บัญชามังกรเดือด - บทที่ 51 บ้าคลั่งพอหรือยัง
ตอนนี้เอง ด้านนอกประตูโรงแรม ก็มีตำรวจพิเศษคนหนึ่งเดินเข้ามา
พอมองเห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ บอดี้การ์ดทุกคนก็หยุด
ตำรวจพิเศษพูดเสียงดัง:“รถสามคันตรงหน้าประตูเป็นของใคร?รีบขยับเดี๋ยวนี้!”
“จอดรถเป็นหรือเปล่า!”
ที่แท้ก็มาตรวจดูรถที่จอดผิดกฎหมาย ทุกคนต่างโล่งอก
ซูเหวินเฉิงพูดอย่างเย่อหยิ่ง::“ถ้าไม่ขยับ จะทำอะไรผมงั้นหรือ?”
“พี่เขยของผม เป็นถึงคุณชายอู๋!”
“มีปัญหากับพวกเรา จะจัดการคุณให้สิ้นเลย!”
ซูเป่ยซานมองซูซู พูดอย่างวางมาดถือดีเป็นผู้อาวุโส:“เห็นแก่ที่แกเป็นหลานสาวของฉัน ปู่จะให้โอกาสแกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
“คืนโรงงานให้ฉัน แล้วยอมรับการจัดของคุณชายอู๋เฟย”
“ฉันสามารถทำให้พวกแกสองแม่ลูกอยู่กันอย่างสงบสุขและสบาย แต่ว่า คนแซ่ฉิน ต้องคุกเข่าก้มหัวขอโทษคุณชายเฟย รับคำลงโทษ”
การปรากฏตัวของอู๋เฟย ทำให้พวกเขารู้สึกว่าหากตามติดเขาที่มีอำนาจก็จะพลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย
ดังนั้น จึงไม่เห็นหัวของคนอื่น
ตำรวจพิเศษเห็นแบบนี้ ก็ไม่พูดอะไร หันหน้าแล้วออกไป
ซูเหวินเฉิงหัวเราะเสียงดัง พูดว่า:“เห็นไหม แม้แต่ตำรวจยังกลัวผม!”
“ไม่สิ กลัวพี่เขยผมต่างหาก!”
แบบนี้ หยางยู่หลันก็ตื่นตระหนกแล้วจริงๆ เธอพูดอย่างกังวลว่า:“ฉินเทียน อย่าสู้กันล่ะ!”
“กำลังของพวกเขานั้นมากเกินไป”
คนอื่นๆ มองฉินเทียน รอเขาแสดงทัศนคติ
หลายๆ คนตัดสินแล้วว่า เขาจะต้องยอมจำนนแน่
กำลังมาก?ฉินเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็น
แม้แต่ในระดับโลก หากพูดถึงความแข็งแกร่งของราชาเทพพวกเขานั้น ก็อยู่ในสามอันดับแรก
กระทั่งว่า เหนือกว่าความแข็งแกร่งของประเทศเล็กๆ จำนวนมาก
จากรายการหน่วยข่าวกรองใต้ดิน ผู้ปกครองราชาเทพที่แสนจะลึกลับคนนี้ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสิบคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
วันนี้เป็นวันมงคลที่ภรรยากับแม่ยายก่อตั้งบริษัท เขาไม่อยากลงมือจริงๆ
ไม่อย่างนั้น เศษสวะอย่างอู๋เฟย คงกลายเป็นเนื้อบดไปนานแล้ว
เขารักษาความอดทนครั้งสุดท้าย มองอู๋เฟย แล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น:“เด็กเปรต แกบ้าคลั่งพอยัง?”
“ถ้าบ้าพอแล้ว ก็คุกเข่าก้มหัวยอมรับโทษซะ และก็จริงใจหน่อย ไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยแกไป”
“มิฉะนั้น ตระกูลอู๋ของพวกแกก็ลบชื่อออกไปจากหลงเจียงซะ”
อะไรนะ?
ทั้งๆ ที่อู๋เฟยได้เปรียบอย่างท่วมท้น ฉินเทียนกล้าพูดแบบนี้ออกมา?
และก็ ไม่เพียงแต่ให้อู๋เฟยคุกเข่าขอร้อง ยังจะลบตระกูลอู๋ออกไปอีก?
ตลกเกินไปแล้ว!
ซูหนานพูดเกินจริง:“คนแซ่ฉิน แกเป็นแค่นักต่อสู้คนหนึ่ง ดันกล้าพูดว่าจะลบชื่อตระกูลอู๋ออกไป!”
“แกรู้จักพลังของตระกูลอู๋ไหม?”
“ตื่นเถอะ สังคมสมัยนี้ ไม่ใช่โลกของไอ้สวะอย่างแกแล้ว”
“แต่เป็นโลกของคอนเน็กชั่น เงินทองและอำนาจ แกเข้าใจไหม?”
