บัญชามังกรเดือด - บทที่ 617 ฐานที่มั่น
บัญชามังกรเดือด บทที่ 617 ฐานที่มั่น
เมื่อเผชิญหน้ากับคัตสึมูระ โยตะที่เย่อหยิ่ง ฉินเทียนดูผ่อนคลายราวกับสายลมอ่อน เขาดื่มไวน์แดงเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันรู้ ว่าธุรกิจในญี่ปุ่นของพวกนายตอนนี้อยู่ในสภาพที่อยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากมายแค่ไหน”
“ดังนั้นฉันก็อยากที่จะแนะนำนายสักหน่อย ว่าควรเตรียมจดหมายแนะนำตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากที่พรุ่งนี้โดนไล่ออกแล้ว จะได้ไม่รับมือไม่ทัน”
อะไรนะ? ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ก็เกิดความโกลาหลมากยิ่งขึ้น
นี่ มันจะพูดดังเกินไปแล้วหรือเปล่า? ช่างหลงระเริงอย่างไร้ขอบเขตเสียจริงๆ!
คัตสึมูระ โยตะเกรี้ยวกราดไปแล้ว
เขาขบฟันแน่น แล้วกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “แกรู้ไหมว่าฉันมีความสัมพันธ์กับผู้จัดการทั่วไปอย่างไร?”
“ไม่คิดเลยว่าแกจะกล้าข่มขู่ว่าจะไล่ฉันออก ช่างเพ้อเจ้อจริงๆ!”
“สกุลฉิน แกกล้าที่จะเดิมพันกับฉันไหมล่ะ?”
“ถ้าหากว่าพรุ่งนี้แกยังไล่ฉันออกไม่ได้ แกต้องคุกเข่าแล้วมาเป็นทาสหมาให้กับฉัน!”
ฉินเทียนกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แกถือว่าตัวเองเป็นไอ้ลูกหมาอะไรกัน คู่ควรที่จะมาเดิมพันกับฉันอย่างนั้นเหรอ”
“เฉินเสี่ยวอี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนประเภทนี้ ไล่พวกมันออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”
“ครับ!” เฉินเสี่ยวอี้ที่พึ่งจะรับตำแหน่งเจ้านาย เขาอยากจะสะบัดความน่าเกรงขามจะแย่อยู่แล้ว เขาตะโกนเสียงดังขึ้น “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่ะ?”
“ไอ้เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักชั่วดี ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อกี้จะไม่มีมารยาทกับเถ้าแก่ของพวกเรา รีบไล่เขาออกไปซะ!”
“จำคำของฉันไว้ หลังจากนี้ที่ของพวกเรา หากเขากล้าเหยียบเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว ก็หักขาของเขาทิ้งซะ!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี ทุกคนต่างก็พากันดึงอาวุธออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่เขา
“คุณโยตะ รีบไปเถอะครับ!”
“เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็ต้องยอมถอยจะได้ไม่เป็นเบี้ยล่าง!”
เจียวเหลียงลากคัตสึมูระ โยตะออกไป แล้วมองไปที่ฮันหลิง แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นังผู้หญิงสารเลว ยังไม่รีบตามฉันมาอีก!”
“เมื่อครู่นี้คุณโยตะดื่มเหล้าไปเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย”
“เพียงแค่พรุ่งนี้เซ็นสัญญาเรียบร้อย พวกเราก็สามารถที่จะกลับประเทศได้แล้ว”
“เธอไม่สามารถที่จะทรยศฉันได้ จะติดตามฉินเทียนอย่างนั้นเหรอ?”
“เธอรู้ไหมว่าผลที่ตามมาคืออะไร!”
ใบหน้าของฮันหลิงดูสับสน สำหรับฉินเทียนแล้วเหมือนว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่น การที่ใจกล้าโยนร้อยล้านเหรียญสหรัฐซื้อห้องบอลรูมห้องหนึ่ง เธอมองมันไม่ออกจริงๆ
ในความทรงจำ ฉินเทียนดูเป็นมิตรและไม่เป็นจุดสนใจ ไม่ใช่คนคุยโวโอ้อวดเช่นนี้เลย
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าฉินเทียนแปลกประหลาดไปอย่างมาก
ฉินเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ฮันหลิง เชื่อฉันสิ ไม่ว่าเธอจะเจอปัญหาอะไร ฉันก็สามารถช่วยเธอแก้ไขปัญหาได้”
“นอกจากนี้ ฉันหวังว่าเธอจะเอาเรื่องของครอบครัวหูเฟยมาบอกฉัน”
“หูเฟยเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ฉันไม่สามารถให้ครอบครัวของพวกเขาต้องตายเปล่าได้!”
เดิมทีแล้วฮันหลิงยังคงลังเลอยู่ ว่าอยากที่จะอยู่ต่อหรือไม่ เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน เธอก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้แล้ว
“ฉินเทียน หยุดได้แล้ว!”
