บัญชามังกรเดือด - บทที่ 765 ลูกชายที่ดีทั้งสองคน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 765 ลูกชายที่ดีทั้งสองคน
“รับฟังคำสั่ง!”
นายหญิงใหญ่โกรธเคืองมาก ทุกคนตอบรับคำสั่ง
แม้ว่าหยางหลิวนั้นจะไม่ยินยอม แต่ทว่าเมื่อครุ่นคิดแล้วนายหญิงใหญ่เองก็กล่าวถูกต้อง
ในวันนี้ฉินเทียนและมังกรซ่อนรูปนั้นร่วมมือกัน นั่นคือสถานการณ์ที่รับมือได้ยาก ไม่ว่าตระกูลฉินนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดศึกกับมังกรซ่อนรูปได้หรอก?
แต่ด้วยมังกรซ่อนรูปที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาเองก็ยากที่จะจัดการฉินเทียน
ระยะเวลาหนึ่งเดือน นายหญิงใหญ่สามารถใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์เก่า ให้ผู้อาวุโสและสมาชิกระดับสูงออกคำสั่งให้ละทิ้งความสัมพันธ์ที่มีต่อฉินเทียน
เมื่อถึงเวลานั้นฉินเทียนก็จะอยู่เพียงลำพัง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นไม่สามารถจัดการได้ อยากจะจัดการอย่างไรก็จะจัดการอย่างนั้น?
กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1] อาจกล่าวได้ว่าการลงมือนี้มีทั้งความเฉียบขาดและพิษร้าย
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้หยางหลิวนั้นวางใจนั่นก็คือในเมื่อนายหญิงใหญ่สามารถลงมือกับฉินเทียนได้อย่างโหดเหี้ยม นั่นสามารถกล่าวได้ว่าภายในหัวใจของหล่อนั้นไม่มีหลานชายคนโตอยู่เลย
เธอยังคงกังวลว่านายหญิงใหญ่จะลังเลและต้อนรับฉินเทียนกลับมา
หยินจ๋าเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความปีติ อย่างไรเสียนายหญิงใหญ่ก็ได้มอบหน้าที่จัดการฉินเทียนให้แก่เขา
ตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้จริงๆว่าต้องทำอย่างไร
ตอนนี้ถ้าหากถอดร่มป้องกันของมังกรซ่อนรูปออกไป ฉินเทียนก็จะอ่อนแอและไม่สามารถทำสิ่งใดได้ อีกทั้งภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนก็เพียงพอสำหรับการเตรียมตัวของเขา
เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนี้ เขาเอ่ยเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง “นายหญิงใหญ่โปรดวางใจ!”
“หนึ่งเดือนหลังจากนี้ฉันรับรองว่าจะจับเป็นฉินเทียนมาให้ได้ นำตัวเขาไปยังโถงบรรพบุรุษ ให้เขายอมรับการลงโทษต่อหน้าบรรพบุรุษของตระกูลฉิน!”
ต่งซวงจุนพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง หล่อนยืนขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเท่าไรนัก “หยางหลิว บอกเปียวเอ๋อร์ด้วย”
“ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ฉันไม่อนุญาตให้เขาก่อเรื่องวุ่นวายอีก!”
“เรื่องทุกอย่างค่อยคุยหลังจากผ่านพ้นหนึ่งเดือนนี้ไป”
ขณะเอ่ย หล่อนหันหลังและเดินจากไป
“คารวะนายหญิงใหญ่!” ทุกคนโค้งคำนับลงอีกครั้ง
นายหญิงใหญ่ที่กำลังจะเดินไปด้านหลัง ฉันพลันเอ่ยด้วยเสียงดังและน้ำเสียงนั้นฟังดูโกรธเคือง “ราชาถงจิ่ง คุณสามารถไปยังเขาด้านนอกเมืองและบอกคนผู้นั้นได้”
“บอกไปว่าเขาให้กำเนิดลูกชายที่ดีทั้งสองคน!”
“ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ขุดรื้อรากฐานของตระกูลฉินล้วนแต่เป็นพวกฝีมือดี!”
