บัญชามังกรเดือด - บทที่ 620 นายเชื่อแล้วหรือยัง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 620 นายเชื่อแล้วหรือยัง
“เหลวไหล!”
มีเสียงคำรามร้องด้วยความโกรธ ดวงหน้าของมิเชลเขียวปั้ด แล้วพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของเจียวเหลียงไว้
“ไอ้ชาติหมา ฉันว่าคนที่อยากตายเป็นแกมากกว่า!”
ไม่คาดคิดเลยว่าจะกล้าล่วงเกินพี่ใหญ่ของตัวเอง นี่ไม่ได้เรียกว่ารนหาที่ตายอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มิเชลจะได้คว้าโอกาสที่จะได้แสดงถึงความสามารถต่อหน้าฉินเทียน แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน
รูปร่างสูงใหญ่ของเขา กำลังบนมือของเขาก็มีมากมายเช่นกัน
ในช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียวเจียวเหลียงดูเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่ถูกบีบคอไว้อย่างไรอย่างนั้น เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวังขึ้นมา
มิเชลส่งเสียงฮึดฮัดขึ้นมา ใช้แรงบนมือ เขาโยนเจียวเหลียงทิ้งไปด้านข้างราวกับโยนขยะอย่างไรอย่างนั้น แล้วถอนหายใจออกมา แล้วเดินตรงไปหาฉินเทียนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“CEOของบริษัทการลงทุนเทียนฟู่ มิเชล ยินดีที่ได้พบครับ!”
“องค์กรซานสุ่ย ซานสุ่ย อะมาดะ ยินดีที่ได้พบครับ!”
“ยินดีที่ได้พบครับ!”
นำโดยมิเชลและซานสุ่ย อะมาดะ และตามด้วยผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ที่อยู่ณ สถานที่แห่งนั้น ทุกคนต่างก้มศีรษะที่หยิ่งยโสนั้นต่ำลง
ผู้คนเหล่านี้ โดยปกติแล้วต่างก็เป็นตระกูลผู้ดีที่น่าทึ่ง อยู่สังคมหัวกะทิ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของฉินเทียนในขณะนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เคารพนับถือ ราวกับกลุ่มน้องเล็กกลุ่มหนึ่ง
ในขณะนี้ คนที่ประหลาดใจมากที่สุด ก็คือเจียวเหลียง ฮันหลิง รวมไปถึงคัตสึมูระ โยตะด้วย
พวกเขารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของซานสุ่ยกรุ๊ปเคลื่อนพลออกมาต้อนรับ หรือว่าจะเป็น ฉินเทียนอย่างนั้นเหรอ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
คัตสึมูระ โยตะที่อยู่ข้างรถยนต์ ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น
ฉินเทียนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างสบายอารมณ์ หลังจากนั้น มองไปที่คัตสึมูระ โยตะที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มเป็นประกาย “นายลืมคำพูดที่ฉันพูดไปเมื่อวานแล้วอย่างนั้นเหรอ? วันนี้ฉันจะมาไล่นายออก”
“ตอนนี้ นายเชื่อแล้วหรือยัง?”
“โง่เง่า!”เป็นปฏิกิริยาที่คัตสึมูระ โยตะตอบกลับ ดวงหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวปั้ด ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาก็ลุกโชนไปด้วยความเดือดดาล
“โกหก!”
“คุณอะมาดะ คุณฟังผมนะครับ ไอ้หมอนี่ไม่มีทางเป็นผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นได้หรอกครับ!”
“มันก็เป็นได้เพียงแค่หมาจรจัดตัวหนึ่งของอาณาจักรมังกร เมื่อคืนวานนี้ผมพึ่งเจอมันอยู่ที่ห้องบอลรูมอยู่เลย!”
“หุบปาก!” ซานสุ่ย อะมาดะกล่าวตำหนิ “โยตะ ฉันไม่ได้อยากที่จะรู้ ว่าระหว่างนายกับคุณฉินเกิดเรื่องอะไรหรอกนะ”
“ในเมื่อคุณฉินบอกว่าต้องการไล่นายออก เช่นนั้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป นายไม่ใช่พนักงานขององค์กรซานสุ่ยอีกต่อไปแล้ว”
“ซานสุ่ยกรุ๊ป ปลดจากการเป็นพนักงานถาวร!”
“คุณอะมาดะ!” ซานสุ่ย อะมาดะขาอ่อนยวบ แล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของอะมาดะดังตุบ
เขากล่าวโทษพร้อมทั้งหลั่งน้ำตา
“ผมมีจิตใจที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อบริษัทรวามถึงครอบครัวซานสุ่ยด้วย!”
“เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ไม่มีความดีความชอบ มีก็แต่ความเหน็ดเหนื่อย! ขอความกรุณาท่านด้วยเถิด อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ!”
