว ในความหนุ่มแน่น ฉายความอ่อนเยาว์อยู่หลายส่วน
“คุณเป็นใครคะ?” เธออึ้งเล็กน้อยไปชั่วขณะ
ข้างกายจี้ซิง ยังมีเด็กสาวสวยใสอีกหนึ่งคน
เทียบกับใบหน้ายิ้มแย้มของจี้ซิง เด็กสาวกลับเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ดวงตาทั้งสอง อาฆาตดุดัน จ้องเขม็งเข้าไปในห้อง
พอเห็นภาพนี้ จ้าวเทียนจีก็ชะงักไป แล้วรีบร้อนยิ้มเอ่ยว่า: “ชิงเหยา นายน้อยจี้ พวกเธอมาได้ยังไง?”
“คุณฉินอยู่ที่นี่พอดีเลย——”
พูดมาถึงตรงนี้ เพิ่งตระหนักได้ว่า หลิวชิงเหยากับฉินเทียน มีความแค้นใหญ่เรื่องพ่อต่อกัน
เขาอ้าปากค้างพูดไม่ออก
เธอเขยิบเข้าใกล้ฉินเทียนตามสัญชาตญาณ จับมือเขา แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า:
ฉินเทียนยิ้มขมขื่น คิดในใจว่ากลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ
ตอนแรกเขาตั้งใจจะปิดหลิวชิงเหยา จัดการธุระให้เสร็จเงียบๆ แล้วกลับไปที่หลงเจียง
คิดไม่ถึงว่า หลิวชิงเหยาจะตามมาเร็วขนาดนี้
เมื่อเห็นจี้ซิงที่อยู่ข้างๆ ใจเขาก็กระตุกวูบ แววกรุ่นโกรธฉายปรากฏบนใบหน้า
หลิวชิงเหยาเพิ่งได้เป็นคุณหนูใหญ่ขอองตระกูลจ้าว อยู่ในบ้านหลังใหญ่มิดชิด ไม่มีทางรู้ว่าตนมาแน่
ต้องเป็นเด็กคนนี้แน่นอน!
เขาอดถลึงตาใส่จี้ซิงไปหนึ่งทีไม่ได้
จี้ซิงยักคิ้วหลิ่วตาอย่างภาคภูมิใจ: “ใช่ ผมเป็นคนพาชิงเหยามาเอง”
“ชิงเหยา อย่างเพิ่งโกรธเลย มา นั่งลงพูดเถอะ”
ไอ้หมอนี่ประคองหลิวชิงเหยาเดินไปยังเก้าอี้ประธานของซินเฉียงอย่างกระตืนรือร้น อย่างกับขันทีปรนนิบัติราชินี
สายตาของหลิวชิงเหยา ตกอยู่บนมือของซูซูที่กำลังจับฉินเทียน เธอมองเขม็งซูซู แล้วเหยียดยิ้มออกมา
นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน เสมือนจักรพรรดินีราชวงศ์หนึ่ง
“อาสาม เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกหนูได้ไหมคะ?” เธอเอ่ยเสียงเรียบ
จ้าวเทียนจีทำหน้ากระอักกระอ่วน: “เอ่อ——”
หลิวชิงเหยาหน้าตึง: “พ่อเลี้ยงหนูบอกว่า ต่อไปให้หนูเรียนรู้เรื่องที่นี่มากๆ”
“แบบนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลต่อจากเขาในอนาคต”
จ้าวเเทียนจียิ้มแห้งพร้อมถอนหายใจ พี่ใหญ่ของเขาคนนี้ไม่เคยแต่งงานมาทั้งชีวิต ไร้ทายาท
กระทั่งหลายปีต่อมาจู่ๆ ก็รับลูกสาวสุดที่รักขนาดนี้มาคนหนึ่ง รักใคร่ถนุถนอมเสียยิ่งกว่าอะไร
แม้เขาจะคิดว่า เรื่องที่จ้าวเทียนเผิงอยากขัดเกลาเลี้ยงดูให้หลิวชิงเหยาเป็นผู้สืบทอดตระกูลจ้าวจะไม่เหมาะไม่ควร แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
หลิวชิงเหยาคนนี้เป็นผู้ที่สวรรค์ประทานพรมาโดยแท้ สถานะของเธอยิ่งใหญ่เกินไป
ไม่ใช่แค่เป่ยเจียงกับตระกูลจ้าว เธอยังเป็นคนรักของนายน้อยตระกูลจี้
สถานะหลังนี้สลักสำคัญกว่าสถานะก่อนหน้ารวมกันอีก
เมื่อไรก็ตามที่หลิวชิงเหยากลายเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลจี้ นั่นก็จะนำผลดีมาสู่ตระกูลจ้าว อย่างที่ไม่อาจประเมิณค่าได้
ดังนั้น สำหรับหลานสาวบุญธรรมหัวรั้นเอาแต่ใจคนนี้ จ้าวเทียนจีก็จนปัญญาเช่นกัน
เขาทำได้เพียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังคร่าวๆ
หลังจากหลิวชิงเหยาฟังจบ ก็ฉุนขึ้นมาทันที
“อาสาม คนแซ่ฉินก็แแค่คนนอก รองประธานซินเฉียงต่างหาก คือคนที่ภักดี และทำงานอุทิศตนให้กับตระกูลจ้าวของเรา”
“ตอนนี้ อากลับลงโทษคนของของเราแบบนี้ เพื่อคนนอกคนเดียวงั้นเหรอ?”
“ไม่เข้าท่าไปหน่อยมั้ง”
จ้าวเทียนจีอยากอธิบาย แต่หลิวชิงเหยาไม่ให้โอกาสเขาเลย
“อาเองก็เป็นผู้รับผิดชอบของตระกูล วิธีการแบบนี้ของอา ไม่เป็นการทำร้ายน้ำใจลูกน้องเหรอ?”
“อาทำแบบนี้ ต่อไปชาวบ้านจะยังนับหน้าถือตาตระกูลจ้าวของเราอยู่อีกไหม?”
“ยังมีใครอีก ที่ยินดีรับใช้ตระกูลจ้าวของเรา?”
“ในความคิดของหนู รองประธานซินไม่ใช่แค่ไร้ความผิด แต่ยังมีคุณงามความดีอีกต่างหาก”
“เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด!”
บทที่ 415 นายท่านสาม
บทที่ 417 ท้าดวล