“ฉันว่าควรเป็นแกนะที่คุกเข่าก้มหัวขอร้องสามีฉันน่ะถึงจะถูก!”
แม้แต่ชาวสวนเหล่านั้น ก็ยังเงียบกันหมด ปรากฏสายตาที่ดูกังวล
ต้องยอมรับว่า พวกเขาคิดว่า ซูหนานพูดถูก
ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของการบุกเดี่ยว ด้วยกำลังอันโหดเหี้ยมและต่อสู้อย่างดุเดือดแล้ว คนรวย จะถือครองโลกต่างหาก
อย่างตระกูลอู๋ที่มีกำลังอยู่นั้น เรียกได้ว่า เที่ยวใช้อำนาจตามอำเภอใจในหลงเจียงก็ไม่เวอร์เกินไป
เภสัชกรเหล่านั้น ที่ยอมเข้าร่วมสหพันธ์การแพทย์และยาที่อู๋เฟยเป็นหัวหน้า พูดตรงๆ นะ ก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่อำนาจของตระกูลที่อยู่เบื้องหลังอู๋เฟย?
พึ่งฉินเทียนนักต่อสู้เพียงคนเดียว จะทำให้ตระกูลอู๋สะเทือนได้อย่างไร?
ตอนนี้เอง บอดี้การ์ดสองคนก็วิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ พูดว่า:“รถเบนซ์หน้าประตูสามคันนี้ของใคร?รีบมาขับออกไป!”
“เทศกิจมาลากรถแล้ว!”
ซูเหวินเฉิงด่าออกไป:“ไอ้ห่าที่ไหนกัน กล้ามาลากรถฉันไป!”
“ไม่อยากทำงานแล้วใช่ไหม!”
เขาพุ่งออกไปแล้ว
“พวกเราจอดไว้หน้าโรงแรม ไม่ได้กินที่ถนนเขตเมืองเสียหน่อย ทำไมต้องลากรถไปด้วย”ซูหนานโกรธจัด และก็ตามออกไป
พวกเขาจงใจจอดรถไว้หน้าประตู เพื่อแสดงอำนาจต่อซูซู
“สามีคุณรีบมานี่สิ!”
“พวกเขาเสียมารยาทกับฉัน!”
ซูหนานออกไปแล้ว แป๊บเดียว ก็กรีดร้องออกมา
อู๋เฟยพูดอย่างโมโห:“อยากตายสินะ!”แล้วก็รีบพาคนบุกไป
แขกที่เหลือ ต่างออกไปดูความครึกครื้น
เห็นเป็นคนที่สวมชุดเครื่องแบบตำรวจพิเศษ เอารถเบนซ์สองคันนั้น แขวนอยู่บนรถพ่วงแล้ว และกำลังลากคันสุดท้าย
รถคันนี้เป็นของซูหนาน เธอเข้าไปสู้กับตำรวจพิเศษ
“พวกแกมาจากสถานีไหน?”
“ใครให้พวกแกมาลากรถที่นี่?แหกตาดูซะ ว่าฉันเป็นใคร!”
“ไอ้สารเลว!”ในรถที่อยู่ด้านข้าง มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ไว้ผมทรงโมฮอก ดูมีออร่าลงมา เขาพูดด้วยความโกรธ:“เสี่ยวเฟย ทำไมลูกมาอยู่นี่?”
“พ่อ?”อู๋เฟยตะลึงเล็กน้อย พูดอย่างตื่นเต้น:“พ่อไม่ได้ไปทำงานนอกสนามที่ยุโรปหรือ กลับมาเมื่อไหร่?”
คนวัยกลางคน ก็คืออู๋เทียนสง พ่อของอู๋เฟย
และยังเป็นผู้นำของอู๋ซื่อ
“กลับไปค่อยคุยอีกที”
“เสี่ยวเฟย ลูกอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว รีบเตรียมตัว ตามพ่อมาต้อนรับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง”
“รถคันนี้จอดขวางตามากไป พ่อเรียกพวกเขามาลากไปเอง!”
“เร็ว รีบลากออกไป!”
คนใหญ่คนโต?
พอเห็นว่าแม้แต่อู๋เทียนสงก็ยังกังวลขนาดนี้ ทุกคนก็ต่างตกตะลึง
ซูหนานกับซูเหวินเฉิง กลัวอู๋เทียนสงจะโกรธ จึงไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองดู รถสุดที่รักของพวกเขา ถูกลากออกไปเหมือนขยะ
“ประธานอู๋ คนใหญ่คนโตอะไรกัน คุณถึงกับต้องออกโรง”
“อีกอย่าง ทำไมคนใหญ่คนโตต้องมาที่นี่ด้วย?”ซูเป่ยซานถามอย่างรู้สึกขัน
“ท่านซูก็อยู่ด้วยหรือ”อู๋เทียนสงหัวเราะ:“ผมก็เพิ่งได้รับข่าว เป็นหัวหน้าที่เพิ่งรับการแต่งตั้งคนใหม่ของเมือง และก็หัวหน้าของสมาคมพวกเราก็จะมา”
“ดูเหมือนว่าจะมาร่วมพิธีอะไรสักอย่าง”
พิธี?