“ท่านไล่ผมออกอย่างไม่มีสาเหตุ อาจจะทำให้ถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์นะครับ!”
อะมาดะก็รู้สึกว่ามันกะทันหันไปเล็กน้อย เขาอมยิ้มแล้วหันไปมองทางฉินเทียน คิดอยากที่จะขอร้องแทนคัตสึมูระ โยตะ
คัตสึมูระ โยตะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา แล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉินเทียนอีกครั้ง แล้วคำนับเพื่อร้องขอความเมตตา
ฉินเทียนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา เขายกมือขึ้น แล้วก็กดปุ่มเล่นของปากกาบันทึกเสียงที่อยู่ในมือ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในอากาศ
เนื้อหาของการกระจายเสียงอยู่นั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในห้องส่วนตัวของห้องบอลรูมมูแล็งรูฌเมื่อคืนวานนี้อย่างแน่นอน เป็นกระบวนการการติดสินบนของเจียวเหลียงกับคัตสึมูระ โยตะ
“อะมาดะ เป็นพนักงานที่มีคุณสมบัติของซานสุ่ยกรุ๊ปของพวกคุณอย่างนั้นใช่ไหม?”
“บริษัทอย่างนี้ ยังต้องการการลงทุนของผมอีกอย่างนั้นเหรอ? ผมมีเหตุผลที่จะสงสัยได้ไหม เงินที่ผมลงทุนไป อาจจะถูกพวกแมลงเหล่านั้นกลืนมันไปหมดน่ะสิ”
ซานสุ่ย อะมาดะหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ
“โง่เง่าสิ้นดี!”
ทันทีที่เขาเตะคัตสึมูระ โยตะกลิ้งไปบนพื้น ก็กล่าวด้วยความโมโหว่า “เด็กๆ!”
“เอาแมลงตัวนี้ไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วจัดการอย่างเคร่งครัด!”
“ไม่เอานะ!”
“คุณอะมาดะ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะ!”
“ผมรู้ความผิดแล้ว! ได้โปรดอย่าส่งผมให้เจ้าหน้าที่เลยนะครับ!”
คัตสึมูระ โยตะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ แล้วถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนกดลงไปในรถ
เดิมทีแล้วเพียงแค่จะไล่ออกเท่านั้น เขาก็ยังพอดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ทว่าตอนนี้คงหลีกเลี่ยงโทษจำคุกไม่ได้อีกแล้ว
“แล้วยังมีนายอีก!” อะมาดะจ้องมองไปที่เจียวเหลียง แล้วกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ติดสินบนพนักงานของพวกฉัน น่าละอายนัก!”
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ซานสุ่ยกรุ๊ป ไม่มีทางที่จะทำการร่วมมือกับพวกคุณตลอดไป!”
“ฉันต้องการให้นายหายไปจากหน้าของฉันเดี๋ยวนี้!”
เจียวเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง ฉี่เกือบจะราดอยู่แล้ว
“ผมจะไป!”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” เขากลัวว่าอาจจะกลายเป็นเหมือนกันกับคัตสึมูระ โยตะ ถูกส่งไปให้กับเจ้าหน้าที่ มันน่ากลัวจนฉี่รดกางเกง จนอยากจะหนีหัวซุกหัวซุนไปทันที
“คุณฉิน!”
“ขอบคุณท่านมากที่แจ้งเบาะแสให้ แล้วช่วยพวกเรากำจัดแมลงไปได้!”
“ยินดีต้อนรับท่านที่มาเยี่ยมเยือนพวกเรา เชิญครับ!” ซานสุ่ย อะมาดะเผชิญหน้ากับฉินเทียน แล้วโค้งคำนับ แล้วทำท่าทางเชื้อเชิญ
ฉินเทียนหันไปยิ้มให้กับฮันหลิงที่ตะลึงจนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวว่า “รอให้ฉันทำธุระที่นี่ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วพวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ”
“ฉันหวังว่า เธอคงจะให้โอกาสฉันสักครั้ง ในเวลาเดียวกัน ก็ให้เธอได้ให้โอกาสตัวเองสักครั้งด้วยเหมือนกัน”
หลังจากนั้น แล้วติดตามไปด้วยความเคารพนบนอบของซานสุ่ย อะมาดะรวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงคนอื่นขององค์กรซานสุ่ยด้วย และเดินตรงเข้าไปข้างในอย่างภูมิใจ
ใบหน้าของฮันหลิงแสดงถึงความเหลือเชื่อ
จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังยากที่จะเชื่อได้ ไม่คาดคิดว่าฉินเทียนจะมีสถานะที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้!