ถงจิ่งชะงักงันและเอ่ยเสียงดัง “รับคำสั่ง”
นายหญิงใหญ่จากไป ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ราวกับว่าฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
หยางหลิวยิ้มพลางเอ่ย “ราชาถงจิ่ง รบกวนคุณช่วยมาที่ห้องพระของฉันสักครา”
ถงจิ่งนิ่งงันไปชั่วขณะและเอ่ยด้วยท่าทีอึดอัด “คุณหญิงมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
หยางหลิวยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่ว่านายหญิงใหญ่ต้องการให้คุณไปบนเขาหรอกหรือ? ไม่ว่าจะพูดอย่างไรคนผู้นั้นคือสามีของฉัน”
“ไม่เจอกันเนิ่นนาน ภายในหัวใจก็ยังคงเป็นห่วง”
“คุณกำลังจะไปเยี่ยมเยียน ฉันจะเตรียมสิ่งของเล็กน้อยไว้ให้เขา รบกวนคุณช่วยนำมันไปด้วย”
ถงจิ่งไร้หนทางปฏิเสธ ทำได้เพียงแค่พยักหน้าและเอ่ย “ตกลง”
บริเวณด้านหลังของหยางหลิว ใบหน้าของถงจิ่งนั้นเหี่ยวย่นราวกับมะระขมอย่างไรอย่างนั้น รบกวนให้เขานำสิ่งของอะไรกันล่ะ คำขอร้องนั่นก็แค่เปลือกนอก
จุดประสงค์ที่แท้จริงของหยางหลิวนั่นคือการสร้างความสัมพันธ์กับเขาอย่างแน่นอน
หากไม่สามารถตีสนิทเขาได้ หล่อนก็จะใช้วิธีการกดดันและข่มเหงเขา
ในตอนที่ราชาซีเตี้ยนยังไม่ตาย หยางหลิวและฉินเปียวได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางในการดึงเขาเข้าไปเป็นพวก แม้กระทั่งการส่งยอดฝีมือตามสอดส่องเขา
แม้ว่าถงจิ่งทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ทว่าปัญหานั้นก็ยืดเยื้อและน่ารำคาญมาก
ตอนนี้ก็ดีแล้ว ซีเตี้ยนตายแล้ว ธุรกิจและมรดกของเขานั้นก็ส่งมอบให้แก่ตนเอง ตอนนี้ตัวเขานั้นเลยกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญของหยางหลิวและฉินเปียว
ครั้นได้นึกถึงความขมขื่น ภายในหัวใจของถงจิ่ง ไม่รู้ว่าก่นด่าฉินเทียนว่าเป็นไอ้สารเลวไปมากมายกี่ครั้ง
ไอ้สารเลวชาติชั่ว ลงมืออย่างโหดเหี้ยมและไร้ความปราณี!
นายสังหารด้วยความกระปรี้กระเปร่าทำให้ฉันต้องพลอยซวยไปกับแกด้วย!
ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว เคยช่วยปู่ของนายให้ได้รับตำแหน่ง อีกทั้งยังปกป้องตำแหน่งของพ่อนายไว้ ตอนนี้ฉันแก่แล้วก็ยังไม่ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ยังต้องมาทนทุกข์กับเรื่องของไอ้สารเลวตัวน้อยทั้งสองคนของพวกนาย
บาปกรรม!
ชาติที่แล้วฉันติดหนี้อะไรตระกูลฉินของพวกนาย ทำไมพวกนายทั้งสามชั่วอายุคนถึงต้องมาสร้างความรำคาญใจให้แก่ฉัน!
“ราชาถงจิ่ง สำหรับแผนการของนายหญิงใหญ่ ราวกับว่าคุณดูไม่พอใจไม่น้อย”
“ฉันรู้สึกว่าคุณผู้แก่ชราทำงานหนักเพื่อตระกูลฉินมาเกือบทั้งชีวิต คุณควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสียที ไม่ควรกังวลใจให้มากนัก”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะลองไปพูดคุยกับนายหญิงใหญ่ บอกกับหล่อนว่าทรัพย์สินของซีเตี้ยนไม่ต้องมอบให้กับคุณ” ทันใดนั้นหยางหลิวหันกลับมาและเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
จะเห็นได้ว่าแม้มีความเป็นไปได้เล็กน้อย เธอเองก็ไม่ต้องการเห็นว่าถงจิ่งนั้นยอมรับในทรัพย์สินของซีเตี้ยน
เพราะการที่ถงจิ่งคว้าทรัพย์สินนั้นเธอจะไม่มีความมั่นใจ
คนที่จะถูกเลือกในความคิดของเธอนั่นก็คือหยินจ๋า
หัวใจของถงจิ่งกระชับแน่น เขารีบโค้งคำนับในทันใดและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหญิงกล่าวเช่นไรได้อย่างไร”
“แม้ว่าฉันนั้นไม่ได้ใช้สกุลฉิน แต่ทว่าได้รับความรักความเมตตาของตระกูลฉิน ชีวิตนี้เกิดมาเป็นคนของตระกูลฉิน หากจะตายก็จะยอมตายในฐานะผีของตระกูลฉิน”
“แผนการของนายหญิงใหญ่ ฉันจะทำอย่างสุดความสามารถ!”
หยางหลิวกัดฟันและสาปแช่งในใจ แต่ภายนอกเธอทำได้เพียงยิ้มราวกับดอกไม้ผลิ
“เช่นนั้นก็ดี”
“เช่นนั้นก็ลำบากราชาถงจิ่งแล้ว”
“คุณวางใจ เมื่อเปียวเอ๋อร์ของฉันได้เป็นเจ้าบ้าน ฉันจะให้เขานั้นปฏิบัติต่อคุณอย่างดีแน่นอน”
ถงจิ่งหรี่สายตา จากนั้นสายตาของเขาชำเลืองมองไปทางวังตะวันออก เอ่ยด้วยความกังวล “คุณชายเปียวนั้นเป็นอะไรงั้นหรือ?”
