บัญชามังกรเดือด - บทที่ 762 เชิญคุณออกคำสั่ง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 762 เชิญคุณออกคำสั่ง
สีหน้าของหยางหลิวเศร้าหมองและไม่พอใจ หล่อนนำพาฝูงชนที่กำลังแบกหามศพมาด้วยตัวหล่อนเอง มุ่งตรงไปยังจุดศูนย์กลางของจวนฉิน ห้องพิพากษา
สถานที่แห่งนี้ บุคคลที่มีความสามารถและทักษะที่โดดเด่นของยุคก่อนแห่งตระกูลฉินเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบต่อเรื่องราวภายในตระกูล
ในวันนี้ หยางหลิวต้องการเชิญนายหญิงใหญ่มาจัดการชี้ขาดเรื่องใหญ่เรื่องนี้!
ผู้นำแห่งซีเตี้ยนเสียชีวิต กระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้คนทั้งตระกูล ไม่ว่าศพจะเคลื่อนผ่านไปยังที่ใด ผู้คนต่างหวาดผวา
บ้านเก่าแก่ของตระกูลฉินไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมาเนิ่นนานมากแล้ว
หญิงชราต่งซวงจุนได้มานั่งอยู่ภายในห้องพิพากษา ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทั่วทั้งตระกูลฉินดูน่ายำเกรงและน่าเคารพ
การตายของซีเตี้ยนนั้นน่าเวทนาและรวดเร็วจนเกินไป!
ชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้เลย
ต่งซวงจุนนั้นมีผมขาวทั่วทั้งศีรษะ หน้าตาน่าเกรงขาม นายหญิงใหญ่ผู้นี้เข้ามาในตระกูลฉินตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่งงานกับฉินว่างจู่ผู้ที่เป็นปู่ของฉินเทียน หล่อนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตระกูลฉินมาเนิ่นนานนับหกสิบปีแล้ว
ในตอนที่หล่อนแต่งงานเข้าตระกูล ฉินว่างจู่นั้นยังไม่ได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน ท่ามกลางบรรดาเหล่าพี่น้อง เขานั้นไม่ได้เป็นคนที่ถูกโปรดปรานเสียด้วยซ้ำ
ภายใต้ความช่วยเหลือของต่งซวงจุนภรรยาที่เก่งและมากด้วยความสามารถ พยายามทำทุกวิถีทางและได้เข้ามาเป็นแกนหลักภายในตระกูล
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ในเวลานั้นฉินเทียนเพิ่งจะอายุกี่ขวบกันเชียว แต่สำหรับความทรงจำของปู่ฉินว่างจู่นั้นลึกซึ้งมาก
เพราะว่าปู่นั้นชื่นชอบเขามาก
เช่นนั้น เมื่อตอนที่เขายังเป็นคุณชายใหญ่ที่แท้จริงแห่งตระกูลฉิน นับได้ว่าเป็นผู้ที่ถูกสืบทอดมานานถึงสามชั่วอายุคน
แต่ทว่าฉินว่างจู่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นอาของฉินเทียน บุตรชายคนที่สองของต่งซวงจุน น้องชายของฉินฉีพ่อของฉินเทียน ฉินหลิน เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหันและหนีออกจากตระกูลไป
เหตุการณ์มากมายทำให้ต่งซวงจุนนั้นตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งความมั่นคง
วงศ์ตระกูลถูกเฝ้าจับตามอง ทำการวางแผนอย่างเปิดเผย บีบบังคับให้เธอสละตำแหน่งเจ้าบ้าน
แม้ว่าต่งซวงจุนนั้นจะเป็นเพียงผู้หญิงยิงเรือ แต่ทว่าก็เป็นหญิงที่มีความสุขุมและเด็ดขาด ต่อหน้าวงศ์ตระกูลเธอนั้นคอยถ่วงเวลา แต่ทว่าลับหลัง พ่อของฉินเทียนก็คือฉินฉีลูกชายคนโตของหล่อน หล่อนบอกกล่าวเรื่องราวการแต่งงานของตระกูลหยางแห่งเมืองกาน
ตอนนั้นแม่ผู้ให้กำเนิดฉินเทียน หลานจือ หล่อนล้มหมอนนอนเสื่อด้วยโรคภัยร้ายแรง
ฉินเทียนยังคงจำได้ งานแต่งยิ่งใหญ่ของพ่อ ผ้าไหมสีแดงและผ้าไหมหลากสีประดับบนร่างกาย ทั้งวงศ์ตระกูลร่วมเฉลิมฉลอง
เขาที่อายุเพียงไม่กี่ขวบเฝ้ามองแม่ที่ป่วย จ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวและร่างกายที่ผอมซูบ น้ำตารินไหลลงมาภายใต้ความเงียบ
“เทียนเอ๋อร์ไม่ร้องไห้”
“สักวันหนึ่งเทียนเอ๋อร์ของแม่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับในวันนี้ จวนฉินจะต้อบรับลูก…”
“เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ไม่สามารถเห็นสะใภ้เทียนเอ๋อร์ของแม่ได้อีกแล้ว”
“รับปากแม่ อย่าได้กล่าวโทษพ่อของลูก…”
ฉินเทียนในวัยเยาว์ปาดน้ำตา กัดฟันแน่นและเอ่ย “ต้องโทษหญิงร้ายผู้นั้น!”