“เรื่องของฉัน รวมไปถึงเรื่องครอบครัวของหูเฟย มันต่างก็ไม่ใช่เรื่องที่นายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”
“เห็นว่านายอยู่ญี่ปุ่นแล้วพัฒนาได้ไม่เลวเลย ฉันก็วางใจแล้ว”
“สัญญากับฉันสิ หลังจากนี้ก็อยู่ที่นี่ดีๆ เถอะ ไม่ต้องกลับประเทศแล้ว แล้วก็อย่าได้เข้าไปขุดคุ้ยเรื่องของตระกูลหูอย่างเด็ดขาด!”
พูดจบ เธอก็หันหลังแล้ววิ่งออกไป
ฉินเทียนไม่คิดเลยว่าฮันหลิงจะเข้าใจตัวเองผิดได้มากเช่นนี้ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เจียวเหลียงกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ไอ้หนู แกเห็นแล้วใช่ไหม?”
“แกก็เป็นแค่จิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีของเสือ อยู่ที่นี่ดูน่าเกรงขาม แกกล้าที่จะกลับไปซีเป่ยหรือเปล่าล่ะ?”
“เรื่องที่ซีเป่ย ตอนนี้ทุกคนเชื่อฟังตระกูลของพวกฉัน!”
“แล้วพวกเรามาคอยดูกัน!”
หลังจากที่เรื่องวุ่นวายได้พัดผ่านไป สภาพของห้องบอลรูมก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เนื่องจากว่าผู้ชมทุกคนได้เครื่องดื่มฟรี ทุกคนต่างก็ดื่มเหล้าและเล่นทายนับนิ้วกัน บรรยากาศดำเนินไปอย่างดุเดือดมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นฉินเทียนนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ด้วยท่าทางที่ดูอ้างว้าง เฉินเสี่ยวอี้จึงกล่าวกับเขาด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่เทียน ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักดีชั่ว ในเมื่อเธอไม่เชื่อใจพี่ ผมรู้สึกว่า พี่ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจเพื่อผู้หญิงแบบนั้น…”
“เช่นนั้น พวกเรามาดื่มเหล้ากันเถอะ”
ฉินเทียนที่หมดความสนใจแล้ว เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปข้างหลัง
“เฉินเสี่ยวอี้ ฉันส่งมอบห้องบอลรูมนี้ให้กับนาย จากนี้ไปนายก็ทำงานเพื่อฉันแล้วกัน”
“บริหารงานให้ดี เงินที่หามาได้ไม่ต้องให้ฉัน นายสามารถหาคนที่น่าเชื่อถือบางคนมาทำงานด้วยกันได้”
“เข้าใจความหมายของฉันไหม?”
เฉินเสี่ยวอี้ที่เดินตามอยู่ข้างกายเขา พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “พี่เทียน ผมเข้าใจแล้วครับ”
“หลังจากนี้ไปที่นี่ จะเป็นฐานที่มั่นหนึ่งของท่าน”
“ท่านวางใจได้ ผมจะต้องบริหารงานแทนท่านให้อย่างดีครับ!”
ฉินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย สถานการณ์ของญี่ปุ่นซับซ้อน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เหลิ่งหยุนและทีมงูจะอยู่ที่นี่ แต่ทว่าสถานะถูกเก็บเป็นความลับ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะวางมือ
แต่ตอนนี้ สถานะของเหลิ่งหยุนและทีมงู กำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า บริษัทลงทุนที่อยู่ในเครือของเขา ก็จะมีเงินทุนก้อนใหญ่เข้ามาเหมือนกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องการคนเป็นหูเป็นตาที่เชื่อถือได้
เฉินเสี่ยวอี้เป็นคนหนึ่งที่ใช้ได้ แล้วบวกกับว่าห้องบอลรูมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน มันจะต้องเป็นสถานที่ที่ดีเป็นพิเศษในการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างแน่นอน
ดังนั้นที่เขาทุ่มเงินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อมัน ไม่ใช่เพราะความหุนหันพลันแล่นเสียทั้งหมด หรือเพื่อที่อยากจะโจมตีเจียวเหลียงและคัตสึมูระ โยตะเท่านั้น
แต่ทว่ามันผ่านการพิจารณามาอย่างรอบคอบแล้ว
“ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน”
“นายไปทำธุระเถอะ”
“จำไว้ว่า ลานขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังที่นี่ นับจากนี้เป็นต้นไป ทุกห้องจะถูกเรียกคืนทั้งหมด ไม่ใช่ของสาธารณะอีกต่อไปแล้ว”
“อีกไม่กี่วัน เพื่อนสนิทของฉันจะมาที่นี่”
“เข้าใจแล้วครับ!”
“ผมจะไปจัดการทันที” เฉินเสี่ยวอี้ก็กลายมาเป็นเจ้านายอย่างกะทันหัน ทั่วทั้งตัว เหมือนกับว่าจะดูสุขุมขึ้นมากในทันที
ฉินเทียนไม่เพียงแต่ส่งมอบห้องบอลรูมที่มีมูลค่าเช่นนี้ให้กับเขา แล้วยังไม่ต้องส่งผลกำไรของกิจการให้อีกด้วย เงินจำนวนมากมายขนาดนี้ เพียงพอที่จะให้เขาได้ทำอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว
รวมไปถึงฝีมือการหว่านล้อมขั้นสูง ที่ปูทางเครือข่ายข้อมูลอีกด้วย
เฉินเสี่ยวอี้รู้สึกว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความทะเยอทะยานเมล็ดนั้นในใจของตัวเอง เริ่มที่จะแตกหน่อออกมาแล้ว
ในชีวิตของคนเรา สามารถพบเจอผู้คนมากมาย และภายในนั้นก็มีคนประเภทหนึ่ง ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “คนที่มาพลิกชีวิตเรา”
และคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะถูกเรียกว่าเป็น “คนที่มาพลิกชีวิตเรา” จะต้องเป็นคนที่เขาค้นพบอย่างแน่นอน แล้วจะให้ชีวิตหรือความคิดเรื่องแรงบันดาลใจกับคุณ
ทำให้คุณเปลี่ยนตัวเองไปอย่างกะทันหัน แล้วจากนี้ไปก็ได้ก้าวเดินไปบนถนนที่ราบรื่นและกว้างใหญ่
และเฉินเสี่ยวอี้มีลางสังหรณ์ว่า ฉินเทียน เป็นคนที่มาพลิกชีวิตคนนั้นในชีวิตของเขาอย่างแท้จริง
เขาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง จากประตูลับ แล้วพาฉินเทียนส่งกลับไปยังลานด้านหลัง และส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปสองสามคน คอยเฝ้าทางเข้าประตูเอาไว้เป็นพิเศษ
หากไม่ได้รับอนุญาต บุคคลภายนอกคนใดก็ไม่สามารถไปรบกวนความสงบของเจ้านายใหญ่ได้
วันรุ่งขึ้น โคตะคุงก็ลากเฉินเสี่ยวอี้ไปแผนกดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เช้าตรู่ และใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ ดำเนินการอย่างด่วนเป็นพิเศษ
จนกระทั่งขณะที่ตัวแทนทางกฎหมายถูกเปลี่ยนมาเป็นเฉินเสี่ยวอี้ โคตะคุงถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มอย่างคุณป้าก็ถูกเผยออกมา
จนถึงตอนนี้ เงินหนึ่งร้อยล้านเหรียญดอลลาร์ ก็ตกมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ด้วยความที่กลัวว่าฉินเทียนจะกลับใจในภายหลัง หรือจะว่าเกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้น มันก็ทำให้เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน
“คุณเสี่ยวอี่ เถ้าแก่ฉินเทียนมีความกล้าหาญของคนวัยหนุ่มสาวมากจริงๆ คุณติดตามเขา อนาคตจะต้องก้าวหน้าไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน”
“อย่างไรก็ตาม เขาก็ผิดใจกับองค์กรซานสุ่ย เกรงว่าจะตั้งหลักอยู่ที่ญี่ปุ่นนี้ได้ยาก”
“ยังไงก็ขอให้พวกคุณโชคดีแล้วกัน”
สุดท้ายแล้วเขาก็กล่าวเตือนอย่างเป็นมิตรกับเฉินเสี่ยวอี้ไปคำหนึ่ง โคตะคุงที่กลัวว่าจะเป็นภัยแก่ตนเอง จึงได้รีบทำการจองตั๋วในทันที และพาครอบครัวทั้งหมดไปพักผ่อนอยู่ที่ฮาวาย
เมื่อคิดถึงองค์กรซานสุ่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเสี่ยวอี้ก็แข็งค้างไปทันที
ถึงแม้ว่าคัตสึมูระ โยตะจะเป็นเพียงผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตัวน้อยคนหนึ่งของซานสุ่ยกรุ๊ป แต่ทว่า สามารถมาถึงตำแหน่งนี้ได้ จะต้องมีความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนอยู่อย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าคนระดับสูงขององค์กรซานสุ่ยหลงเชื่อคำพูดของคัตสึมูระ โยตะ แล้วระดมพลบางส่วนมาจัดการฉินเทียนจริงๆ เช่นนั้นคงไม่ดีมากจริงๆ แน่
เมื่อถึงเวลา เกรงว่าแม้แต่เขาที่เป็นถึงเจ้าพ่อของเทพนัยแห่งการเป็นหูเป็นตา คงจะไม่สามารถปกป้องฉินเทียนได้
หลังจากที่คิดอยู่นาน เฉินเสี่ยวอี้ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเกลี้ยกล่อมฉินเทียน ถึงแม้ว่าจะไม่ไปขอโทษคัตสึมูระ โยตะ และทางที่ดีที่สุดก็คือหลีกเลี่ยงการเป็นที่สนใจก็ยังดี
เขาจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายมาจนถึงด้านหลังลานบ้าน แล้วเคาะประตูห้องของฉินเทียนอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง