บัญชามังกรเดือด - บทที่ 738 วังตะวันออก
บัญชามังกรเดือด บทที่ 738 วังตะวันออก
ฉินเทียนพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “วางใจเถอะ เขาไม่ได้ไปตามล่าหยางต้าวหรอก น่าจะมีเรื่องอื่นมากกว่า”
“อีกสักสองสามวันก็น่าจะกลับมาแล้วหล่ะ”
หานหลิงพยักหน้าด้วยความกังวล เธอยังรู้สึกข้องใจอยู่ เดิมทีสำหรับเธอ การตอบตกลงแต่งงานกับเถียโถวมันก็เป็นเพียงแค่ข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เธอมั่นใจว่า หัวใจของเขาเป็นของหูเฟยตลอดไป และหัวใจของเธอได้ตายไปพร้อมกับหูเฟยไปนานแล้ว
แต่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงรู้สึกเป็นห่วงเถียโถวขึ้นมาแบบนี้
เหลิ่งหยุนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เขาคงไม่หนีการแต่งงานใช่ไหม?”
“ฉันมองออกว่า จริงๆ แล้วเขาเป็นคนด้อยค่าตัวเองมากๆเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำว่า “หนีการแต่งงาน” หานหลิงก็หน้าแดงขึ้นมาทันที จนทำตัวไม่ถูก
สักพักถึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หรือเป็นเพราะว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา!”
ฉินเทียนหัวเราะและพูดว่า “เอาหล่ะ เรื่องงานแต่งจะเตรียมการอะไรก็เตรียมการไป ฉันเชื่อว่า เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน”
“ส่วนเรื่องหยางต้าว___”
“ถ้าเป็นไปอย่างที่คิด ข้อมูลของเขาน่าจะมาถึงแล้ว”
ฮ่ะ?
ทุกคนต่างงงงวย
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากด้านนอก เสียงอันเคร่งขรึมจากประตูด้านนอกรายงานว่า “เรียนคุณชาย ฉันกลับมาแล้ว”
ฉินเทียนรีบพูดว่า “น้องชิงเฉินรีบเข้ามาเถอะ!”
ประตูถูกผลักออกชิงเฉินวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
เฟ่ยเทียนอิงอดสงสัยไม่ได้ “ด้านนอกมีบรรดาพี่น้องมังกรซ่อนรูปอยู่ตั้งมากมาย แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
“ทำไมถึงไม่มีการแจ้งเลย?”
ฉินชวนฝืนยิ้มและพูดว่า “ท่านอาจารย์ แกคิดว่าความแข็งแกร่งของพี่ชิงเฉินบรรดาพี่น้องที่อยู่ด้านนอกนั้นจะขวางเขาไว้ได้อย่างนั้นหรีอ?”
“เกรงว่าพวกเขาจะไม่ทันได้เห็นเขาเลยซะด้วยซ้ำ”
“คนพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!” เฟ่ยเทียนอิงบ่นอุบ หัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ยอดเยี่ยมมาก!”
“น้องชิงเฉินไว้พวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันนะ!”
“จริงสิ แกไปทำอะไรมา?”
ชิงเฉินมองฉินเทียนด้วยความกังวล ราวกับไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ หรือไม่ก็ไม่อาจแข็งใจที่จะพูด
ฉินเทียนถอนหายใจและพูดว่า “พวกเรารู้หมดแล้ว มีเรื่องอะไร แกก็พูดออกมาเถอะ”
“ครับ!”ชิงเฉินตอบรับเบาๆ และพูดว่า “กระผมได้รับคำสั่งให้ติดตามตัวหยางต้าว ไป เขาเดินทางออกจากเมืองฮั่นโดยไม่หยุดพักแม้แต่น้อย จนในที่สุด ก็เดินทางเข้าไปยังเมืองฉิน….”
หยางต้าวเดินทางเข้าไปยังเมืองฉิน!
เฟ่ยเทียนอิงและคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจ จากนั้นพวกเขาก็พร้อมใจกันมองไปยังฉินเทียนด้วยท่าทีอันสับสน
เมืองฉิน สำนักงานใหญ่ของตระกูลฉิน!
และยังเป็นบ้านเกิดของฉินเทียนอีกด้วย
ฉินเทียนพูดอย่างขมขื่นว่า “ฉันกับตระกูลฉิน ไม่ลงรอยกันมานานแล้ว”
“ฉันเคยคิดจะหลีกหนีจากพวกเขา ถ้าเป็นไปได้ ชั่วชีวิตนี้ คงจะไม่ขอเจอกันอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฉันจะไร้เดียงสาจนเกินไป”
“โชคชะตากำหนดไว้นานแล้ว อะไรที่จะต้องเกิด มันก็ต้องเกิด”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็โมโหขึ้นมา และพูดอย่างเสียงดังว่า “ในเมื่อพวกเขาทำลายตัวเองให้วิบัติ งั้นพวกเราก็สงเคราะห์พวกเขาหน่อยแล้วกัน!”
