บัญชามังกรเดือด - บทที่ 740 ทาสสัตว์กลุ่มสาม
บัญชามังกรเดือด บทที่ 740 ทาสสัตว์กลุ่มสาม
“คุณชายช่างเฉลียวฉลาด!”
“เชิญตามฉันมา!”
ฮุยเฮ้อพยักหน้าด้วยความเคารพ และนำฉินเปียวเดินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของบ้านพักวิลล่าอย่างรวดเร็ว
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านหลังติดภูเขา ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังออกมาจากกลางภูเขา ที่ห่างไกลออกไป
เสียงนั้นไม่เหมือนเสียงร้องของสัตว์ป่าทั่วๆ ไป แต่มันเหมือนกับวิญญาณในนรก กลางวันแสกๆ ได้ยินแล้วยังรู้สึกสยดสยองพองขนเลย
ฉินเปียวมองไปยังภูเขาอันไกลโพ้น แววตาของเขาปรากฏความบ้าคลั่งอีกครั้งเหมือนกำลังถูกกระตุ้นด้วยเสียงของสัตว์ป่า
เขาพยายามระงับเอาไว้ และถามด้วยความตื่นเต้นว่า “วันนี้มีการฝึกซ้อมตามปกติไหม?”
“กลุ่มไหนครับ?”
ฮุยเฮ้อรีบตอบกลับไปว่า “กลุ่มสาม!”
“ผู้รับผิดชอบกลุ่มสาม ชื่อว่าเจ้าหัวแดง พวกเขาระหว่างการต่อสู้กับกลุ่มสี่เมื่อวันก่อน มีสมาชิกเสียชีวิตไปหนึ่งราย ทำให้สมาชิกในทีมขาดไปหนึ่งคน”
“ฉันไปหานักโทษที่ได้รับโทษประหารชีวิต และเอาไปขังไว้ในบ้านสัตว์เพื่อทำการฝึกฝนแล้ว”
“คนที่มีชีวิตรอดคนสุดท้ายนั้น ฉันจะเอาเข้าไปเสริมในกลุ่มสาม”
ฉินเปียวหัวเราะและพยักหน้า “แกทำถูกแล้ว”
“บรรดาทาสสัตว์ทั้งเจ็ดสิบสองคน ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว ถ้าขาดไปคนหนึ่งแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ใช่ทาสสัตว์เจ็ดสิบสองคนแล้วสิ”
“ครับ!” ฮุยเฮ้อรีบพยักหน้าตอบรับ
ที่เชิงเขา มีบ้านหินเตี้ยๆ แถวหนึ่ง ฮุยเฮ้อผลักประตูเหล็กของบ้านบานหนึ่งออก และเชิญฉินเปียวเข้าไป
ภายในบ้านมีแสงไฟสลัวสลัว ตกแต่งอย่างซอมซ่อ แม้แต่เตียงเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมบ้าน ยังทำจากก้อนหินเย็นๆ และปูทับด้วยฟางข้าวอีกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
คงไม่มีใครคาดคิดว่า วังตะวันออกของคฤหาสน์ฉินอันหรูหรานี้ จะยังมีสถานที่อันหนาวเหน็บแบบนี้อยู่อีกด้วย
ในตอนนี้ ภายใต้แสงไฟสลัว มีคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงหินอันเย็นเฉียบนั้น นั่นก็คือ หยางต้าว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขายังเป็นพี่ใหญ่แห่งฮั่นจงอันเกรียงไกรอยู่เลย ในวันนี้เสือร่วงลงสู่พื้นราบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขานอนตัวแข็งทื่อ กัดฟันจนแน่น ใบหน้าซีดขาว ดูไปแล้วคงจะอ่อนแอจนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายแล้วจริงๆ
เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ใช้ความรู้สึกสุดท้าย ค่อยๆ หันหน้ามามอง เมื่อเห็นว่าเป็นฉินเปียว เขาก็ตื่นเต้นดีใจจนอยากจะลุกขึ้นนั่ง
แต่ว่า เขาขยับตัวอะไรไม่ได้เลย
อ้าปากก็ยังเปล่งเสียงไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ฮุยเฮ้อพูดแนะนำเบาๆ ว่า “เขาถูกเฟ่ยเทียนอิงทำร้ายจนบาดเจ็บ ในช่วงเวลานั้น เขาได้ฉีดยาชนิดนั้นเข้าไปในร่าง จนดิ้นรนหนีรอดออกมาได้”
“แต่ระหว่างทางที่หลบหนีอยู่นั้น เขาได้รับบาดเจ็บจากลูกปืนของสมาชิกมังกรซ่อนรูป จึงทำให้เขาเสียเลือดอย่างมาก”
“ประกอบกับการเดินทางอย่างเร่งรีบโดยไม่หยุดพักเพื่อรีบให้มาถึงที่นี่ ดังนั้นสภาพของเขาเลยกลายเป็นเช่นนี้”
ระหว่างที่เขาพูด เขาก็ตำหนิหยางต้าวว่า “ที่แกมาวังตะวันออก เพราะอยากจะขอร้องให้คุณชายของพวกเราแก้แค้นให้แกใช่ไหม?”
หยางต้าวพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น และเปล่งเสียงที่ฟังไม่ค่อยชัดเจนออกมาจากลำคอ
แม้จะไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ในแววตาของเขา มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นอย่างแสนสาหัสสุดที่จะหาใดเปรียบได้
อีกเพียงแค่ก้าวเดียว เขาก็จะได้รับตำแหน่งสูงสุดในฮั่นจงแล้ว จากนั้นชีวิตของเขาก็จะกินอยู่อย่างสุขสบาย กลายเป็นเศรษฐีใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุด
แต่สุดท้าย กลับถูกฉินเทียนทำลายความฝันนั้นจนพังทลายไปหมด
เมื่อนึกได้ถึงตอนนี้ เขาก็โมโหบ้าคลั่งขึ้นมา!
ฉินเปียวหัวเราะเยาะ
“หยางต้าว ฉันรู้จักแกดี ไม่ว่าจะเป็นด้านการต่อสู้หรือด้านสติปัญญาก็ดี ก็ยังพอยอมรับกันได้อยู่”
“แต่ยังไงก็ตาม ในวังตะวันออก มันไม่จำเป็นต้องมีคนอย่างแกมากนักก็ได้”
“ทำไมฉันจะต้องเก็บหมาข้างถนนอย่างแกเอาไว้ด้วยหล่ะ?”
“จะว่าไป ที่แกถูกไล่ออกจากฮั่นจง และบากหน้ามาขอความช่วยเหลือฉันถึงที่นี่ ตอนนี้ พี่ชายที่แสนดีของฉันคนนั้น รวมถึงคนของมังกรซ่อนรูปตะวันตก ต้องคิดว่าฉันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ”
“แกทำแบบนี้มันเป็นการใส่ร้ายฉันไม่ใช่หรือ?”
“ดังนั้นฉันเลยคิดว่า เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน สิ่งที่ฉันควรเร่งรีบจัดการก็คือ ส่งแกให้กับมังกรซ่อนรูป แกคิดว่ายังไงหล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางต้าวก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เขาได้รับข้อมูลมาว่า ฉินเทียนถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน
ครอบครัวตระกูลฉินทั้งหมด โดยเฉพาะคุณชายรองอย่างฉินเปียวไม่เคยลงรอยกับฉินเทียน เขาเกลียดจนอยากจะฆ่าเสียให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะบากหน้ามาหาฉินเปียว เพราะคิดว่า ฉินเปียวจะต้องให้ภารกิจที่สำคัญอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงเลยว่าฉินเปียวจะพูดออกมาแบบนี้ หากฉินเปียวส่งเขาให้กับมังกรซ่อนรูปจริงๆ แล้วล่ะก็ ด้วยความผิดที่เขาก่อขึ้น เกรงว่าคงถูกแล่เนื้อเป็นหมื่นๆ ชิ้นแน่ๆ!
ภายใต้ความตื่นเต้นนั้น เขาก็พูดโพล่งออกมาว่า
“คุณชายรองได้โปรดเมตตาด้วย!”
“โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันจะพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมาให้ได้!”
พอพูดประโยคนี้จบ เขาก็เกิดอาการเหนื่อยหอบ จนพูดอะไรไม่ออกอีก
“จริงหรือ?” ฉินเปียวเลิ่กคิ้วขึ้น “ในเมื่อแกพูดออกมาเองแบบนี้ งั้นฉันจะให้โอกาสแกสักครั้ง เพื่อพิสูจน์คุณค่าในตัวแก”
“เอายาให้เขาสามโดส และพาเขาขึ้นภูเขาไป”
ฮุยเฮ้อตัวสั่นไปชั่วครู่ และพูดเบาๆ ว่า “คุณชาย สภาพของเขาในตอนนี้ จะรับอานุภาพของยาสามโดสได้หรือ?”
ฉินเปียวหัวเราะ “ถ้ารับไม่ได้ นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่มีคุณค่า”
พูดจบ เขาก็หันหลังและเดินออกไป อย่างไม่สนใจแม้แต่จะชายตามอง ราวกับหยางต้าวเป็นเพียงหนูทดลองที่ไม่มีความสำคัญอะไร
ถ้าการทดสอบสำเร็จ ก็แค่ดำเนินการในขั้นต่อไป แต่ถ้าไม่สำเร็จ ตายก็ตาย ช่างแมร่งมัน
“รับทราบ!” ฮุยเฮ้อโค้งตัวกล่าวตอบรับ จากนั้น ก็หยิบเอาเข็มฉีดยาขึ้นมา
เมื่อเห็นเข็มฉีดยาแล้ว แววตาของหยางต้าวก็ปรากฏถึงความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขามองฮุยเฮ้อที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว ด้วยแววตาของสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด เขาพึมพำขึ้นว่า “อย่านะ!”
“อย่าเข้ามานะ!”