“เป็นคนที่บังคับให้พ่อของผมต้องแต่งงานกับนังจิ้งจอกคนนั้น!”
รอยยิ้มของหลานจือจืดจาง เวลาผ่านไปชั่วขณะ จากนั้นหล่อนถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนี้ เก่งกาจไม่แพ้ผู้ชาย!”
“มีหล่อนอยู่ ตระกูลฉินจะไม่มีทางล่มสลาย!”
ฉับพลันหล่อนแสดงสีหน้าบึ้งตึงและมีท่าทีโกรธเคือง “ลูกไม่ได้รับอนุญาตให้ดูหมิ่นและไม่เคารพต่อหล่อน หล่อนคือย่าของลูก!”
“แล้วก็หลังจากที่แม่จากไปแล้ว ลูกจงจำไว้ จะต้องเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้น หล่อนคือแม่ของลูก เข้าใจหรือไม่?”
ขณะเอ่ย หล่อนมีอาการไออย่างรุนแรง
ในเวลาต่อมา ผู้เป็นแม่ก็ได้จากไปด้วยอาการป่วย
หยางหลิวได้ให้กำเนิดฉินเปียว แม่และลูกได้รับความโปรดปราน ฉินเทียนลูกคนโตและหลานคนโตนั้นถูกลดระดับความสำคัญลง…
คนหนึ่งคือนายหญิงใหญ่
คนหนึ่งคือคุณหญิง
ตอนนั้นนายหญิงใหญ่สามารถควบคุมสถานการณ์ ห้ามปรามและยับยั้งวงศ์ตระกูลได้เนื่องจากการพึ่งพาอาศัยการแต่งงานนี้
ตระกูลหยางของหยางหลิวแห่งเมืองกาน แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลฉิน แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับสองแห้งซีเป่ย
ตลอดหกสิบปี ต่งซวงจุนเผชิญหน้าต่อเรื่องราวต่างๆและได้รับประสบการณ์มากมายภายในตระกูลฉิน
เธอสามารถยืนหยัดได้จนถึงทุกวันนี้และเธอยังสามารถจัดการควบคุมผู้คนทั้งหมดได้อีกด้วย ความกล้าหาญและทักษะฝีมือของเธอนั้นเด่นชัดเป็นที่ประจักษ์
ในเวลานี้ เมื่อมองไปยังศพที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ใด นัยน์ตาล้ำลึกคู่นั้นทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดเดาสิ่งใดได้
“คราแรกคือเจิ้นเทียนหนาน ต่อมาคือมือสายฟ้า”
“ส่วนครานี้ฉินเทียนเพ่งเล็งกรงเล็บปีศาจร้ายไปยังราชาซีเตี้ยน”
“ภายในคืนเดียวเขาสังหารผู้คนไปถึงสามสิบแปดคน!”
“กระทำเลวทรามเช่นนี้ โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ควรจัดการเช่นไร นายหญิงใหญ่ คุณจะกล่าวว่าอย่างไร”
“หากครั้งนี้คุณยังคงอดทนอดกลั้นต่อการกระทำเช่นนี้ ฉันเกรงว่าทุกคนคงจะไม่ยินยอม ทุกคนต่างได้รับความกระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจ”
หยางหลิวคุกเข่าอยู่ด้านหน้า เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ดูเหมือนว่าเป็นการขอร้องอ้อนวอน แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่คือการบังคับและไล่ต้อน
ซีเตี้ยนนั้นเป็นรากฐานของพวกเขาสองแม่ลูก!
ตายจากไปกะทันหันแบบนี้ สำหรับหล่อนแล้วเป็นเสมือนเสาขนาดใหญ่ได้ถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องการให้นายหญิงใหญ่เอ่ยปากของคำสั่งด้วยตัวเอง ใช้กองกำลังที่จำเป็นทั้งหมดไปสังหารฉินเทียน!
ในอีกด้านหนึ่ง วันนี้ฉินเทียนทำให้หล่อนรู้สึกตกใจมากเกินไป!
ฉินเทียนนั้นไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์อย่างเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว
ฉินเทียนเข้าประชิดตระกูลฉินเช่นนี้ ต้องการทำอะไรกันแน่?
เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าฉินเทียนต้องการกลับเข้ามาภายในตระกูล ช่วงชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน เธอจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
เพราะเจ้าบ้านตระกูลฉินในอนาคตนั้นต้องเป็นลูกชายของเธอเท่านั้น
“ได้โปรดนายหญิงใหญ่ออกคำสั่ง!”
“พวกเรายินดีที่จะพาคนไปจับกุมฉินเทียน!”
ทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้าง อย่างน้อยก็เท่ากับความสำคัญครึ่งหนึ่งของตระกูล คุกเข่าลงขอรับคำสั่ง
พวกเขานั้นเป็นพรรคพวกเดียวกับหยางหลิว คอยสนับสนุนฉินเปียว ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน
สี่ราชาจากห้าราชา จินตูน หยินจ๋า เถียหยิง ถงจิ่ง ต่างนิ่งเงียบและไม่กล่าวสิ่งใด
ซีเตี้ยนอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา ตอนนี้ตอนอย่างน่าอนาถ พวกเขาต่างก็มีความรู้สึกถ้าไม่มีริมฝีปาก ฟันก็จะหนาว[1]
ทุกคนกำลังรอคอยคำสั่งจากนายหญิงใหญ่
ตงซวงจุนกวาดสายตามองอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็เอ่ยปาก
เหนือความคาดหมายของทุกคน นายหญิงใหญ่ที่แข็งแกร่งมาก น้ำเสียงของหล่อนสงบนิ่ง เมื่อได้ฟังแล้วราวกับว่าไร้ซึ้งความโกรธเคือง
คำที่กล่าวออกมานั้นทำให้ผู้คนประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
“จัดงานฌาปนกิจอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่ซีเตี้ยน”
“ในเมื่อเขาตายไปแล้ว ธุรกิจที่เขาครอบครองดูแลอยู่ทั้งหมดก็มอบให้ราชาถงจิ่งเป็นคนจัดการดูแล”
ซีเตี้ยนตายอย่างน่าอนาถ ในวินาทีแรกนายหญิงใหญ่นั้นไม่ได้ต้องการล้างแค้นให้กับเขา แต่กลับหาคนเข้ามาดูแลธุรกิจของเขา
และคนผู้นั้นก็คือราชาถงจิ่งที่มีอายุเกือบเจ็ดสิบปี!
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง สีหน้าของพวกเขาต่างก็แสดงออกถึงความยากจะเชื่อ
หยางหลิวอ้าปากกว้างมากขึ้นกว่าเดิม สงสัยว่าหูของเธอนั้นฟังผิดไปหรือไม่
“นายหญิงใหญ่ ฉัน—” ร่างกายของถงจิ่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง รีบร้อนต้องการอยากจะกล่าวบางสิ่ง
“ทำไม คุณไม่ยินดีงั้นหรือ?”
“ไม่ยินดีที่จะทำงานให้กับตระกูลฉินงั้นหรือ?” นายหญิงใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่ใช่!”
“ถงจิ่งได้รับความเมตตากรุณาจากตระกูลฉิน ชีวิตนี้ทำเพื่อตระกูลฉิน จะพยายามทำให้ดีที่สุด แม้ตัวตายก็ยินดี”
“เพียงแต่—-”
นายหญิงใหญ่เอ่ยอย่างเย็นชา “ยังจะพูดพล่ามสิ่งใดอีก!”
“ให้คุณทำ คุณก็แค่รับผิดชอบและทำไปเสีย!”
“ทำได้ดี ตระกูลฉินจะมอบรางวัล แต่หากทำได้ไม่ดี จะถูกลงโทษอย่างสาสม!”
ถงจิ่งทำได้เพียงแค่โค้งคำนับและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “รับทราบ!”
เมื่อรู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขา ใบหน้าของถงจิ่งแดงเรื่อ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผาก
พละกำลังที่ซีเตี้ยนครอบครองนั้นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในบรรดาห้าราชา อีกทั้งเขายังเป็นคนของหยางหลิว
ปัจจุบันนี้พื้นผิวภายนอกตระกูลฉินนั้นยังคงเป็นปึกแผ่นเดียวกัน แต่ทว่าสถานการณ์ตอนนี้กลับแยกออกเป็นสามกองกำลังขนาดใหญ่
กองกำลังแรก แน่นอนว่าเป็นนายหญิงใหญ่ ตำแหน่งของเธอนั้นยังไม่สั่นคลอน
ในอีกด้านหนึ่ง ราชาจินตูนผู้นำแห่งห้าราชาคอยช่วยเหลือเธอด้วยความซื่อสัตย์ อีกด้านหนึ่ง ข้างกายนายหญิงใหญ่ยังมียอดฝีมือผู้อื่น
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เธอยังครอบครองความแข็งแกร่งบางอย่างที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
กองกำลังสองนั่นก็คือหยางหลิว และฉินเปียวสองแม่ลูก พวกเขาต้องการครองตำแหน่งเจ้าบ้าน และคาดหวังมาโดยตลอดว่าพวกเขาสามารถครองตำแหน่งนี้ได้
กองกำลังสามในนามเจ้าบ้านฉินฉี
ในบรรดากองกำลังหลักทั้งสาม ความแข็งแกร่งของฉินฉีนั้นนับได้ว่าน้อยที่สุด แทบจะกล่าวได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
ตอนนี้นายหญิงใหญ่ได้มอบตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้ให้กับถงจิ่ง ราวกับว่าเป็นการทำลายความสมดุล
นี่ไม่ใช่การวางเขาลงบนเตาไฟแล้วย่างเขาหรอกหรือ!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสองแม่ลูกหยางหลิว พวกเขาไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างแน่นอน
ถ้าไม่มีริมฝีปาก ฟันก็จะหนาว[1] หมายถึง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่จะขาดจากกันไม่ได้ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน