บัญชามังกรเดือด - บทที่ 531 หนอนหนังสือ
“ลิฉุน?”
ฉินเทียนตกใจไปชั่วขณะอดใจไม่ไหวเอ่ยว่า: “คุณบอกว่าอีกสองสามวันค่อยมาใหม่ไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมถึงมาตอนนี้ล่ะ?”
ลิฉุนเป็นหัวหน้าสถาปนิกโปรเจ็คหรูอี้เลคเซลลิ่งแลนด์มาร์คหมายเลข 1 ตอนนี้โปรเจ็คได้ลงพื้นที่เริ่มเตรียมการแล้ว แน่นอนจะขาดหัวหน้าสถาปนิกอย่างเขาไม่ได้
แต่ว่า เนื่องจากสถานการณ์ที่ซับซ้อนในตอนนี้ ก่อนหน้าฉินเทียนจึงบอกลิฉุนอย่างคลุมเครือว่าอีกสองสามวันค่อยมาใหม่
ลิฉุนก็รับคำ
นึกไม่ถึงว่าอยู่ ๆ เธอจะกลับมาแล้ว
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันประชุมใหญ่ของการก่อตั้งพันธมิตรทางธุรกิจ และยังเป็นการประชุมใหญ่เพื่อกำจัดมารที่อีกฝ่ายต้องการปราบปรามเขา
ลิฉุนมาในเวลานี้ฉินเทียนเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเธอ
พอคิดถึงตรงนี้ก็อดคิ้วขมวดไม่ได้
“อาการของอาจารย์ไม่เป็นไรแล้ว เขาเป็นคนเร่งให้ฉันมา”
“บอกว่าในเมื่อพวกเรารับปากคุณแล้ว ก็ต้องช่วยคุณทำโปรเจ็คให้สำเร็จอย่างสุดความสามารถ”
“ทำไม คุณไม่ต้อนรับฉันเหรอ?”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นฉันก็กลับไปทางเดิมก็แล้วกัน” เสียงของลิฉุน ฟังแล้วเหมือนง้องอน
ฉินเทียนรีบเอ่ยว่า: “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกัน”
“คุณรอสักครู่ ผมจะรีบไปรับที่สนามบิน”
พอวางสาย ฉินเทียนจึงต้องเรียกเถียหนิงซวงขับรถไปยังสนามบิน
ตั้งแต่เขาออกจากโรงแรมก็มีคนตามมาทันที ฉินเทียนรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของจวี้อี้ถังที่คอยจับตาดูเขาเพื่อป้องกันการหลบหนี
ฉินเทียนก็ขี้เกียจสนใจ
ดีที่ก่อนหน้ามีเรื่องราวเกิดขึ้นสองสามเรื่อง คนเหล่านี้จึงได้แต่กล้าจับตาดูไกล ๆ ไม่กล้าเข้ามาคุกคาม
ณ ลอบบี้สนามบิน ฉินเทียนได้พบกับลิฉุน。
ยุโรปที่แสนไกลเช่นนี้ สาวงามใช้ชีวิตสันโดษแบบตะวันออกในตำบลเล็ก ๆ ริมชายหาดในยุโรปที่ห่างไกล เวลานี้เปลี่ยนมาแต่งกายทันสมัยสวมแว่นกันแดด
ถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น กลายเป็นวิวที่สวยงามโดยปริยาย
แขกที่มาพัก ต่างส่งสายตามองมายังรูปร่างและใบหน้าของเธออย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้นัดหมาย
แม้แต่เถียหนิงซวงก็อดกระซิบเบา ๆ ไม่ได้ว่า: “นึกไม่ถึงว่ารูปร่างคุณหนูลิจะดีขนาดนี้”
“สตรีแปลงโฉมเพื่อให้คนมารัก พี่เทียน หล่อนคงไม่ได้หลงรักพี่เข้าแล้วใช่มั๊ย?”
“คืนนั้น พวกพี่ทำอะไรกัน?”
ฉินเทียนเอ่ยเสียงขรึมว่า: “อย่าพูดส่งเดช”
“ไม่มีอะไร”
แม้ปากจะไม่ได้พูดอะไร แต่ฉินเทียนก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ลิฉุนคนนี้โดดเด่นจากคนอื่นจริง ๆ
ไม่เพียงรูปร่างและใบหน้ารูปไข่ที่ไม่มีที่ติด ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ บุคลิกแบบนั้น
ไม่ว่าเธอจะยืนตรงไหนก็ตาม ก็มีออร่าสูงส่งอย่างธรรมชาติ ดั่งดอกบัวที่เหนือโลกีย์ ทำให้คนอื่นอดรู้สึกมีมลทินและต่ำต้อยไม่ได้
บุคลิกเช่นนี้ ครอบครัวธรรมดาไม่สามารถปลูกฝังได้
ท่าทางพื้นเพของลิฉุนคงไม่ธรรมดา
ไม่สิ!
ฉินเทียนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ใจก็อดเต้นรัวไม่อยู่
ลิฉุนเคยบอกว่า เมืองจิ่นหู เป็นบ้านเกิดของเธอ เธอแซ่ลิ ตระกูลลิ……หรือว่า?
ความคิดที่ผุดขึ้นมากะทันหัน ทำให้สีหน้าฉินเทียนเปลี่ยนสี
หรือว่า ลิฉุนเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลลิ?เป็นไปได้ยังไง!
เขาน่าจะคิดมากไปเอง
เห็นลิฉุนชะเง้อหาอย่างร้อนใจ พอเขาถอนใจเสร็จ ทำจิตใจให้สงบลงได้ก็รีบเดินเข้าไปหา
ในที่สุดก็ได้เจอเขา ใบหน้าลิฉุนปริความเขินอายให้เห็น ที่มากไปกว่านั้นก็คือรอยยิ้มแห่งความดีใจ
“คุณมาแล้ว” เธอเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ
ฉินเทียนหัวเราะเอ่ยว่า: “ขอโทษด้วย ระหว่างทางรถติดนิดหน่อย ทำให้คุณต้องรอนาน”
“ไม่เป็นไร พวกเรารีบไปกันเถอะ”
เหมือนลิฉุนกลัวว่าอยู่ตรงนี้นานแล้วจะถูกคนจำได้
จึงก้มหน้าลงแล้วรีบเดินออกไปข้างนอก
ฉินเทียนถือกระเป๋าเดินทางของเธอเดินตามหลังอย่างรีบร้อน
พอใกล้จะถึงที่จอดรถ เถียหนิงซวงก็กระโดดขึ้นรถเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณลิ พี่เทียนได้จัดสรรพื้นที่ว่างหนึ่งชั้นจากฝ่ายโครงการให้แผนกออกแบบของพวกคุณใช้โดยเฉพาะเลยนะ”
“เพียงแต่ค่อนข้างซอมซ่อหน่อยคุณไม่ถือสาใช่มั๊ย?”
ลิฉุนหัวเราะเอ่ยว่า: “จะถือสาได้ยังไงเล่า”
“ฉันยินดีร่วมงานกับพวกคุณ พวกเพื่อนร่วมงานในสตูดิโอที่ฉันติดต่อไว้จะทยอยกันมาถึงอีกไม่กี่วันนี้”
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พวกเราก็เริ่มงานได้เลย”
โรงแรมจินหลงที่ตระกูลเถียลงทุนไว้ที่นี่ เนื่องจากก่อนหน้าถูกเจ้าถิ่นในวงการเดียวกันกีดกัน ธุรกิจจึงไม่ดีมาตลอด
จนเถียหลินเฟิงถึงขั้นอยากจะปิดทิ้ง
ตอนนี้ กลายเป็นฐานที่มั่นของพวกฉินเทียน และยังเป็นฝ่ายโครงการของหยูอี้เลคเซลลิ่งแลนด์มาร์คหมายเลข 1 ด้วย โรงแรมมีทั้งหมด 5 ชั้น ฉินเทียนให้เถียหลิงเฟิง อู๋เทียนสงพวกเขาพักอยู่ชั้น 4 ส่วนชั้น 5 เก็บไว้ให้ทีมออกแบบของลิฉุน
ฉินเทียนกับพวกพักอยู่ชั้นล่างที่เหลือ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของคนอื่น ๆ
ฉินเทียนเปิดประตูรถเชิญลิฉุนขึ้นรถด้วยตัวเอง
“ขอบคุณ” ลิฉุนโน้มตัวลงเตรียมตัวขึ้นรถ กวาดสายตามองไปไกล ๆ โดยไม่ตั้งใจ อยู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
หืม?
ฉินเทียนรีบมองตามไป เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่ข้างโรสลอยร์คันหนึ่ง
ข้างกายชายหนุ่มเป็นบอดี้การ์ดที่มีผิวเหลืองอร่ามกล้ามเนื้อเป็นมัด
เขากำลังมองฉินเทียนอย่างเย็นชา
หัวใจฉินเทียนเต้นตึกตัก อยู่ไกลขนาดนี้ยังรู้สึกถึงไอสังหารของบอดี้การ์ดคนนี้ได้
ยอดฝีมือ!
ต้องเป็นยอดฝีมือแน่!
ทว่า สิ่งที่ทำให้ฉินเทียนประหลาดใจกว่าก็คือชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายบอดี้การ์ดคนนั้นเหมือนยิ้มอยู่ มีการศึกษาอย่างดี
แต่ฉินเทียนกลับรู้สึกถึงพลังมหาศาลในตัวของอีกฝ่าย
เป็นไปได้ยังไง?
เจ็ดเมืองทางใต้มีคนฝีมือดีอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“คุณลิฉุน เป็นอะไรไป?” เถียหนิงซวงอดเอ่ยถามไม่ได้
ลิฉุนลังเลสักพักแล้วก็ถอดแว่นกันแดดออก มองคุณชายที่ยิ้มอยู่ไกล ๆ
“น้องชาย นายมาได้ยังไง?”
“พี่สาว พี่กลับมาทำไมไม่บอกกันสักคำ”
“ดีที่ผมมาส่งเพื่อนคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงคลาดกันแล้ว”
ชายหนุ่มเดินมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เขามองฉินเทียนแล้วเอ่ยกับลิฉุนว่า: “พี่สาว นี่เป็นเพื่อนพี่เหรอ?”
“แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยสิ”
ลิฉุนยิ้มอย่างตะขิดตะขวงเอ่ยว่า: “นี่คือฉินเทียน ตอนนี้ถือว่าเป็นเจ้านายของพี่”
“ฉินเทียน นี่เป็นน้องชายของฉัน ลิเหลียง”
“คุณคือลิเหลียง?” พอได้ยินชื่อนี้ สีหน้าเถียหนิงซวงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เธอเอื้อมมือไปกำกระบี่สั้นที่เอวด้วยจิตใต้สำนึก
“ฉินเทียน สวัสดี” ลิเหลียงไม่สนใจเถียหนิงซวง ยื่นมือไปอย่างเกรงใจ
“สวัสดี” ฉินเทียนยื่นมือไปจับมือกับลิเหลียง
ดูแล้วเหมือนการจับมือตามมารยาททางธุรกิจ มีรอยยิ้มที่เกรงใจบนใบหน้าของคนทั้งสอง
แต่ว่า ฉินเทียนไม่ได้ปล่อยมือทันที แต่กลับเพิ่มกำลังอย่างเงียบตอนทีเผลอ
สีหน้าของลิเหลียงเผยถึงความเจ็บปวดในฉับพลัน
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว กัดฟันหัวเราะเอ่ยว่า: “พี่สาว มือของเพื่อนพี่นี่แรงเยอะมากเลยนะ!”
“ผมทำผิดอะไรเหรอ?พี่ถึงให้เขาลงโทษผมอย่างนี้”
เห็นรอยยิ้มที่โอหังของลิเหลียง ลิฉุนยิ้มสักพักแล้วเอ่ยว่า: “บอกแล้วไงว่าเวลาปกติให้ใส่ใจเรื่องออกกำลังกาย พี่จะบอกให้รู้ ฉินเทียนน่ะเป็นยอดฝีมือในเรื่องวรยุทธเลยนะ”
“พอได้แล้วฉินเทียน ปล่อยน้องชายฉันเถอะ”
“คนอย่างเขาน่ะ มักจะขาดการออกกำลังกาย เป็นหนอนหนังสือที่แม้แต่จะมัดไก่ด้วยมือยังไม่มีแรงเลย”