บัญชามังกรเดือด - บทที่ 71 แหวนเพชร
“เอ่อ คุณฉิน”
โกวเฉินคิดถึงอะไรได้อยากที่จะชดเชยความผิด แต่มันก็สายไปแล้ว
จากที่ไกล ๆ ผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนคนหนึ่งบุกมาร้องโวยวาย
“โกวเฉิน แกไอ้หมาตาบอดคนนี้พูดจามั่วสั่ว แกแม่งสรุปแล้วล่วงเกินบุคคลใหญ่อะไร!”
“ท่านประธานโทรศัพท์มาถามหาความรับผิดชอบด้วยตัวเอง พูดว่าถ้าหากไม่สามารถให้บุคคลสำคัญพอใจได้กระทั่งฉันก็ถูกไล่ออกไปด้วยกัน!”
“นายพูดกับฉันให้ชัดเจน!”
“คุณหม่า!”มองเห็นคนที่มาคิดไม่ถึงว่าเป็นหัวหน้าของตัวเอง โกวเฉินขาอ่อนแทบจะคุกเข่าแล้ว
ตอนนี้ในที่สุดก็เข้าใจ ฉินเทียนเป็นบุคคลใหญ่ที่ตัวเองหาเรื่องไม่ได้
“คุณฉิน ผมผิดไปแล้ว!”
“ลูกตาหมาของผมมองคนต่ำ ผมมีตาหามีแววไม่ขอให้คุณยกโทษด้วย!”
“ผมกว่าจะได้งานอันนี้มามันไม่ง่าย อย่าไล่ผมออกเลยนะ!”
มีเสียงร้องไห้สะอื้น ครั้งนี้ขาอ่อนคุกเข่าจริง ๆ แล้ว
ที่บ้านของเขาก็ทำธุรกิจเล็กน้อยในสายตาของคนธรรมดาก็ถือว่าเป็นคนมีเงิน
แต่ทุก ๆ ครอบครัวต่างก็มีความลำบากของตัวเอง ฟ้ารู้เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทำให้ธุรกิจของพวกเขาเต็มไปด้วยปัญหานานแล้ว
ครั้งนี้เขากลับมาจากเคมบริดจ์ ในบ้านใช้เงินสุดท้ายที่ได้จากการดำเนินธุรกิจแล้ว ขอความช่วยเหลือทุกที่ถึงทำให้เขาได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการของยี่ต๋าพลาซ่า
ยี่ต๋าพลาซ่าเป็นห้างลูกโซ่ที่มีชื่อเสียงในประเทศ ได้นั่งตำแหน่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาชีพที่ดีเยี่ยมส่วนตัวแล้ว
ยิ่งเป็นช่องทางและการอาศัยความช่วยเหลือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
เห็นได้ว่างานอันนี้มีความสำคัญต่อเขาและครอบครัวเท่าไหร่
ตอนนี้จะสำเร็จหรือพ่ายแพ้ก็อยู่ที่ใจของฉินเทียนแล้ว
มองเห็นท่าทางนี้แล้วคุณหม่าก็มีใบหน้าที่ตื่นตระหนก เพราะถ้าหากจัดการเรื่องได้ไม่ดีกระทั่งเขาก็ต้องถูกไล่ออกด้วย
เขาก็พูดยิ้มให้ด้วยความเคารพนบนอบ“คุณฉินใช่ไหม โกวเฉินเป็นผู้จัดการที่พวกเราเพิ่งเลื่อนตำแหน่งให้ การทำงานยังคล่องแคล่วไม่พอยังไงขอให้คุณยกโทษให้ด้วย”
“โกวเฉิน สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรคุณยังไม่รีบพูดความจริง!”
โกวเฉินรีบพูด“คือหยางเหมยเอ๋อร์”
“คุณหม่า คุณก็รู้ฐานะของหยางเหมยเอ๋อร์คนนี้ เบื้องหลังของเธออาศัยนายท่านเจียงของพันธมิตรฉู่”
“เธอโทรศัพท์หาผมพูด……พูดว่าคุณฉินทำร้ายเธอแล้วยังขโมยของของเธออีกให้ผมมาจัดการ”
“เพราะผมก็คือกลัวได้รับแรงกดดันจากหน้าที่ความรับผิดชอบถึงทำอย่างนี้”
ได้ยินชื่อ“หยางเหมยเอ๋อร์”คุณหม่าอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว
เขากัดฟันแล้วพูดอย่างระมัดระวัง“เอ่อ คุณฉิน ไม่งั้นพวกเราเรียกหยางเหมยเอ๋อร์มาให้เธอขอโทษคุณ?”