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง พวกแกไม่ว่าใครก็ไม่ต้องเข้ามายุ่ง!”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปด้วยความโกรธ
ทุกคนที่เหลือต่างมีสีหน้าตกตะลึง ไม่นานนัก เฟ่ยเทียนอิงก็ถอนใจและพูดว่า “แม้ว่าเขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน แต่ถ้าเทียบกับตระกูลฉินทั้งหมดแล้ว ก็ยัง….มากนัก”
“ฉินชวน แส้มังกรมีบุญคุณกับพวกเรา เขาทำให้พวกเราได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง การเผชิญหน้ากับตระกูลฉินในครั้งนี้ พวกเราจะปัดความรับผิดชอบไปไม่ได้!”
“แม้ว่าร่างกายจะต้องแหลกเหลว ยังไงพวกเราก็ต้องไปช่วยแส้มังกรอย่างสุดชีวิต!”
“ฟังคำพูดของฉันนะ ห้ามให้แส้มังกรได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยในดินแดนตะวันตกของพวกเราเป็นอันขาด!”
“ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!” ฉินชวนตอบรับอย่างเสียงดังด้วยความฮึกเหิม
“พวกแกรีบไปจัดการเถอะ ฉันจะไปดูเขาสักหน่อย” แววตาของเหลิ่งหยุนเต็มไปด้วยความทุกข์ และค่อยๆ เดินออกไป
……
เมืองฉิน เป็นชื่อเมืองที่ตั้งตามชื่อของตระกูลฉิน
ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นนำแถวหน้าของอาณาจักรมังกร ได้ทำบริหารที่นี่มานานหลายยุคหลายสมัย ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความมั่นคงแข็งแกร่งมานานแล้ว
ที่นี่ ตั้งแต่คนรวยและผู้มีอำนาจ ลงไปจนถึงพ่อค้าเร่และคนรับใช้ ทุกคนเกือบจะมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับตระกูลฉินแบบเชื่อมต่อโยงใยกันไปหมด
อาจกล่าวได้ว่า ตระกูลฉิน เป็นราชาของที่นี่ และเป็นราชาเพียงคนเดียวเท่านั้นก็ว่าได้
คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลฉิน มีพื้นที่กว่าหนึ่งร้อยไร่ พื้นที่บนยอดเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากคฤหาสน์ฉินแล้วยังมีบ้านพักวิลล่าที่ตั้งโดดเด่นเป็นอิสระอยู่ด้วยอีกหลังหนึ่ง
เนื่องจากทางตะวันออก เป็นสถานที่ที่ผู้สืบทอดตระกูลฉินพักอาศัยอยู่ ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะเรียกที่แห่งนี้ว่า วังตะวันออก
ผู้สืบทอดหลายยุคหลายสมัย ในวัยเยาว์จะมาเรียนหนังสือและฝึกศิลปะการต่อสู้กันที่นี่ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ออกจากวังตะวันออกและไปอยู่ที่คฤหาสน์ฉินแทน
ฉินเทียนเป็นลูกชายและหลานชายคนโตของตระกูลฉิน เขาเองก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
แต่เขาถูกขับไล่ออกไปอย่างน่าสงสารภายในระยะเวลาไม่ถึงสามปี
ตอนนี้ เจ้าของที่นี่คือ ฉินเปียว
ฉินเปียวเป็นน้องชายต่างมารดาของฉินเทียน แต่ในสายตาของคนส่วนใหญ่ในตระกูลฉิน เขาเป็นเจ้าชายที่สมคำร่ำลืมไปแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเปียวผู้มั่งคั่ง หลายคนคงลืมไปแล้วว่า ตระกูลฉินยังมีลูกชายและหลานชายคนโตอีกคนที่ชื่อว่า ฉินเทียน
“คุณชาย คุณจื่อฮวามาถึงแล้ว!”
“คุณจื่อฮวานำขิมมาด้วย!”
