บัญชามังกรเดือด - บทที่ 618 ยินดีต้อนรับราชา
บัญชามังกรเดือด บทที่ 618 ยินดีต้อนรับราชา
ภายในห้อง ฉินเทียนก็พึ่งจะรับโทรศัพท์รายงานจากจูกวางจือเสร็จ บอกว่าประธานมิเชลของบริษัทลงทุนมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนตอนเช้าตรู่แล้ว
ในขณะนี้ก็ได้รับการติดต่อจากองค์กรซายสุ่ยแล้ว ได้ข่าวว่าเจ้านายใหญ่อย่างฉินเทียนจะออกหน้าด้วยตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ผู้รับผิดชอบของมิเชลและองค์กรซานสุ่ย ทุกคนต่างก็พากันรอคอยอย่างเคารพนบนอบ
“นายมาได้เวลาพอดีเลย” ฉินเทียนมองไปที่เฉินเสี่ยวอี้ด้วยรอยยิ้มกล่าวว่า “เตรียมรถ ตามฉันไปสำนักงานใหญ่ขององค์การซานสุ่ย”
อะไรนะ?
เฉินเสี่ยวอี้ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างนึกไม่ถึงว่า “พี่เทียน คุณอยากไปสำนักงานใหญ่ขององค์กรซานสุ่ยหรือครับ?”
“ไปทำอะไรครับ?”
เขามาอย่างรีบเร่ง เขายังคิดอยากที่จะหาวิธีเกลี้ยกล่อมฉินเทียนให้หลีกเลี่ยงการเป็นที่สนใจ ไม่คาดคิดเลยว่าฉินเทียนจะพุ่งตัวเข้าไปหากับดักด้วยตัวเอง!
ฉินเทียนหัวเราะออกมาอย่างขี้เล่น “เมื่อคืนไม่ได้พูดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? วันนี้ฉันจะต้องไปไล่คัตสึมูระ โยตะออกน่ะ”
“ลูกผู้ชายชาตรี จะผิดคำพูดได้อย่างไรกันล่ะ”
นี่…เฉินเสี่ยวอี้อ้าปากค้าง สีหน้ามึนงง ราวกับว่ามองฉินเทียนเป็นเหมือนกับคนบ้าคนหนึ่ง
ที่จริงแล้วเขารู้หรือไม่ ว่าในญี่ปุ่นองค์กรซายสุ่นมีอิทธิพลมากมายแค่ไหน?
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดความสับสน แต่ฉินเทียนสำหรับเขาแล้ว ก็ได้แต่เชื่อฟังด้วยความเคยชินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปเสียแล้ว
เขาสตาร์ทรถด้วยจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย แล้วพาฉินเทียน ขับรถไปยังสำนักงานใหญ่ขององค์กรซานสุ่ย
องค์กรซานสุ่ย เป็นเครือของแบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดจากทั่วโลก และยังเป็นกลุ่มนายทุนที่เก่งกาจมากกลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย
ในขณะนี้ อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทก็ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย ภายในบรรยากาศของความตึงเครียด บนใบหน้าของทุกคน ต่างมีท่าทีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
มีการเริ่มทำความสะอาดครั้งใหญ่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกสิ่งที่สามารถมองเห็นได้จากสายตา ทั้งหมดต่างก็สะอาดสะอ้านไร้ที่ติ
ผู้ไม่รู้ ยังคิดว่าต้องต้อนรับการตรวจสอบของจักรพรรดิแน่
และผู้สืบทอดของตระกูลซานสุ่ย ซึ่งตอนนี้ก็เป็นประธานของซานสุ่ยกรุ๊ป ชื่อว่าซานสุ่ย อะมาดะ นำด้วยทีมผู้จัดการทั่วไป รองประธาน รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงต่างๆ และผู้คนอีกหลายสิบคน ที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนัง มายืนรออยู่ตรงประตูทางเข้า
คัตสึมูระ โยตะในฐานะที่มีความสัมพันธ์แบบเครือญาติของแผนกผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ออยู่แล้ว ก็ปรากฏตัวออกมาเรียงแถวด้วยเช่นกัน
เพียงแค่เท่านั้น ต่อหน้าผู้บริหารระดับสูงแท้จริงเหล่านี้ เขาก็ยืนอยู่ที่ริมขอบของทีม เหมือนเป็นคนที่เดินถนนคนหนึ่งเท่านั้น
ถึงกระนั้น เขาก็มีความรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว เนื่องจากเขารู้มาอย่างคร่าวๆ ว่า วันนี้ประธานออกหน้าด้วยตัวเอง เพราะต้องการจะต้อนรับ ผู้ยิ่งใหญ่อย่างมากของทั่วโลกคนหนึ่ง
แต่ทว่านี่เป็นฉากที่น่าประทับใจจริงๆ!
