บัญชามังกรเดือด - บทที่ 548 ฆ่าฉันก่อน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 548 ฆ่าฉันก่อน
ผู้ชมในสถานที่นั้นต่างโกลาหล!
นอกจากฉินเทียนและอีกสองสามคนที่คาดการณ์ไว้แล้ว คนอื่นล้วนแต่ตื่นตระหนก!
พวกเขาไม่นึกไม่ฝัน คุณชายอันดับหนึ่งที่อ่อนโยนและจิตใจดี ที่แท้เป็นปีศาจร้ายที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง
ที่เขาทำทั้งหมด เพื่อรวบรวมเส้นทางการค้าและวิชาบู๊ของเจ็ดเมืองทางใต้ให้เป็นหนึ่งเดียว
ช่างเป็นการเดินหมากที่ยิ่งใหญ่!
ช่างเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยม!
ในเวลานี้เมื่อมองย้อนเรื่องราวกลับไป ทุกคนต่างยังสัมผัสได้ถึงอาการหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน
จี้ซิงเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ลิเหลียง เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังปากแข็งอีกหรือ!”
“ฉันอยากรู้นัก คุณไปเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหนกัน!”
“คุณอยากรู้ว่ามั่นใจของฉันงั้นเหรอ?” ลิเหลียงเอ่ยเยือกเย็น จากนั้นตะโกนเสียงดังสนั่น “ทีมเสินเฟิงอยู่ที่ใด!”
เสียงดังลั่นราวกับฟ้าร้อง กึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
เห็นเพียงภายในป่ารอบหุบเขา มีคนสวมชุดดำปรากฏตัวขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยคน
ภายในมือของพวกเขามีคันธนูชนิดพิเศษ เตรียมเพ่งเล็งไปยังกลุ่มคนด้านล่าง
“แสดงอานุภาพให้พวกเขาได้เห็น” ลิเหลียงออกคำสั่งอย่างภาคภูมิใจ
ชายสวมชุดสีดำคนหนึ่งท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น เล็งคันธนูไปยังก้อนหินด้านล่าง จากนั้นยิ่งศรออกไป
เสียงปักดังขึ้น หัวลูกศรที่ทำจากโลหะ กระแทกก้อนหินแตกเป็นเสี่ยง
ฝูงชนต่างตื่นตะลึง!
พลังอานุภาพนี้ค่อนข้างรุนแรงเกินไปแล้ว!
ถ้าหากยิงใส่ร่างกายของมนุษย์เข้า เพียงชั่วพริบตาไม่เจาะทะลุร่างกายไปเลยหรอกหรือ
ลิเหลียงหัวเราะเสียงดังด้วยความภูมิใจ
“ตอนนี้ รู้หรือยังว่าความมั่นใจของฉันอยู่ที่ไหน?”
“ใครติดตามฉันรอด ใครขัดขวางฉันตาย!”
“ทุกคนที่ยินดีสวามิภักดิ์ต่อฉัน ให้เดินมาเรียงแถวทางด้านซ้าย”
“ส่วนพวกที่ไม่ยินยอมภักดีก็ตกเป็นเป้าเสีย!”
คาดไม่ถึงเลยว่าลิเหลียงจะเตรียมการด้วยวิธีเช่นนี้ไว้ เนื่องจากว่านักธนูเหล่านั้นอยู่บริเวณภูเขา สามารถมองเห็นด้านล่างได้เป็นมุมกว้าง พวกเขาครองความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์
ดังนั้นแล้วต่อให้จะเป็นเทวดาเจ็ดดาวแห่งตระกูลจี้ บุคคลแห่งองค์กรคำสาปสวรรค์ ต่างก็ไม่สามารถกระทำการสิ่งใดได้
ในระยะทางหลายสิบเมตร พวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะกระทำสิ่งใดได้เลย
บนเวที ฉินเทียนและจี้ซิงรวมถึงดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ต่างมั่นใจว่าพวกเขาสามารถวิ่งไปที่เชิงเขาและสามารถหลบลูกศรเหล่านั้นได้
แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ?
รอให้พวกเขาไปยังเชิงเขาได้ ไม่รู้ว่าด้านล่างจะต้องมีคนตายไปมากมายเท่าไร เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่กล้าเสี่ยง
หุบเขาขนาดใหญ่ดูเหมือนจะเป็นกับดัก ทุกคนที่อยู่ที่นี่กลายเป็นเหยื่อที่พร้อมจะถูกสังหาร
บางคนนั้นขลาดเขลา พร้อมที่จะย้ายพรรค อดไม่ได้ที่พร้อมจะยอมจำนนต่อลิเหลียง
“สารเลว!”
“ฉันว่าพวกแกกล้ามาก!” เจียวไท่จากเมืองซื่อไห่ เขาเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมาและอารมณ์ร้อน
เขาไม่สามารถทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้ ไม่อยากเชื่อเช่นกันว่าในเวลากลางวันแสกๆลิเหลียงจะกล้าฆ่าคนท่ามกลางสายตาของทุกคน
เขาถือขวานปากกว้าง ตะโกนแผดเสียงคำรามและพุ่งตัวไปยังบริเวณเชิงเขา
“อย่า!” หวังเยว่เอ่ยตะโกนอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว
บริเวณเชิงเขา ชายชุดดำหลายคนยิงลูกศรพร้อมเพรียงกันโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ลูกธนูที่แหลมคมเจาะทะลุอากาศ ลูกธนูหลายดอกทิ่มแทงร่างกายเจียวไท่ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ลูกธนูดอกหนึ่งแทงทะลุหัวใจ เจียวไท่ไม่แม้แต่จะคร่ำครวญ ทรุดตัวล้มลงบนพื้น กระตุกสองสามครั้งและไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย
ภาพฉากที่น่าสลดใจอยู่ภายในสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน
คนเหล่านี้ นอกเสียจากคนในยุทธภพบางส่วน โดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นผู้นำวงศ์ตระกูล ปกติแล้วใช้ชีวิตอยู่ดีกินดี จะเคยถูกกระตุ้นและถูกทำให้สะเทือนอารมณ์เช่นนี้ที่ไหน?
พวกเขาร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก หลายคนต่างร้องตะโกนแผดเสียง “อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยินดีที่จะภักดี” และพวกเขาต่างก็พากันเดินไปทางซ้าย
ส่วนคนที่เหลืออยู่ แต่ละคนล้วนแต่ใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทา
“ฉันจะจัดการแกก่อน คอยดูว่าพวกเขายังจะกล้ายิงธนูอีกหรือไม่!” บนเวที จี้ซิงคำรามด้วยความโกรธ นัยน์ตาของเขามีเปลวไฟลุกโชน จากนั้นเขาพุ่งเข้าหาลิเหลียง
คิดจะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรให้ได้เสียก่อน
หากสามารถจัดการลิเหลียงได้ พวกเหล่านักธนูนั้นก็คงจะลูบหน้าปะจมูก[1] ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน
ส่วนลิเหลียงเมื่อมองดูแล้วเป็นเหมือนคุณชายผู้อ่อนแอ น่าจะง่ายดายต่อการจับกุม
ท่ามกลางเสียงคำราม จี้ซิงกระโดดและพุ่งตัวออกไปราวกับเสือชีตาร์
ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว มือของเขาก็เหมือนกรงเล็บเหล็ก สามารถคว้าลิเหลียงเอาไว้ได้
ลิเหลียงเยาะเย้ยและนิ่งเฉย ราวกับว่าเขารู้ จี้ซิงใช้การจับกุมที่เฉียบขาดเช่นนี้อย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ในช่วงเวลาที่สำคัญ ด้วยแสงสว่างเพียงพริบตา ถงเหริน กลับมายืนขวางด้านหน้าของลิเหลียง
ใบหน้าของเขาไร้สีหน้าใด ปล่อยพลังหมัดออกไปกระแทกเข้ากลางฝ่ามือของจี้ซิง
จี้ซิงร้องอุทาน ร่างกายของเขาเป็นเสมือนว่าวที่เชือกขาด จากนั้นร่างกายก็ลอยออกไป
ลอยออกไปไกลกว่าสิบเมตร จากนั้นเสียงปังดังขึ้น เขากระแทกลงบริเวณขอบเวทีเซวียนหยวน
นั่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทีตะลึงงัน
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ผู้ชายคนนี้มีพละกำลังมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
เขาแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ
“คุณชายน้อย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่รีบเดินเข้ามาทันใด
หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าจี้ซิงนั้นไม่ได้เป็นอะไร ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ต่างแสดงสีหน้าหนักแน่นและสง่างาม ยืนเคียงข้างกัน สายตาจับจ้องไปยังถงเหริน
“ได้ยินมาว่าแกเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของวิชาบู๊แห่งเจ็ดเมืองทางใต้ วันนี้พวกเราคงต้องขอเกี่ยวกับความรู้เสียหน่อยแล้ว!”
“ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ มักจะก้าวหน้าและถอยหลังไปพร้อมกัน หากว่าพวกเราสองคนจัดการแกเพียงคนเดียว แกคงไม่ถือสาหาความหรอกใช่ไหม?”
ตอนนี้ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างไม่กล้าเคลื่อนไหว บนเวทีผู้ที่บำเพ็ญตบะมานั้นมีเพียงฉินเทียน จี้ซิงและดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
เมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยุจากดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ถงเหรินพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา หันศีรษะไปและขอคำแนะนำจากลิเหลียง “คุณชาย อนุญาตให้ผมฆ่าพวกเขาหรือไม่?”
โดยไม่รอให้ลิเหลียงกล่าว ฉินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “คุณชายลิ คุณว่าแบบนี้ดีหรือไม่”
“ฮืม?” ลิเหลียงเอ่ยอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าอย่างไรงั้นหรือ?”
ฉินเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เรื่องทั้งหมด คุณคิดว่าฉันเป็นศัตรูของคุณ”
“ตอนนี้แผนการของคุณล้มเหลวก็เพราะฉัน ดังนั้นฉันคิดว่าคุณต้องเกลียดฉันแทบตายอย่างแน่นอน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้คุณปล่อยคนอื่นออกไปให้หมด”
“แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ บุญคุณความแค้นทั้งหมดของพวกเรา พวกเราก็มาปรับความเข้าใจกันสักครั้งหนึ่ง”
“คุณต้องการเผชิญหน้ากับทีมเสินเฟิงของฉันเพียงลำพังงั้นหรือ?” สีหน้าของลิเหลียงเปล่งประกาย “คนสกุลฉิน คุณน่าจะรู้ เพียงฉันออกคำสั่ง คุณจะถูกยิงศรจนร่างกายพรุนเป็นเม่น?”
“คุณไม่กลัวตายจริงหรือ?”
ฉินเทียนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ชีวิตและความตายเป็นชะตากรรม ความมั่งคั่งและเกียรติยศอยู่บนฟากฟ้า”
“เจ็ดเมืองทางใต้เมื่ออยู่ในภาพรวมของประเทศ เมื่อเทียบกับพลังอำนาจของที่อื่นแล้ว ทางใต้นี้เป็นการดำรงอยู่ที่ค่อนข้างอ่อนแอมาโดยตลอด”
“ดังนั้นอย่าได้สิ้นเปลืองพละกำลังภายในของมณฑลทางใต้อีกเลย”
“ฉันอยู่เพียงลำพัง ต่อให้ต้องตายที่นี่ นั่นก็เป็นการสูญเสียที่น้อยที่สุด”
“คุณว่าไง?”
ครั้นได้ฟังประโยคนี้ ผู้คนทั้งบนเวทีและด้านล่างเวทีต่างก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“องค์กรคำสาปสวรรค์จะอยู่กับพี่เทียน!”
“พี่เทียน พวกเราไม่สามารถล่าถอยได้!”
ในตอนแรก หม่าหงเทาและคนอื่นไม่อาจรับได้ นัยน์ตาแดงก่ำพลางตะโกนส่งเสียงดัง
บนเวที ดวงตาของจี้ซิงแดงระเรื่อเช่นกัน
“ฉินเทียน คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเพียงคนเดียวงั้นเหรอ?”
“ลิเหลียงคิดเข่นฆ่าเจ็ดเมืองทางใต้ คุณก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ตอนนี้ฉันไม่สามารถปล่อยให้คุณอยู่เพียงลำพังได้”
“ต้องการจะอยู่ที่นี่ ฉันก็จะอยู่กับคุณด้วย!”
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ รวมถึงเทวดาเจ็ดดาวต่างเปล่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกัน “พวกเราจะอยู่เคียงข้างคุณฉิน!”
“คุณฉิน เจ็ดเมืองทางใต้จะไม่ปล่อยให้คุณเสี่ยงภัยเพียงลำพัง!”
“ใช่ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้คุณอยู่เพียงลำพังได้หรอก!” ด้วยผลกระทบจากแรงกระตุ้น คนบางส่วนที่มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีต่างก็เริ่มพูดออกมา
ลิฉุนกัดฟันแน่น ยืนข้างกายลิเหลียง
นัยน์ตาของเธอแดงก่ำ “ลิเหลียง นายต้องการฆ่าฉินเทียน เช่นนั้นนายก็ฆ่าฉันก่อน!”
ลูบหน้าปะจมูก[1] หมายถึง ทำอะไรเด็ดขาดจริงจังลงไปไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนพวกพ้องของตน