ทุกคนมองหน้ากัน สีหน้าดูแปลกใจ
“คงไม่ได้มาร่วมพิธีก่อตั้งบริษัทใหม่ของซูซูกับฉินเทียนหรอกนะ?”ซูเหวินเฉิงถามโดยไม่รู้ตัว
“น้องชาย พูดเหลวไหลอะไรน่ะ?จะเป็นไปได้ไง!”
“จากพวกเขาแล้ว จะเชิญหัวหน้าที่ใหญ่โตแบบนี้ได้ที่ไหน”
“สามี คุณว่า หัวหน้าพวกนี้จะมาร่วมพิธีสถาปนาสหพันธ์การแพทย์และยาของพวกเราหรือเปล่า?”
“ใช่สิ ต้องเป็นแบบนี้แน่!”
“การสถาปนาสหพันธ์การแพทย์และยา จะเปลี่ยนรูปแบบของอุตสาหกรรมการแพทย์ทั้งหมดในหลงเจียง เรื่องใหญ่แบบนี้ หัวหน้าเทศบาลให้ความสนใจแน่นอน”
อู๋เทียนสงตะลึงเล็กน้อย พูดว่า:“เสี่ยวเฟย ช่วงที่พ่อไม่อยู่นี้ แกทำสหพันธ์การแพทย์และยา?”
อู๋เฟยพูดอย่างตื่นเต้น:“ใช่ครับพ่อ!”
“เถ้าแก่ทั้งหลายท่านเหล่านี้ ต่างยินยอมที่จะเดินหน้าถอยหลังไปด้วยกันกับพวกเราครับ”
ด้านข้าง หลี่เฉิงหนานและคนอื่นๆ รีบทักทายอู๋เทียนสงอย่างประจบประแจง ตบหน้าอกเพื่อแสดงความจงรักภักดี
อู๋เทียนสงในฐานะนักธุรกิจสุดเจ้าเล่ห์ รู้คุณค่าของสหพันธ์การแพทย์และยานี่อยู่แล้ว เขาพูดอย่างชื่นใจว่า:“เสี่ยวเฟย ลูกโตแล้วนะ”
“ครั้งนี้ทำได้ไม่เลวเลย”
พอคิดว่านายกเทศกิจกับหัวหน้าสมาคม จะมาร่วมงานของลูกชายตัวเอง เขาก็รู้สึกว่ามีหน้ามีตาขึ้นมา
อู๋เฟยพูดอย่างถ่อมตนว่า:“ที่จริงผมไม่อยากทำเป็นจุดสนใจนัก ไม่ได้บอกแม้แต่ท่าน คิดไม่ถึงว่า หัวหน้าจะรู้ได้”
“หัวหน้าของพวกเรา สังเกตถึงความรู้สึกของผู้คนจริงๆ”
“ดูสิ มาแล้ว!”ซูหนานส่งเสียงเชียร์
ทุกคนมองไป ก็เห็นรถออดี้สีดำสิบกว่าคัน ขับเข้ามาอย่างไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ
“เร็ว เตรียมต้อนรับหัวหน้า!”
อู๋เทียนสงรีบจัดเสื้อผ้า รอยยิ้มทั่วบนใบหน้า
อู๋เฟยคิดไม่ถึงว่าที่ตัวเองทำไปโดยไม่ได้หวังผลนี้ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ ใบหน้าก็ยิ่งเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
แม้แต่นายอำเภอกับหัวหน้าสมาคมก็ยังมาเชียร์!
จากนี้ไป ชื่อเสียงของเขาอู๋เฟย จะดังสนั่นไปทั่วทั้งโลกธุรกิจของหลงเจียง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หม่ายงและคนอื่นๆ ใบหน้ากลับดูจริงจัง เต็มไปด้วยความกังวล
เกษตรกรเหล่านั้นมองหน้ากัน ในใจก็สั่นสะท้าน พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้หุนหันพลันแล่นไปหรือเปล่า?
ตอนนี้ ควรหยุดให้ทันเวลาใช่หรือไม่ ออกจากซูซู แล้วไปลงทุนที่สหพันธ์การแพทย์และยาของอู๋เฟย?
ยังไง เบื้องหลังพวกเขาก็เป็นเกษตรกรจำนวนมาก
และเบื้องหลังของเกษตรกรเหล่านี้ ก็เป็นครอบครัวที่ต้องการความอยู่รอด