“เขาหลับใหลไม่ได้สติ ไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรอกใช่หรือไม่?”
หยางหลิวยิ้มและเอ่ย “ไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไร”
“เด็กคนนี้ป่วยตั้งแต่ยังเด็ก ฉันชินแล้วล่ะ”
หล่อนเห็นว่าถงจิ่งนั้นพูดจาไร้ช่องโหว่ เช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามลองเชิงสิ่งใดอีก อีกอย่างบนทางเดินนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับการพูดคุย หล่อนจึงเงียบปากและเดินไปทางห้องพระด้วยความรวดเร็ว
ในสายตาของคนรับใช้หลายคนของตระกูลฉิน นายหญิงนั้นเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาสูงส่ง
ภายในห้องพระ หยางหลิวถวายเครื่องหอมด้วยความเคารพและพึมพำสองสามประโยค ราวกับว่าเป็นการรำลึกถึงซีเตี้ยน
จากนั้นหล่อนจ้องมองถงจิ่ง ท้ายที่สุดหล่อนก็หยุดท่าทีเสแสร้งนั้นและเลิกเดินเป็นวงกลม
“ฉันไม่อาจทนได้ เห็นคุณเป็นชายชราภายในตระกูลและอายุมากขนาดนี้ แต่ยังต้องทำงานลำบากยากเข็ญ”
“การรับสืบทอดทรัพย์สินและธุรกิจของราชาซีเตี้ยนนั้นคืองานใหญ่”
“ดังนั้นฉันจะแนะนำคนผู้หนึ่งมาช่วยเหลืองานของคุณ”
“บังเอิญว่าคนผู้นี้คุ้นเคยกับทรัพย์สินและอิทธิพลของราชาซีเตี้ยน น่าจะช่วยเหลือคุณได้มากโข”
“คุณคิดว่าอย่างไร?”
มาแล้ว!
ในท้ายที่สุดก็มาแล้ว!
ถงจิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแต่ยากที่จะกล่าวได้ ทำได้เพียงเอ่ย “ทางด้านนายหญิงใหญ่—-”
หยางหลิวเอ่ยตัดบทสนทนาเขา “ไม่เกี่ยวอะไรกับนายหญิงใหญ่ เพียงแค่ฉันอยากช่วยคุณก็เท่านั้น”
“ทำไม หรือว่าคุณไม่ยินยอมงั้นหรือ?”
ถงจิ่งยิ้มขื่นขมและเอ่ย “ไม่รู้ว่าคนที่คุณหญิงเอ่ยถึงนั้นคือใคร”
หยางหลิวยิ้มและเอ่ยเรียก “ยายแม่มด”
“อยู่นี่ค่ะ!” น้ำเสียงแข็งทื่อและหดหู่พลันดังขึ้น ยายแม่มดผิวหนังเหี่ยวย่นและผมขาว เดินเข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
หยางหลิวนั้นไม่ได้เอ่ยถามความเห็นของถงจิ่ง หล่อนออกคำสั่ง “ราชาถงจิ่งจะยอมรับทรัพย์สินและอำนาจของซีเตี้ยน เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างซับซ้อน ฉันเกรงว่าสิ่งนี้จะเหนือบ่ากว่าแรงของเขา”
“รบกวนยายแม่มดช่วยเป็นผู้ช่วยของเขาด้วย”
“ยายแม่มด ราชาถงจิ่งนั้นเป็นชายชราที่มียศถาบรรดาศักดิ์และเป็นคนสำคัญของตระกูลฉิน คุณต้องช่วยเหลือเขาอย่างสุดความสามารถ อย่าให้มีข้อบกพร่อง!”
“ฉันน้อมรับคำสั่ง!”
“ได้โปรดคุณหญิงวางใจ ฉันจะให้ความช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับราชาถงจิ่ง!”
เมื่อมองไปยังถงจิ่ง ยายแม่มดพลันยิ้มเล็กน้อย
ราวกับว่าหญิงสาวในวัยแรกแย้มได้พบรักกับชายหนุ่มที่ตนหมายปอง
ถงจิ่งชะงักงัน ร่างกายของเขาขนลุกชูชันในทันที “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณหญิง”
“คุณหญิง จวนถึงเวลาแล้ว ฉันต้องรีบไปยังภูเขาและถ่ายทอดคำพูดของนายหญิงใหญ่”
“มีสิ่งใดต้องการให้นำพาไปด้วย คุณรีบบอกมาเถอะ”
กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1] หมายถึง เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการพิเคราะห์เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกสงคราม ถ้ากองทัพมีน้อยกว่าควรพึงหาทางบั่นทอนขวัญกำลังใจและความฮึกเหิมของศัตรูให้ลดน้อยถอยลง