เขามีโชคดีที่ได้เข้าร่วม ในแง่หนึ่งก็ได้เปิดโลกทัศน์ และนำมาเป็นหัวข้อสนทนาของครึ่งหลังในชีวิตได้อีกด้วย
และอีกแง่หนึ่ง แล้วนี่ก็อธิบายได้แล้วใช่หรือไม่ ว่างานของเขาได้รับการยอมรับจากหัวหน้าระดับสูงแล้ว
และในลำดับต่อไป เขาก็ยังมีความหวังที่จะได้เลื่อนขั้นด้วยใช่หรือไม่?
เขาจัดเสื้อผ้าอย่างกระวนกระวายใจ ภายในใจก็ครุ่นคิดว่า รอว่าถ้าหากมีโอกาส สามารถได้พูดคุยกับผู้ยิ่งใหญ่ได้ เช่นนั้นชีวิตนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปดั่งสายน้ำ ซานสุ่ย อะมาดะ ในที่สุดก็เกือบที่จะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เขามองดูนาฬิกาข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดกลับคนยุโรปที่อยู่ข้างกายว่า “คุณมิเชล เจ้านายใหญ่ของพวกคุณท่านนั้น จะมาจริงๆ ใช่ไหมครับ?”
“พวกเราคงจะไม่ ถูกเบี้ยวนัดหรอกใช่ไหม?”
ชายร่างกายสูงใหญ่ และท่าทางที่หยิ่งยโสของชาวยุโรป เป็นCEOของบริษัทจัดการการลงทุนเทียนฟู่แน่นอน แล้วยังเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของหลิวชิงมาก่อนอีกด้วย ชื่อมิเชล
เทียนฟู่แคปปิตอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของวิหารเทพฉินเทียน และเป็นบริษัทสาขาที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย อาศัยการลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก จนกลายมาเป็นผู้มีอิทธิพลผู้อยู่เบื้องหลังอย่างสมคำร่ำลือจริงๆ
เดิมทีแล้วมิเชลมีพื้นฐานมาจากตระกูลทางการเงินของยุโรป เป็นอัจฉริยะด้านการลงทุนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเรียน
ในตอนนี้ ยังมีสถานะเป็นCEOของเทียนฟู่แคปปิตอลเพิ่มเข้าไปอีก เขาก็เป็นคนสำคัญที่พบเจอได้ยากเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของซานสุ่ย อะมาดะ เขาก็กลืนน้ำลายลงคอ บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นร้อนรน
เหมือนกับว่าเป็นเด็กประถม ที่ต้องไปเจอกับครูใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่างไรอย่างนั้น
เขาถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “คุณอะมาดะ ผมจะบอกความจริงกับคุณ ผมทำงานอยู่ที่เทียนฟู่แคปปิตอลมานานหลายปีขนาดนี้ ก็ยังไม่เคยเห็นใบหน้าของเจ้านายใหญ่ท่านนี้เลย”
“ไม่สิ จะต้องบอกว่า ผมโชคดีที่เคยเห็นอยู่ครึ่งหนึ่ง เพียงแต่ว่า มันอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ และยังเชื่อมต่อผ่านวิดีโออีกด้วย”
“ในตอนนั้น ผมยังไม่รู้ว่า เขาก็คือเจ้าของวิหารเทพที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น แล้วเป็นเจ้านายของเจ้านายของผมอีกที”
เมื่อนึกถึงการลงทุนของการประชุมครั้งนั้น คนที่เชื่อมต่อวิดีโอกับหลิวชิง ถึงจะเหลือบมองเพียงครู่เดียว ก็ถือว่าเคยเห็นลักษณะของฉินเทียนแล้ว มิเชลทอดถอนใจอย่างไม่เสแสร้ง
“มังกรเทพตะวันออก!”
“เจ้านายใหญ่เป็นหนุ่มหล่อเหลาเช่นนี้ ไม่เลวเลยที่จะกลายเป็นมังกรเทพตะวันออก!”
ซานสุ่ย อะมาดะชะงักงั้นไปครู่หนึ่ง แล้วกระซิบกระซาบว่า “หรือว่า พระราชาผู้นั้น เป็นคนตะวันออกอย่างนั้นเหรอ?”
มิเชลกระซิบการะซาบพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นคนของอาณาจักรมังกรตะวันออก”
“แต่ว่าคุณอะมาดะ ตัวตนของท่านนั้น มีความพิเศษเป็นอย่างมาก มีข้อมูลเพียงเล็กน้อย คุณจะต้องระวังแล้วเก็บเป็นความลับด้วยนะ”
ซานสุ่ยอะมาดะกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “ครับ!”
“คุณมิเชลได้โปรดวางใจ หากไม่ได้รับอนุญาต ถึงผมจะตายก็ไม่มีทางพูดออกมาแน่นอน”
ถึงแม้ว่าองค์กรซายสุ่ยของพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าเป็นเทียนฟู่แคปปิตอล ก็ยังไม่มีทางที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้
ดังนั้น สถานะของซานสุ่ย อะมาดะ ก็สู้กับมิเชลไม่ได้อยู่แล้ว
และมิเชล เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเทพผู้นั้น อย่างมากก็ถือได้ว่าเป็นแค่สุนัขรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่หน้าตาก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เห็นมาก่อน นั่นยังไม่สามารถอธิบายปัญหาอะไรได้อีกอย่างนั้นเหรอ?
