บัญชามังกรเดือด - บทที่ 552 การต่อสู้
บัญชามังกรเดือด บทที่ 552 การต่อสู้
นี่มันคลุ้มคลั่งเกินไปแล้ว!
นี่เหมือนกับการถือกำเนิดปีศาจดุร้ายในยุคโบราณ!
เมื่อเห็นว่าลิเหลียงกระทืบเวทีเซวียนหยวนจนเกิดรอยแยก ชั่วขณะนั้น ผู้คนทั้งบนเวทีและด้านล่างเวทีต่างก็ตื่นตกใจจนใบหน้าซีดเซียว!
“รีบไป!”
“เวทีเซวียนหยวนกำลังจะพังทลาย!”
“เถียนเถียน ตามพ่อมา!” เจี่ยงเส้าหน้าซีดเผือด รีบพุ่งตัวเข้าไปดึงเจี่ยงเถียนเถียนลงจากเวที
เจี่ยงเถียนเถียนถึงแม้ว่าใบหน้าจะตื่นตระหนก แต่ทว่านัยน์ตาคู่สวยนั้นก็ยังเต็มไปด้วยแววตาแห่งความอาลัยอาวรณ์
“พี่ลิเหลียง…นั่นใช่พี่ลิเหลียงใช่หรือเปล่า?”
“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับพี่ลิเหลียง….”
“พี่ลิเหลียงจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน!”
เธอพึมพำกับตัวเอง และท้ายที่สุดเจี่ยงเส้าก็โอบอุ้มเธอลงจากเวที
ลิฉุนกัดฟันแน่น ฉับพลันพุ่งเข้าไป เหยียดแขนออกและขวางกั้นบริเวณด้านหน้าของฉินเทียน
ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นของเธอ จ้องมองลิเหลียงที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าเธอพร้อมทั้งน้ำตา เธอกัดฟันเอ่ย “ฉันบอกแล้ว หากจะฆ่าเขา ฆ่าฉันก่อน!”
นัยน์ตาของลิเหลียงเปลวเพลิงแห่งความโกรธกำลังแผดเผา
เป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง กล้าเข้ามาขัดขวางแผนการใหญ่ของเขา เขาไม่ถือสาที่จะสังหารเธอ
ขณะนั้น ในสายตาของเขา ชีวิตก็เป็นเพียงแค่รากหญ้า
“ฉุนเอ๋อร์! รีบหลบไป!”
“เขาเสียสติไปแล้ว เขาไม่ใช่น้องชายของแกอีกแล้ว!” ด้านล่างเวที เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ลิเว่ยจงรีบร้องตะโกนอย่างร้อนรน
โดยสัญชาตญาณเขาต้องการลุกขึ้นและวิ่งขึ้นไปยังเวที ลืมเลือนบาดแผลบริเวณขาไปเสียสนิท เสียงฟุ่บดังขึ้นจากนั้นก็ล้มลงบนพื้น
ลิฉุนน้ำตารินไหล
พูดตามตรง ลิเหลียงที่แปลกไปที่อยู่ตรงหน้า เธอเองก็หวาดกลัวเช่นกัน แต่ทว่าความกล้าหาญที่อธิบายไม่ได้ทำให้เธอไม่คิดจะถอย!
เธอจ้องมองลิเหลียงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“ตายซะ!” ลิเหลียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่คลุ้มคลั่ง ปล่อยหมัดอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาลิฉุน
บางทีภายในหัวใจของเขา ลิฉุนคือความอบอุ่นสุดท้าย เมื่อได้เห็นเธอทำเพื่อฉินเทียน ด้วยการเสียสละตัวเอง เช่นนี้จึงทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ภายในจิตใต้สำนึก เขาชอบพี่สาวคนนี้ใช่หรือเปล่า?