ฮุยเฮ้อยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับปีศาจร้ายว่า “วางใจเถอะ ยาสามโดสนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด แต่เมื่อเทียบกับตัวที่แกเคยใช้ก่อนหน้านี้แล้ว มันดีกว่าเยอะ”
“รวมถึงหมาป่าหอนทุกตัวที่แพร่หลายกันอยู่ในยุทธภพ มันก็เป็นแค่ยาที่ด้อยคุณภาพที่พวกเราไม่ใช้แล้วทั้งนั้น…”
พูดพลาง เขาก็ปักเข็มลงไปที่แขนของหยางต้าวอย่างโหดเหี้ยม
เมื่อฉินเปียวออกจากห้องนั้นแล้ว ร่างกายของเขาก็สั่นไปทั้งตัว เขารีบมุ่งหน้าขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดนั้น ร่างกายอันสูงใหญ่ของเขา ราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากรง
ไม่นานนัก ก็มาถึงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง
บริเวณโดยรอบ มีเงาตะคุ่มตะคุ่ม ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่คอยคุ้มกันเขาอยู่อย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นเขาแล้ว ทุกคนต่างพากันคุกเข่าแสดงความคารวะด้วยความหวาดกลัว
ท่ามกลางหุบเขา กลับมีแสงสว่างไสว
เสียงร้องโหยหวนของหมาป่าเหมือนผีร้องไห้เป็นเสียงปกติทั่วไปของสัตว์ป่าเหล่านั้น ดังมาจากด้านล่าง
ตอนนี้ เสียงนั้นยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
ฉินเปียวรู้สึกกระวนกระวายใจ ราวกับสัตว์ร้ายที่สิงอยู่ในตัวของเขาได้กลิ่นคาวเลือด ภายใต้แสงไฟนั้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดขึ้นมา
เขารีบวิ่งลงไปพร้อมกับเสียงคำราม
ที่นี่คือบ้านสัตว์
เป็นสถานที่ที่เด็กรับใช้คนนั้นถูกถลกหนังออกนั่นเอง
เหตุผลว่าทำไมถึงต้องนำมาถลกหนังที่นี่ ก็เพราะว่า ศพที่ถูกถลกหนังเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันสามารถใช้ป้อนเป็นอาหารให้กับสัตว์ร้ายกินได้เลยทันที
รวมทั้งคนจำนวนมากที่ทำผิดและถูกฆ่าตายในวังตะวันออกนั้น ศพของพวกเขาก็จะถูกลำเลียงมาที่นี่ และให้บรรดาสัตว์ร้ายทั้งหลายแทะจนไม่เหลือซาก
สัตว์ร้ายที่กินเนื้อมนุษย์แล้ว ดวงตาของมันจะเป็นสีแดง และความดุร้ายของมันจะมีมากกว่าสัตว์ชนิดเดียวกันหลายเท่า
ตอนนี้ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่มีสภาพไม่ต่างจากนรก กำลังมีการแสดงของหมาป่าสีน้ำเงินฝูงหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์
ทั้งหมดมีแปดคน ซึ่งห้าคนในนั้นได้กลายเป็นศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหมาป่าสีน้ำเงินจำนวนหนึ่งกำลังแทะกัดกินศพเหล่านั้นเป็นอาหารอยู่ ช่างน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยจริงๆ
ส่วนที่เหลืออีกสามคน ตกใจกลัวจนสติหลุดวิญญาณเตลิด กรีดร้องอย่างน่าเวทนา พยายามหนีจากการไล่ล่าด้วยความหิวโหยจากหมาป่าพวกนั้น
ยังไงก็ตาม พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเสาเหล็กที่มีขนาดใหญ่เท่าลำแขนของเด็ก จะไปบนฟ้าก็ไม่มีทาง จะดำดินลงไปก็ไม่มีช่อง พวกเขาจนตรอกอย่างไม่มีทางหนีรอดไปไหนได้ ทำได้เพียงกัดฟันและเผชิญหน้าต่อสู้เท่านั้น
พวกเขาทั้งหมดเป็นนักโทษประหารที่ถูกฉินเปียวสรรหามาได้จากเรือนจำด้วยวิธีการอย่างลับลับ เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะมีโอกาสรอดชีวิตไปได้เสียอีก
คิดไม่ถึงว่า ที่นี่กลับกลายเป็นนรกบนดินนี่เอง
หากให้โอกาสพวกเขาได้กลับไปเลือกอีกสักครั้ง พวกเขาคงเลือกที่จะยอมถูกประหารชีวิตไปเลยดีกว่า อย่างน้อย มันก็เจ็บเพียงนิดเดียว
ด้านนอกกรงเหล็กนั้น มีสัตว์ประหลาดผมแดงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
“ไอ้สารเลว! ลุกขึ้นมาสิ! จะวิ่งหนีทำไมหล่ะ!”
“กัดมันเลย!”
“คนที่ยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย คนนั้นจะเป็นคนที่รอดชีวิต!”
“ยินดีต้อนรับสู่ทาสสัตว์กลุ่มสาม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เขาไม่มีความเป็นคนเลยเอาเสียเลย ยิ่งเขาได้เห็นคนข้างในถูกกัดอย่างน่าอนาถมากเท่าไร เขายิ่งมีความสุขมากเท่านั้น