“พวกเราเชื่อว่านี่ต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่นอน”
พันธมิตรฉู่?
มิน่าล่ะผู้หญิงคนนี้ถึงได้หยิ่งผยองอย่างนี้ที่แท้มีความสัมพันธ์กับพันธมิตรฉู่ ดูแล้วพันธมิตรฉู่ที่มีความชอบธรรมและมีจิตวิญญาณของการต่อสู้ที่พลเมืองคนนี้พูดมาก็ไม่ได้สะอาดอย่างนั้น
แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจเรื่องที่น่าเบื่อชนิดนี้
“อย่ามีครั้งต่อไปอีก”
มองเห็นซูซูออกมาจากห้องน้ำแต่ไกล ๆ ฉินเทียนพูดประโยคหนึ่งแล้ว รีบก้าวเดินไป
คุณหม่าและโกวเฉินก็ถอนหายใจในเวลาเดียวกัน สองคนต่างก็พบว่าเหงื่อได้เปียกโชกเสื้อผ้าแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อันตรายมากแล้วจริง ๆ !
“คุณรู้จักกับหยางเหมยเอ๋อร์ผู้หญิงชนิดนี้ได้ยังไง?”
“โกวเฉิน อย่าโทษว่าผมไม่ได้เตือนคุณ ชีวิตของคนก็คืออิสระเสรี พอไม่ระวังก็อาจจะทำให้พินาศได้”
“คุณคิดทำเอาเองก็แล้วกัน!”
โกวเฉินอยากที่จะพูดอะไรมือถือก็ดังแล้ว เป็นหยางเหมยเอ๋อร์โทรมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คนที่ฉันต้องการทำไมยังไม่ได้พามา?”
“โกวเฉิน คุณไม่อยากทำแล้วใช่ไหม?”
โกวเฉินเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ บุกมาถึงห้องพักผ่อนโดยทันทีพูดว่า“ที่คุณหาเรื่องนี่สรุปแล้วเป็นใคร?”
“สายของเถ้าแก่หญิงร้านจิวเวลรี่เงามายา ยังมีท่านประธานของพวกเราทั้งหมดหวาดกลัวรู้สึกไม่สงบ”
“ผมเกือบจะถูกไล่ออก”
“ยังมีเขาสะบัดบัตรมังกรดำออกมาหนึ่งใบ รูดหกสิบล้านแล้วอย่างไม่กระพริบตา!”
“คุณเองเล่นกับไฟอย่าพาผมไปด้วย!”
“คุณพูดอะไร?”หยางเหมยเอ๋อร์ก็ตะลึงแล้ว แต่วินาทีต่อมาในดวงตาของเธอก็กระพริบแสงแวววาวที่น่าประหลาด
“คิดไม่ถึงครั้งนี้ที่ฉันชอบจะเป็นของชั้นยอด!”
“น่าสนใจ”
“แซ่โกว คุณพูดจากับฉันยังไงห๊ะ?”
“คุณแม่งคิดว่าเป็นใคร?”
โกวเฉินกำลังโมโหขึ้นสมองเตรียมที่จะโต้แย้ง เสียงดังปังประตูห้องถูกถีบออกแล้ว
ไอ้หนุ่มคนหนึ่งสักเจ้าแมงป่องตัวหนึ่งบนหน้าพานักเลงสองสามคนบุกเข้ามาแล้ว
“พี่หยาง เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ไอ้เด็กนี่ล่วงเกินคุณแล้วใช่ไหม?”
“ไอ้หมา อยากตายเหรอ!”
เสียงตบหน้าดังเพี๊ยะเสียงหนึ่ง ตามด้วยยกเท้าถีบโกวเฉินไปในมุมแล้ว
โกวเฉินกุมหน้าอยู่ในดวงตาโกรธมาก แต่เขากล้าโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมา
เพราะเขาดูออกหมอนี่ก็คือเจ้าแมงป่องคนอันธพาลของฉู่โจว
หยางเหมยเอ๋อร์ยิ้มพูด“เจ้าแมงป่อง นายมาก็ดีแล้ว”
“ไปเถอะ ตามไปเจอเทพบุตรคนนี้กับฉัน!”
“ไม่ว่าเขาเป็นคนศักดิ์สิทธิ์อะไร มาถึงเขตของฉู่โจวแล้วก็ต้องเชื่อฟังฉัน”
……
“คุณไปไหนมาแล้ว?”เห็นฉินเทียนมีใบหน้าที่ลึกลับ ซูซูอดไม่ได้ที่จะสงสัย
รอตอนที่ฉินเทียนหยิบไข่นกพิราบขนาดใหญ่นั่นออกมา เธอก็อ้าปากกว้างอย่างตกใจเลยทันที
เธอมีปฏิกิริยามาพูดด้วยใบหน้าที่แดงว่า“ฉันไม่ได้รับปากที่จะแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่ ไม่ได้รับปากการขอแต่งงานของคุณ!”
ฉินเทียนยิ้มพูด“ผมรู้”
“ถึงแม้ในนามของพวกเราเป็นสามีภรรยา แต่นั่นก็คือรูปแบบ”
“สวมแหวนแต่งงานให้คุณเพียงแค่ให้พวกคนตัณหากลับเหล่านั้นดูว่าคุณได้มีเจ้าของแล้ว”
“จะได้หลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น”
“แหวนเพชรเล็ก ๆ นี้ก็เป็นตัวแทนของหัวใจผมไม่ได้ มีสักวันหนึ่งผมจะขอแต่งงานที่ยากจะลืมได้ตลอดชีวิตให้คุณ”
“อีกทั้งให้งานแต่งงานเป็นศตวรรษที่ช็อกโลกแก่คุณ”
ซูซูถุยคำหนึ่ง แต่นึกถึงหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นบางอย่างเพราะเหตุนี้ได้ เธอยังคงให้ฉินเทียนเอาแหวนสวมใส่บนนิ้วที่ไร้ชื่อแล้วอย่างลำบากใจ
“นี่เป็นแหวนเพชรเหรอ? เท่าไหร่?”
“เงินยังไงก็ได้ คุณเบิกบานใจก็พอแล้ว”
ซูซูแบะปาก สำหรับเครื่องประดับและเงินทองเธอยังไม่มีแนวความคิดอะไรจริง ๆ
แต่จู่ ๆ บนนิ้วมีแหวนเพชรที่กระพริบแสงระยิบระยับเพิ่มขึ้นมาอย่างนี้อันหนึ่ง ในใจยังคงรู้สึกแปลก ๆ
ดูเหมือนฐานะของตัวเองไม่เหมือนกันแล้วอย่างนั้น
“แย่แล้ว พวกเราเพียงแค่ห่วงซื้อของให้ตัวเอง ของขวัญยังไม่ได้ซื้อ”
“รีบไป!”
เธอพูดอย่างอ่อนนุ่มแล้วดึงฉินเทียนพุ่งออกไป
มาถึงร้านของขวัญใกล้ ๆ ซื้ออาหารเสริมที่มีชื่อเสียงมากมาย นี่ถึงนั่งบนรถแท็กซี่ขับมุ่งหน้าไปที่ตระกูลหยาง
เวลานี้ ตระกูลหยางก็คือเลี้ยงฉลองกันนานแล้ว
หลี่เฟินดึงมือของหยางยู่หลันอยู่ หลังสอบถามสารทุกข์สุขดิบแล้วพูดเปลี่ยนหัวข้อ“น้องสาว เธออย่าโทษว่าฉันมาเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ
“เพื่อความสุขของซูซู ครั้งนี้ฉันไม่ทำอย่างนี้ไม่ได้”
“นักเรียนที่เรียนต่อกลับมาจากเคมบริดจ์ ที่บ้านทำธุรกิจมรดกครอบครัวนับร้อยล้าน”
“เป็นคนดีเด่นมาก สาว ๆ แย่งกันมาเสนอมากเท่าไหร่เค้าต่างก็ไม่ชอบ”
“คิดไม่ถึงฉันส่งรูปภาพของซูซูรูปหนึ่ง ชายหนุ่มพอมองแวบหนึ่งก็ถูกใจแล้ว เธอว่านี่ไม่ใช่บุญวาสนาที่ฟ้าประทานมาเหรอ?”
“ฉันเพิ่งโทรศัพท์เสร็จ ชายหนุ่มคนนั้นก็ทำงานเสร็จแล้วกำลังเดินทางมาแล้ว”
“น้องสาว เดี๋ยวเธอต้องกระตือรือร้นสักหน่อยนะ”
หยางยู่หลันในที่สุดก็ฟังออก หลี่เฟินนี่คือต้องการแนะนำคู่ครองให้กับซูซู
เธอพูดอย่างลำบากใจว่า“พี่สะใภ้ แต่ซูซูได้แต่งงานแล้วนะ”
“งั้นก็หย่ากัน!”
“คนแซ่ฉินเป็นใครถ้าเขากล้าเข้าประตูบ้านของฉัน ดูฉันจะตีขาของเขาให้หัก!”
นายท่านหยางเต๋อกวงมีใบหน้าที่โมโห