เพียงแค่หมัดเดียว ราวกับว่าค้อนยักษ์ปะทะเข้าใส่ เสียงลมร้องโหยหวน พัดปลิวชุดและผมยาวสลวยของลิฉุน
“อ๊ะ!” เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังจะตายและแหลกสลาย ลิฉุนยกมือขึ้นปกปิดใบหน้าและกรีดร้อง
“ระวัง!” ฉินเทียนตะโกนออกไป จากนั้นใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบเอวของลิฉุนไว้และเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง
ในเวลาเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งกำกำปั้นไว้และปะทะเข้ากับหมัดของลิเหลียง
ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องภายในโสตประสาทของทุกคน
เห็นเพียงว่าฉินเทียนปลิวหายไปเหมือนใบไม้ที่ปลิวไปตามสายลมในฤดูใบไม้ร่วง แม้แต่ลิฉุนที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขาก็ลอยหายไปเช่นกัน
อันที่จริง ฉินเทียนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขา ไม่อย่างนั้น บางทีเขาอาจจะรับมือไหว แต่ทว่าลิฉุนที่อยู่ภายในอ้อมแขนอาจจะพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย
หลังจากถอยห่างออกไปกว่าสิบเมตร เมื่อมาถึงบริเวณขอบเวทีเซวียนหยวน ฉินเทียนก็สามารถทรงตัวได้
เมื่อเห็นลิฉุนกำลังหลับตาและมีใบหน้าซีดเผือดอยู่ภายในอ้อมแขนของตน ในช่วงเวลาวิกฤตเธอนั้นออกมายืนหยัดเพื่อตัวเขา พูดตามตรง ฉินเทียนเองก็รู้สึกประทับใจอย่างมาก
“คุณหนูลิ ไม่เป็นอะไรแล้ว” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ลิฉุนลืมตาขึ้น เห็นใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่นอยู่ตรงหน้าตน ดวงตาคู่นั้นใสสะอาด ล้ำลึกไร้ขอบเขตที่สิ้นสุด
ชั่วขณะหนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะหลงใหล
บนเวทีและล่างเวที เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
ลิเหลียงเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ไฟที่อยู่ภายในจิตใจยิ่งปะทุรุนแรงขึ้น เขากัดฟันแน่น เสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายดังออกมาจากลำคอของเขา
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฉินเทียนจะสามารถรับหมัดของเขาได้
เช่นเดียวกับราชาสัตว์ร้าย เขารู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ของเขาถูกยั่วยุ
เขารวบรวมพลังมากยิ่งขึ้น ต้องการฉีกคู่ต่อสู้ให้แหลกละเอียดภายในคราเดียว ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง
กลิ่นอายแห่งการสังหารที่น่าหวาดกลัว ทำให้ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอกสั่นขวัญหนี เขามั่นใจ หลังจากที่กลับมายังประเทศจีน นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบ
“นี่คือการต่อสู้ระหว่างคุณกับฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนอื่น”
“ตามการเดิมพัน ถ้าหากฉันพ่ายแพ้ ฉันจะเป็นลูกน้องใต้บัญชาของคุณ”
“แต่ทว่า คุณปล่อยให้คนอื่นลงจากเวทีก่อน พวกเราสองคนจะได้สู้กันอย่างเต็มที่!” เขาเอ่ยเสียงดังลั่น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของลิเหลียงปรากฏร่องรอยแปลกประหลาด
เขากำลังรวบรวมลมหายใจของวิญญาณชั่วร้าย เช่นนั้นจึงไม่ยินดีที่จะเอ่ยปากและปล่อยให้พลังงานรั่วไหลออกไป แต่ทว่าฉินเทียนมองออกว่าเขาเองก็เห็นด้วย
“รีบไปซะ!”
“พวกคุณรีบลงไป!” ฉินเทียนเร่งให้ทุกคนถอยร่นลงจากเวที
ลิฉุนนั้นมีท่าทีไม่เต็มใจนัก
ดวงตาของจี้ซิงแดงก่ำ “ผมจะอยู่กับคุณด้วย!”
ฉินเทียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกคุณคิดจะนำพาความเดือดร้อนมาให้ฉันและทำให้ฉันพ่ายแพ้งั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ก้าวลงจากเวทีอย่างไม่เต็มใจ มันคือความจริง การต่อสู้ในตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยอะไรได้ ในทางกลับกันพวกเขาอาจจะนำพาความเดือดร้อนมาให้ฉินเทียน
ชั่วพริบตา บนเวทีเซวียนหยวนที่มีรัศมีหลายสิบเมตรก็ว่างเปล่า เหลือเพียงแค่ลิเหลียงและฉินเทียน
รวมถึงรอยแตกร้าวทั้งสองรอยที่ชัดเจน
รอยแรก ว่ากันว่าเป็นรอยดาบที่กษัตริย์เซวียนหยวน ทิ้งไว้ระหว่างการต่อสู้กับชือโหยวในสมัยโบราณ แต่ทว่าอย่างไรก็ตามไม่สามารถทดสอบได้
อีกรอยหนึ่ง กลับเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง ทุกคนในสถานที่แห่งนี้เห็นกับตาของตัวเอง ลิเหลียงเป็นคนกระทืบจนเกิดรอยนี้ขึ้นมา
นี่ต้องเป็นพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด?
มันเกินขอบเขตปกติของมนุษย์ไปแล้ว
ฉินเทียนสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของลิเหลียงได้งั้นเหรอ? อย่างน้อยตอนนี้ดูเหมือนว่าลิเหลียงจะเป็นยักษ์ที่มีความสูงมากกว่า200เซนติเมตร กลิ่นอายของการสังหารคละคลุ้งไปทั่ว
สำหรับฉินเทียน เขาสูงกว่า180เซนติเมตร รูปร่างบอบบาง ใบหน้าหล่อเหลา เมื่อมองดูแล้วเขาไม่น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับลิเหลียง
ต่อหน้าลิเหลียง เขาเป็นเสมือนคนที่ผอมบางจนแทบจะเท่ากับกระดาษ สามารถถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ
หัวใจของทุกคนกำลังจุกอยู่ตรงบริเวณลำคอ
ท่ามกลางเสียงคำราม ในที่สุดลิเหลียงก็เคลื่อนไหว
เขาก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบแท่นหิน ส่งเสียงดังกึกก้อง ราวกับว่าปีศาจภูเขาในตำนานถือกำเนิดขึ้น ด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาพุ่งไปยังด้านหน้าของฉินเทียนด้วยการก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าว
ในระดับของเขา การวิธีการเคลื่อนไหวที่ธรรมดานั้นเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งความน่าสนใจ
ความแข็งแกร่งสำคัญกว่าทุกสิ่ง
เขาใช้วิธีการเคลื่อนไหวที่ง่ายที่สุด หมัดปะทะลม พุ่งไปยังบริเวณขมับทั้งสองข้างของฉินเทียน
การบีบอัดอากาศด้วยกำปั้นของเขาทำให้เกิดลมกระโชก ทำให้ฉินเทียนรู้สึกเจ็บปวดบริเวณขมับเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าดวงตากำลังถูกควักออกไป
แต่ทว่าในขณะนี้ เป็นโอกาสดีที่สุดที่เขาจะโจมตีกลับ เนื่องจากหมัดของลิเหลียงพุ่งมาจากทางด้านซ้ายและด้านขวา เมื่อมองดูแล้วเหมือนว่ากำลังตกอยู่ในอ้อมกอด บริเวณหน้าอกนั้นเปิดกว้าง
และฉินเทียนยืนอยู่ที่ตำแหน่งหน้าอกของเขา
ทันทีที่กัดฟันแน่น เขาไม่ได้รีบหลบเลี่ยง แต่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ปังปังปังปัง
เผชิญหน้ากับแผงอกของลิเหลียง เขารัวฝ่ามือใส่ไปเก้าครั้งติดต่อกัน
ฝ่ามือปะทะหน้าอกราวกับตีกลองหนังวัว แรงสะท้อนกลับทำให้ข้อมือของฉินเทียนรู้สึกชา
ส่วนลิเหลียง กลับสั่นสะท้านเพียงไม่กี่ครั้ง
ต้องรู้ไว้ ด้วยพละเน่ยจิ้งของฉินเทียน เพียงแค่ฝ่ามือเปล่าก็สามารถตีเหล็กหรือทุบหินได้
ลิเหลียงไม่สะทกสะท้านเลย ชายคนนี้น่ากลัวกว่าถงเหรินหลายเท่า ไม่น่าแปลกใจที่ถงเหรินหวาดกลัวเขาจนแทบตาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในที่สุดฉินเทียนก็ได้ยืนยันความคิดของเขา นั่นคือการรับมือต่อสู่กับลิเหลียง ไม่สามารถโจมตีอย่างหนักได้
ลิเหลียงปล่อยหมัด ฉินเทียนปล่อยฝ่ามือ ทั้งหมดนี้เกิดเรื่องเพียงชั่วพริบตา
แม้ว่าหลังจากที่ลิเหลียงปล่อยหมัดไป หมัดของเขานั้นช้าไปเล็กน้อย แต่ก็เกือบจะปะทะเข้ากับขมับของฉินเทียน
ถ้าหากต่อยโดนล่ะก็ ไม่ใช่ว่าตรงบริเวณนั้นจะระเบิดเลยหรือ
ในช่วงวินาทีสุดท้าย ฉินเทียนปล่อยฝ่ามือออกไปอีกครั้ง จากนั้นด้วยแรงสะท้อนกลับ เขารีบร่นถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็วและหลบเลี่ยงกำปั้นของลิเหลียง
นัยน์ตาของลิเหลียงแดงก่ำ เขาหอบหายใจ ร่างกายยักษ์ใหญ่สั่นสะท้าน ราวกับนกอินทรีไล่จับลูกไก่อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเขาพุ่งเข้าหาฉินเทียนอีกครั้ง
บทที่ 551 วิหารเทพสังหาร
บทที่ 553 ไม่สามารถถอยได้