บัญชามังกรเดือด - บทที่ 481 ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนา
บัญชามังกรเดือด บทที่ 481 ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนา
ช่วงเวลายามเย็น แลนด์ ครูเซอร์สามคันค่อย ๆ ขับเข้ามาในเมืองหลงเจียง
ปกติใช้ชีวิตอยู่ในหลงเจียง ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร ครั้งนี้พักอยู่จิ่นหูหลายวัน จู่ ๆ กลับมาก็พบว่าเมืองแห่งนี้เล็กมากซะจริง
ถนนคับแคบ อาคารต่ำลง
พอมองดูแล้ว แม้กระทั่งรถยนต์และคนที่เดินอยู่บนถนน ก็ดูเก่า ๆ อยู่เล็กน้อย
ราวกับกลับไปที่เมืองเล็ก ๆ
อันที่จริง เมื่อเทียบกับเมืองใจกลางอย่างเมืองจิ่นหูที่เป็นเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว เล็กกระจิริดอย่างเมืองหลงสู้เขาไม่ได้เลย
แต่ว่า นอกจากหลิวชั่นแล้ว ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นอย่างหนึ่ง
ต่อให้เป็นสถานที่ที่งดงามหรูหราใด ๆ บนโลกใบนี้ ก็ไม่สามารถให้ความรู้สึกที่ว่าได้กลับบ้านแบบนั้นได้
“พี่เทียน ยังมีธุระอีกไหม ?”
“ไม่มีธุระละก็ เราจะกลับวิลล่าแล้ว !”
“คิดถึงพี่ใหญ่ฉานกับผีหวูฉางจะแย่ตายอยู่แล้ว” ถงชวนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
“ฉันคิดถึงเสือกับสิงโตพวกนั้นมากกว่า” เถียปี้ฉีกยิ้มเอ่ย
ฉินเทียนหัวเราะอยู่เล็กน้อย แล้วเอ่ย : “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกนายกลับไปเถอะ”
“บอกกับลุงฉานด้วยว่า พรุ่งนี้จะไปปรึกษากับเขาด้วยเรื่องหนึ่ง”
“รับทราบครับ !” ถงชวนและคนอื่น ๆ จากไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เถียหลินเฟิง หลี่เฉิงหนานและอู๋เทียนสง ต่างก็มีกิจการด้วยเช่นกัน ต่างคนต่างก็กลับไป
ฉินเทียนขับรถพาหลิวชั่นมาที่อาคารซูยู่ด้วยตัวเอง
พอเพิ่งจอดรถเสร็จ หลิวชิงก็ลงมาจากรถคันหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพอดิบพอดี พอเห็นฉินเทียน เธอจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ : “คุณฉิน ทำไมคุณกลับมากะทันหันล่ะ ?”
“เรื่องทางนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว ?”
ฉินเทียนเห็นในมือของหลิวชิงถือเอกสารกองหนาเตอะอยู่ จึงยิ้มเอ่ยอย่างอดไว้ไม่ได้ : “คุณไปโรงงานแล้วหรือยัง ?”
“ยังเลย” หลิวชิงรีบเอ่ย : “คุณมาพอดีเลยค่ะ”
“ฉันเพิ่งกลับมาจากธนาคารเจี้ยนหลง ได้เจรจาสัญญากู้เงินเจ็ดพันล้าน ตามที่คุณกำชับไว้ได้พอสมควรแล้ว”
“ประธานธนาคารหวางรับปากเราว่า จะจัดสรรเงินทุนให้ถึงตามเงื่อนไข ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด”
“ถึงตอนนั้น แบ่งโอนเข้าบัญชีสักสองสามครั้ง ตามอัตราความเร็วของโครงการเราค่ะ”
“นี่เป็นเอกสารกู้เงิน คุณอยากดูหน่อยไหมคะ ?”
“ไม่ต้องหรอก ให้คุณรับผิดชอบก็พอแล้ว” ฉินเทียนแย้มยิ้มแล้วจึงเอ่ย : “หลิวชิง ขอแนะนำ ท่านนี้คือหลิวชั่น เถ้าแก่หลิว”
หลิวชิงรีบยิ้มกล่าว : “สวัสดีค่ะ เถ้าแก่หลิว”
“เถ้าแก่หลิว ยินดีต้อนรับคุณและทีมของคุณเข้าสู่ซูยู่กรุ๊ปนะคะ”
หลิวชั่นยิ้มเอ่ย : “ประธานหลิว เดี๋ยวจากนี้ฉันก็จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณแล้ว ได้โปรดชี้แนะด้วย”
ณ ตอนนี้ หลิวชิงเป็นผู้จัดการใหญ่ของซูยู่กรุ๊ปทั้งหมด และทงต๋าโลจิสติกส์ขนส่งของหลิวชั่นได้ถูกซูยู่กรุ๊ปถือหุ้นเอาไว้
เท่ากับว่าเขาเป็นผู้จัดการของบริษัทย่อย เลยจะด้อยกว่าหลิวชิงหน่อย เมื่อพูดในแง่ของระดับขั้นแล้ว
“หลิวชิง ที่เถ้าแก่หลิวจะสร้างห้องทำงานไว้ที่นี่ มอบให้เธอจัดการแล้วกัน”
“กรรมการซูอยู่ไหม ? ฉันขึ้นไปดูก่อนหน่อย”
ฉินเทียนมองอาคาร แล้วดูรีบร้อนอยู่หน่อย
หลิวชิงเม้มปากแล้วยิ้มเอ่ย : “ไม่เจอกันสองสามวัน ก็ร้อนใจขนาดนี้แล้วเหรอคะ ?”
“เดี๋ยวฉันดูแลเถ้าแก่หลิวให้ คุณขึ้นไปเถอะค่ะ”
“กรรมการซูน่าจะอยู่ในห้องทำงานค่ะ”
ฉินเทียนหมิงรู้ว่าหลิวชิงกำลังหยอกล้อตัวเองอยู่ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เบือนหน้าวิ่งเข้าไปด้านใน
มาถึงชั้นบนสุดของตึก ห้องทำงานของกรรมการเงียบเชียบ
ฉินเทียนผลักเปิดประตูอย่างระมัดระวัง พบว่าด้านหลังของโต๊ะทำงานว่างเปล่า ซูซูไม่อยู่
แต่ว่า เขาเห็นเสื้อคลุมของซูซูแขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อด้านข้าง
อธิบายได้ว่าซูซูไม่ได้เดินไปไกลนัก อาจจะไปคุยงานที่ห้องทำงานอื่นก็ได้ อีกเดี๋ยวก็น่าจะกลับมาแล้ว
ฉินเทียนตัดสินใจว่าจะเซอร์ไพรส์ซูซู เห็นประตูพักผ่อนด้านข้างแง้มอยู่ เขาเตรียมเข้าไปซ่อน
อีกเดี๋ยวซูซูมาแล้ว ค่อยกระโดดออกมาอย่างกะทันหัน
ใครจะไปรู้ว่า ผลักประตูเปิด อดไม่ได้ที่จะตะลึง
เพียงเห็นคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เส้นผมนุ่มนวล นอนหลับปุ๋ย
ก็คือซูซูนั่นเอง
ทำไมซูซูถึงได้นอนหลับที่ห้องทำงานตอนกลางวันแสก ๆ ล่ะ ? ปฏิกิริยาแรกของฉินเทียน ยังนึกว่าเธอป่วยเสียแล้ว
เขารีบเดินไปทันที ใช้มือลูบหน้าผาก
ทุกอย่างปกติ
เห็นใบหน้าของเธอแดงเปล่งปลั่ง กำลังหลับฝันหวาน ดูเหมือนเพียงแค่เหนื่อยไปก็เท่านั้น
ฉินเทียนจึงวางใจ เห็นรูปร่างงดงามดุจดอกไม้ เส้นโค้งประณีต ได้กลิ่นหอมจากเรือนร่างภรรยาที่งดงาม เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง
จู่ ๆ ก็มีการเตรียมตัวที่จะก่อการร้าย
เขาถอดรองเท้าแล้วตะแคงนอนอยู่ด้านข้าง แล้วไปสวมกอดซูซูอย่างระมัดระวัง
ซูซูพลิกตัวตามสัญชาตญาณ เลยได้เข้าสู่อ้อมกอดของฉินเทียนพอดี ในขณะที่อยู่ในภวังค์ของการหลับสนิท
ราวกับหาอ่าวอันอบอุ่นเจอแล้ว จึงนอนหลับไปสนิทยิ่งขึ้น
“ที่รัก ผมกลับมาแล้ว” ฉินเทียนกระซิบเอ่ย ซูซูส่งเสียงพึมพำ ยังคงไม่ตื่นขึ้น
ฉินเทียนกอดและจุ๊บเธออย่างอดใจไว้ไม่อยู่
ซูซูตอบตามสัญชาตญาณ จากนั้น ในที่สุดพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้น
เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ข้างหน้านี้ ดวงตาของเธอขยายใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลย
ฉินเทียนเผยความเจ้าเล่ห์ในนัยน์ตา กำลังอยากจะฉวยโอกาสเข้าจู่โจมเพื่อช่วงชิงอยู่พอดี จู่ ๆ ซูซูส่งเสียงอื้อ ผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว วิ่งเข้าไปห้องน้ำด้านข้าง
“แหวะ !”
“อ้วก !”
จับอ่างล้างมือ แล้วเริ่มคลื่นไส้
ใบหน้าของฉินเทียนตกใจ
“ที่รัก คุณเป็นอะไรไป ?”
“ป่วยงั้นเหรอ ?”
ซูซูจับประตู เอ่ยอย่างไร้กำลัง : “ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน ช่วงหลายวันมานี้เอาแต่รู้สึกง่วง แถมยังอาเจียนเป็นน้ำกรดด้วย……”
“ทำไมจู่ ๆ คุณกลับมาล่ะ ?”
ซูซูหันหน้า เห็นฉินเทียนมองตัวเองด้วยใบหน้าแปลกใจ เธออึ้งไป จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ย : “อะไรเหรอ
“บนหน้าฉันมีอะไรงั้นเหรอ ?”
ฉินเทียนกลืนน้ำลาย เอ่ยด้วยความตื่นเต้น : “ที่รัก คุณท้องแล้วใช่ไหม ?”
ซูซูอ้าปากหวอ
พอได้สติ จึงรีบเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ : “คิดอะไรอยู่น่ะ !”
“ไม่มีทาง !”
“ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว น่าจะเป็นไข้ฤดูใบไม้ผลิบวกกับแพ้เกสรดอกไม้”
“ฉันไม่เคยมีอาการแพ้เกสรดอกไม้เลยตั้งแต่เด็ก !”
ฉินเทียนลองคิด ก็คิดว่าน่าจะไม่ได้ท้องเหมือนกัน ที่เขาอยู่ร่วมกับซูซูอย่างเป็นทางการ ก็เป็นเวลาได้ไม่นานนี้เอง
“ที่รัก ในเมื่อคุณเหนื่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเรากลับบ้านกันเถอะ”
“พอดีเลย ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วด้วย” เขาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
ซูซูเหมือนจะตระหนักถึงอะไรได้ ฉินเทียนให้ตัวเองกลับบ้านไวหน่อย ไม่ใช่เรื่องดีอะไร จึงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งด้วยใบหน้าแดงแจ๋
“ยังตั้งอีกครึ่งชั่วโมงแหนะ”
“ฉันเป็นเถ้าแก่ จะออกไปไวได้ยังไง”
“จะไป คุณก็ไปก่อนเลยเถอะ”
เธอเช็ดหน้า กลับไปนั่งบนเก้าอี้ มองดูเหมือนกำลังตั้งใจทำงานอยู่ แต่ฉินเทียนเห็น เธอถือเอกสารพลิกไปพลิกมา ไม่ได้มองอะไรอยู่หรอก
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอจนถึงเลิกงาน ฉินเทียนลากซูซูออกไป แล้วกลับไปที่อุทยานมังกรอย่างอดทนรอไม่ไหว
ยังไงบ้านก็ดีกว่า
ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว ดอกไม้เยอะแยะในอุทยานมังกรต่างบานหมดแล้ว
กลิ่นดอกไม้ในสายลมชวนให้หลงใหล
“พี่ชายกลับมาแล้ว !” พอเห็นฉินเทียน หม่าเซวี่ยที่อยู่ในที่นาไกล ๆ โบกมือพร้อมกับเปล่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
ไม่เจอกันสองสามวัน ทุกคนต่างเอาใจใส่เป็นพิเศษ หยางยู่หลันทำอาหารให้โต๊ะหนึ่งด้วยตัวเองเลย
ระหว่างทานข้าว หยางยู่หลันเอ่ยถามถึงสถานการณ์ของเมืองจิ่นหู
“ฉินเทียน ได้ข่าวว่าลูกเตรียมที่จะดึงเอาพวกเจ้าสมาคมเถียไปพัฒนาที่เมืองจิ่นหู สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ?”
“จากที่ฉันเห็น เมืองจิ่นหูไม่ได้หยุดค้างง่ายขนาดนั้นเหรอใช่ไหมล่ะ ?”
ฉินเทียนยิ้มเอ่ย : “มีเค้าแล้ว แม่ครับ ถึงตอนนั้น ผมจะให้แม่ไปเป็นคนรับผิดชอบสหพันธ์การจัดหาการแพทย์และยาให้เจ็ดเมืองทางใต้เลยเป็นไงครับ ?”
หยางยู่หลันยิ้มเอ่ย : “อย่าได้เอาแม่มาล้อเล่นเลย”
“แม่ไม่ได้มีความสนใจมากขนาดนั้นหรอกนะ ชีวิตนี้ นอกจากหลงเจียงแล้ว ก็ไม่ได้อยากไปไหนหรอก”
“ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของฉัน ก็คือภรรยาเธอสามารถคลอดเด็กตัวอ้วน ๆ มาได้สักคน ฉันจะได้อุ้มหลานไว ๆ หน่อย”
“พวกเธอลองคิดดูสิ ในอุทยานมังกรนี้ หากว่ามีเด็กเล็กเพิ่มมาคนหนึ่ง พระเจ้า นั่นจะมีความสุขมากแค่ไหนกันเชียว”
“ซูซู เธอว่าไหม ?”
ซูซูเม้มปาก ใบหน้าเมินเฉย
“ฉันไม่คลอด !”
“ใครอยากคลอดก็คลอดไป”
“เธอ——” เห็นหยางยู่หลันแทบอยากจะมาฉีกหน้าของเธอ
ฉินเทียนรีบแก้หน้าให้ พลันยิ้มเอ่ย : “แม่ครับ ผมกับซูซูคุยกันเรียบร้อยแล้วครับ เรื่องพวกนี้น่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาดีกว่าครับ”