แม้แต่ประธานขององค์กรซานสุ่ย ก็ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพนบนอบ!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
เธอหันตัวกลับไปอย่างโดดเดี่ยว ราวกับว่าวิญญาณได้หายไปยังที่ไกลแสนไกลอย่างไรอย่างนั้น
“นังหญิงสารเลว!”
อยู่ๆ เจียวเหลียงก็พุ่งออกมาจากมุมหนึ่ง แล้วมีเสียงเพี๊ยะ ที่ตบลงไปบนใบหน้าของฮันหลิง
“แกพูดมา แกเป็นคนเล่นอุบายใช่ไหม?”
“แกเป็นคนบันทึกเสียง หลังจากนั้นก็ส่งมันให้กับฉินเทียนใช่ไหม?”
“ด้านหนึ่งแกประจบสอพลอฉัน ต้องการให้ตระกูลของเรารับประกันชำระหนี้แทนพวกแก อีกด้านหนึ่งก็ยังสมคบคิดกับคนสกุลฉินสินะ!”
“ด้านหนึ่งแกประจบสอพลอฉัน ต้องการให้ตระกูลของเรารับประกันชำระหนี้แทนพวกแก อีกด้านหนึ่งก็ยังสมคบคิดกับคนสกุลฉินสินะ!”
“ที่จริงแล้วเขายังมีสถานะอะไรกันแน่ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!”
เขาบีบคอของฮันหลิง ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่เสียสติตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของฮันหลิงแดงก่ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน ที่ผลักเจียวเหลียงกระเด็นออกไปได้
“ฉินเทียนคงจะปลอมเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แล้วต้องการที่จะหลอกเอาทรัพย์สินเงินทองมาจากองค์กรซานสุ่ยแน่!”
“ฉันจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้!”
“ฉันจะต้องเปิดโปงเขาได้อย่างแน่นอน!”
เธอพุ่งเข้าไปในอาคารของซานสุ่ยอย่างฮึกเหิม
สำหรับทุกสิ่งที่ฉินเทียนทำลงไป ในขณะที่เธอสิ้นหวัง ก็รู้สึกถึงความเดือดเป็นฟืนเป็นไฟเช่นกัน
ใช่ ถึงพวกเขาจะติดสินบนคัตสึมูระ โยตะ เรื่องแบบนี้มันน่าขายหน้า แต่ว่าในโลกของธุรกิจ นี่ก็เกือบที่จะเป็นกฎที่ทราบกันทั่วไป
ฉินเทียนใช้ประโยชน์จากกลอุบายนี้ มาทำลายความร่วมมือของพวกเขา มันช่างน่าขายหน้าจริงๆ
เธอรู้สึกว่าฉินเทียนเป็นคนคนต่ำทราม มาทำลายความร่วมมือของคนอื่นอย่างเอาเปรียบ และมาหาความดีความชอบจากซานสุ่ยกรุ๊ป แล้วไขว่คว้าเอาผลประโยชน์จากภายในนั้น
สิ่งที่ทำให้เธอไม่มีทางยอมรับได้!
ในเวลานี้ ชั้นสูงที่สุดของอาคาร ห้องที่ใหญ่ที่สุด คือห้องทำงานของประธาน
ส่วนระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเหล่านั้น ทั้งหมดถูกปฏิเสธให้อยู่ด้านนอก
ความหรูหราภายในห้องทำงาน มีไม่ถึงสิบคนเท่านั้น
ฉินเทียนนั่งอยู่ในระหว่างกลาง ทางด้านซ้ายของเขา มีมิเชลยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่เคารพนอบน้อม
ส่วนทางด้านขวา เป็นซานสุ่ย อะมาดะ รวมไปถึงรองประธานที่เป็นลูกน้องของเขาอีกสองสามคน
ถึงแม้ว่าซานสุ่ย อะมาดะจะเป็นเจ้าของ แต่ทว่าสถานะของเขาก็เทียบกับมิเชลไม่ได้ ในขณะนี้แม้แต่มิเชลยังต้องยืน เขารวมไปถึงลูกน้อง ก็เป็นเหมือนกับเด็กประถม ที่ยืนอยู่อย่างเคารพนอบน้อม
หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลสถานการณ์ความร่วมมือจากมิเชล ฉินเทียนใช้มือเท้าโต๊ะ และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “คุณจะบอกว่า ห้าพันล้านดอลลาร์ พวกคิดเป็นสัดส่วนสี่สิบเก้าอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” มิเชลกล่าวอย่างนอบน้อม “จำกัดให้เฉพาะโครงการนี้เท่านั้น ที่พวกเราจะคิดเป็นสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของหุ้นส่วน”
“แต่ว่า ไม่มีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้น ตามข้อตกลงในหนังสือสัญญา พวกเราขอแค่เงินปันผล”