สาวใช้ในชุดสีเขียว วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยความตื่นเต้น
ภายในห้องโถง มีบรรยากาศโอ่อ่าหรูหรา ข้างโต๊ะหนังสือนั้นมีชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันคนหนึ่งยืนอยู่ ถือพู่กันที่ทำจากขนหมาป่า และกำลังคัดลอกหนังสืออย่างตั้งใจ
เมื่อได้ยินเสียงเรียก สาวใช้ในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบโบกมือเป็นสัญลักษณ์เตือนให้สาวใช้ชุดเขียวนั้นเงียบเสียงลง
แกรีบเดินก้าวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว และพูดเบาๆ ว่า “จื่อฮวามาแล้วหรือ? ให้เขาเข้าไปรอที่ศาลาเฟิ่งหมิงก่อนแล้วกัน”
“การฝึกสมาธิ กำลังจะเสร็จภายในไม่ช้า”
สาวใช้ในชุดสีเขียวมองชายหนุ่มร่างกายล่ำสัน ใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่นั้น และค่อยๆ มองตัวหนังสือที่สวยงามอันมีชีวิตชีวา แววตาของแกก็เต็มไปด้วยความหลงใหลและความเลื่อมใส
“การเขียนพู่กันของคุณชายดีขึ้นมากเลย”
“เห้อ ผู้ชายที่ดีเลิศแบบนี้ คาดว่าคงมีแต่คุณจื่อฮวาเท่านั้นที่เหมาะสมและคู่ควร”
สาวในชุดสีแดงยิ้มและพูดว่า “แต่งงานกับญาติหรือ? ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกัน น่าจะเป็นความจริงอันปฏิเสธไม่ได้”
เขากำลังจะพูดต่อ แต่ก็มีเสียงทุ้มๆ ดังมาจากทางโต๊ะหนังสือ
“ยัยเด็กสองคนนี้พูดจาอะไรไร้สาระลับหลังฉัน?”
“ฉันขอเตือนพวกแกไว้นะ ห้ามพูดจาทำให้คุณหนูจื่อฮวาต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาด”
สาวใช้สองคนนั้นแลบลิ้นและรีบพูดว่า “ข้าน้อยไม่กล้า”
ชายหนุ่มผู้นั้นอดทนจนเขียนอักษรตัวสุดท้ายสำเร็จ จากนั้นก็วางพู่กันขนหมาป่าลง และหัวเราะเสียงดังออกมา
“ไปเถอะ ไปศาลาเฟิ่งหมิงกัน!”
ชายผู้นี้ คือฉินเปียวนั่นเอง
มีข่าวลือว่า คุณชายเปียวของตระกูลฉินร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก เป็นโรคเกี่ยวกับไขกระดูก ดังนั้น คนตระกูลฉินจึงพยายามคิดหาวิธีเพื่อจะให้ได้หาซึ่งไขกระดูกของฉินเทียน
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่า ฉินเปียวจะมีรูปร่างที่แข็งแรงทรงพลัง ท่าทีองอาจและสง่างาม ไม่เห็นเหมือนคนป่วยตรงไหนเลย?
สองพี่น้องมีสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นใบหน้าของพวกเขาจึงมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้างเล็กน้อย
แต่ความหล่อเหลาของฉินเทียน เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใครเห็นก็รู้สึกจำเริญใจ
ตรงกันข้าม ใครเห็นฉินเปียวก็จะรู้สึกถึงความหยาบคาย แววตาทั้งคู่ ราวกับจงใจปิดบังซ่อนบางอย่างไว้ แต่บางทีก็เผยความโหดร้ายออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
เป็นเพราะเข้าใจนิสัยของเขา สาวใช้ชุดเขียวและชุดแดงทั้งสองคน แม้ว่าจะคุ้นเคยกับเขามากแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะทำให้ฉินเปียวต้องโกรธอย่างไม่ตั้งใจ
เพราะฉินเปียวนั้น เดี๋ยวก็มีท่าทีสุขุมเยือกเย็น แต่เดี๋ยวก็คลั่งอาละวาดราวกับสัตว์ดุร้าย สามารถระเบิดหัวคนได้เลยทีเดียว
พวกเธอเดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่ก็ไม่กล้าห่างมากจนเกินไป
ฉินเปียวหันมองระเบียงดอกไม้ และจู่ๆ ก็หยุดชะงักกะทันหัน เขาหรี่ตามองเด็กรับใช้ที่อยู่ไกลๆ คนหนึ่ง
“คุณชาย มีคนที่ชื่อหยางต้าวต้องการมาขอเข้าพบ!”
“ดูเหมือนเขาจะใช้ยาจนเกินขนาด ตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายแล้วเท่านั้น…..”
เด็กรับใช้คนนั้นตะโกนเสียงดังและรีบวิ่งเข้ามา