ดังนั้น ซานสุ่ย อะมาดะรู้สึกว่า ไม่ว่าวันนี้เขาจะต้องรออีกนานเท่าไร ขอเพียงแค่ได้เห็นราชาผู้ลึกลับผู้นั้นได้ มันก็คุ้มค่ามากพอแล้ว
และถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วราชาผู้นั้นจะไม่ได้มา เขาก็ไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่นิดเดียว
เนื่องจากว่าตอนนี้ แม้แต่เขาจะรู้สึกว่า การลงทุนเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง ไม่คาดคิดว่าจะทำให้ราชาผู้นั้นตกใจ ก็รู้สึกขอโทษขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบกับการลงทุนด้วยเงินมากมายมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกของเทียนฟู่แคปปิตอล ครั้งนี้พวกเขาต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพียงน้อยนิดเท่านั้น แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะ เปลี่ยนไปเอาจริงเอาจังและเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น
ผู้บริหารระดับสูงของซานสุ่ยกรุ๊ปที่เหลือ ที่ได้รับผลกระทบจากเขา ต่างก็น่าเกรงขามและเคร่งขรึมมากขึ้น
ในที่สุด รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์คันใหม่เอี่ยมคันหนึ่ง ก็ค่อยๆ ขับเข้ามา แล้วจอดลงตรงหน้าประตูใหญ่
“มาแล้ว!”
มิเชล ซานสุ่ยอะมาดะและคนอื่นๆ ทั้งหมดเผยสีหน้าแสดงความตื่นเต้นออกมา
ซานสุ่ยอะมาดะจัดระเบียบเสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเตรียมตัวเดินเข้าไป และเปิดประตูรถด้วยตัวเอง
“ท่านประธาน ผมเองครับ!”
คนที่ยืนอยู่ขอบสุดอย่างคัตสึมูระ โยตะร้องตะโกนขึ้น แล้วรีบพุ่งเข้าไป
เขาพุ่งตัวเข้าไปด้วยและกล่าวไปด้วยว่า “ประธานท่านมีสถานะเป็นถึงผู้ทรงเกียรติ งานที่ใช้แรงงานเช่นนี้ มอบให้เป็นหน้าที่ของผมเป็นคนจัดการเถอะ”
ซานสุ่ยอะมาดะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักพนักงานคนนี้ แต่สำหรับคนที่ตาถึงเช่นนี้แล้ว มันน่าชมเชยมากจริงๆ
คัตสึมูระ โยตะพุ่งไปถึงข้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างตื่นเต้นดีใจ ไม่ทันรอให้เขาไปเปิดประตู ทว่าประตูรถก็เปิดออกแล้ว
เจียวเหลียงลงมากจากรถ แล้ววกล่าวด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นว่า “คุณโยตะ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมาต้อนรับผมด้วยตัวเองเช่นนี้!”
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าความร่วมมือของพวกเราจะไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว!”
“รีบไปเซ็นสัญญากันเถอะ!”
และในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของรถ ฮันหลิงก็ลงมา
เมื่อเธอมองเห็นคัตสึมูระ โยตะ ภายในแววตาก็เผยความขยะแขยงออกมา เรื่องที่เกิดขึ้นในที่นั่งชั้นพิเศษเมื่อวานนี้ ค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าได้กินแมลงวันเข้าไปตัวหนึ่ง
หลังจากที่กลับไปแล้ว เธอก็เคยถามเจียวเหลียงว่า เขาได้ตั้งใจหรือไม่กันแน่
เจียวเหลียงสาบานต่อพระเจ้า ที่เขาให้ฮันหลิงอยู่ เพียงคิดที่อยากจะให้ฮันหลิงเป็นสายลับของคัตสึมูระ โยตะเท่านั้น
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคัตสึมูระ โยตะะสูญเสียการควบคุมตนเองหลังจากดื่มเหล้า แล้วอยากจะเอาเปรียบฮันหลิงอย่างคาดไม่ถึง
เขารับประกันว่า หลังจากที่เซ็นสัญญาร่วมมือวันนี้แล้ว จะกลับประเทศทันที แล้วหลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาเจอกับคัตสึมูระ โยตะอีกแล้ว
ฮันหลิงพิจารณาเหตุผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของตัวเอง เช่นนั้นจึงได้ตกลง แล้วมาเซ็นสัญญาเป็นเพื่อนเขา
เมื่อเห็นว่าคัตสึมูระ โยตะมาต้อนรับด้วยตัวเอง แล้วเบื้องหลังยังมีคนที่มองเพียงแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่มีสถานะมากมายแค่ไหน ก็ทำให้เธอลนลานเล็กน้อย