บัญชามังกรเดือด - บทที่ 788 เวรกรรมตามสนอง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 788 เวรกรรมตามสนอง
ช่วงเวลานั้น เสียงหมาป่าหอนดังต่อกันเป็นระลอกราวกับกระแสน้ำที่ซัดเข้าฝั่ง เสียงดังพรั่งพรูไปทั่วอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ไม่รู้ว่ามีหมาป่าอยู่มากมายเท่าไรที่กำลังบุกจู่โจมเข้ามา ราวกับหุบเขาแห่งนั้นกำลังสั่นสะเทือนไปทั่ว
“แย่แล้ว ราชาหมาป่าหัวเสือกลับมาแล้ว!”
“เร็วเข้า เตรียมพร้อมต่อสู้!” ฉินเปียวตะโกนเสียงดัง ในตาของเขาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น หรือเป็นเพราะความหวาดกลัวกันแน่
เลี่ยวเจี๋ยและคนอื่นๆ พึ่งจะรู้สึกตัวเลยหนีขึ้นบนต้นไม้ไม่ทัน ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่า บริเวณปากทางหุบเขานั้น มีร่างร่างหนึ่ง พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู
ด้านหลังของร่างนั้นเป็นสีดำทมิฬ จำนวนมหึมา ดูไม่รู้เลยว่ามีจำนวนหมาป่ามากน้อยแค่ไหนที่กำลังวิ่งตามอยู่ด้านหลังร่างๆ นั้น
พวกมันแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างสยดสยองจนน่าขนลุก ดวงตาสีแดงท่ามกลางความมืด กลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง ราวกับภูตผีปีศาจที่หลุดมาจากขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น
หรือว่า คนผู้นี้เป็นผู้ล่อให้หมาป่าพวกนี้กลับมากันแน่นะ?
เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล พวกเขาเลยมองลักษณะของคนที่อยู่ด้านหน้าได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่รู้สึกว่าเป็นร่างที่สวยงามมากแค่นั้น
เมื่อเข้าไปใกล้อีกหน่อย จู่ๆ เลี่ยวเจี๋ยก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ชุดทาสสัตว์….เป็นคนของพวกเราหรือ?”
คนผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำขึ้นมาเฉพาะทาสสัตว์ของพวกเขา แต่ด้วยผมของเขายาวจนปิดหน้า เลยมองเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก
“น้องชายผู้นี้ เธอเป็นคนของ หลิวเหมิงหรือหม่าเมี้ยน?”
“แล้วหัวหน้าทีมของพวกแกหล่ะ?”
“รีบวิ่งเร็วเข้า หมาป่ากำลังไล่ตามมาติดๆแล้ว!”
เลี่ยวเจี๋ยไม่ทันได้คิดถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ แถมยังเอ่ยปากเตือนอย่างโง่เขลา เวลานี้ฉินเปียวที่อยู่บนต้นไม้ก็รู้สึกโกรธจนหน้าเขียวไปหมด
เขาตะโกนอย่างเสียงดังว่า “ไสหัวกลับไปซะ!”
“ไม่ว่าแกจะเป็นใครก็ตาม รีบไสหัวกลับไปซะ!”
“อย่าพาฝูงหมาป่ามาทางนี้!”
อย่างไรก็ตาม มันสายไปเสียแล้ว ฝูงหมาป่ากองมหึมาประเดประดังไหลเข้ามากลางหุบเขาราวกับสายน้ำ
“คุณชาย ช่วยฉันด้วย!” คนที่อยู่ด้านหน้าผู้นั้นร้องตะโกนเรียก
น้ำเสียงฟังดูชื่นชมยินดี ราวกับนกขมิ้นออกจากรัง มันช่างไพเราะเสียเหลือเกิน!
ไม่คิดเลยว่า จะเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง!
นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?
หญิงสาวผู้นี้มาจากไหน?
เลี่ยวเจี๋ยและคนอื่นๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ้มอย่างนุ่มนวล จู่ๆ เธอก็สะบัดมือออก และมีด้ายสีเงินพุ่งออกมากลางอากาศ พันเข้ากับกิ่งไม้สูงท่อนหนึ่ง ส่วนตัวเธอก็เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลและว่องไวราวกับนกนางแอ่น ทะยานขึ้นสู่กลางอากาศ
ฝูงหมาป่าตะลึงไปชั่วขณะ คิดจะล่าถอย แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
นอกจากนี้ พวกมันยังเจอศพของเพื่อนที่ตายอย่างอนาถกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นเต็มไปหมด
รวมทั้งฉินเปียวและคนอื่นๆ ที่ถือมีดอยู่ในมือนั้น ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือด ฝูงหมาป่าโกรธจัดจนแทบจะระเบิด!
พวกมันลืมที่จะไล่ตามหญิงสาวบนต้นไม้นั้นไปชั่วขณะ และกลับพุ่งเข้าใส่ฉินเปียวและคนอื่นๆ แทนด้วยความดุร้าย
หญิงสาวที่อยู่บนต้นไม้ คือเหลิ่งหยุนนั่นเอง ต้องบอกว่า ราชินีงูผู้นี้ช่างกล้าหาญและช่างใจกล้าเสียเหลือเกิน!
หลังจากที่เธอแอบซุ่มเข้าใกล้ฉินเปียวและคนอื่นๆ แล้ว เธอก็ได้รู้ถึงแผนการของฉินเปียวและพวกของเขา เธอเลยทำการตัดสินใจอย่างกล้าหาญลงไป นั่นคือ ล่อให้ราชาหมาป่าและฝูงหมาป่ากลับมา เพื่อให้พวกมันไปจัดการกับฉินเปียว
แผนการนี้ ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่อันตรายนั้น ไม่ต้องพูดก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ผู้หญิงคนเดียว ต้องกระตุ้นหมาป่าหลายร้อยตัว ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหมาป่าตัวผู้ที่โตเต็มวัยและเต็มไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนอีกด้วย
หากประมาทเพียงเล็กน้อย อาจถูกฉีกร่างได้อย่างง่ายๆ ภายในพริบตา
ทีแรกเธอรู้สึกว่ามันตื่นเต้นดี และไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น
เวลานี้ เธอยืนอยู่บนยอดไม้ และเมื่อมองลงไปด้านล่างได้เห็นกับฉากอันน่าเวทนานั้นแล้ว เหลิ่งหยุนถึงเริ่มรู้สึกนึกกลัวขึ้นมา
หมาป่าเหล่านี้ ช่างโหดเหี้ยมเสียเหลือเกิน!
หมาป่าจำนวนนับร้อยห้อมล้อมคนที่มาสิบกว่าคนรวมถึงฉินเปียวด้วย พวกมันกระโจนตะครุบพร้อมเข้าสังหารเป็นระลอกระลอก!
เสียงร้องดังโหยหวนไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสั่นสะท้านจนถึงก้นบึ้งของจิตใจ
ดวงตาของฉินเทียนเป็นสีแดงก่ำ เขาดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดชีวิต และร้องตะโกนอย่างเสียงดังว่า
“ไอ้นังแม่มด!”
“ฉินเทียนส่งเธอมาใช่ไหม? ถึงได้ล่อให้ฝูงหมาป่ามาจัดการกับฉันแบบนี้!”
“เธอเรียกเขาออกมาซะ กูจะสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง!”
“ช่างน่าโมโหเสียจริง!”
ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้เจอกับฉินเทียน แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ฉินเทียนจะใช้วิธีการอันชั่วร้ายเช่นนี้
ยืมกำลังของฝูงหมาป่า ไม่ต้องลงแรงเยอะ แต่สามารถทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหมดหนทางเช่นนี้ได้
ฉินเปียวโกรธมากจนแทบจะระเบิดออกมา
เหลิ่งหยุนหัวเราะคิกคัก “แบบนี้เรียกว่าอะไรน๊า? เวรกรรมตามสนอง”
“พี่น้องหมาป่าทั้งหลาย เจ้าคนพวกนี้บุกรุกเข้ามาในดินแดนของพวกคุณ และได้ฆ่าเหล่าพ่อแม่ พี่น้อง และญาติของพวกเธอด้วย!”
“อย่าปล่อยพวกเขาไปอย่างเด็ดขาด!”
“เร็วเข้า!”
“กัดพวกมันให้ตาย เพื่อแก้แค้นให้กับญาติพี่น้องของพวกเธอซะ!”
“ฮ่ะ!”
“ฉันจะฆ่าแก!” ฉินเปียวโกรธจัด ตะโกนออกมาสุดเสียง ราวกับบ้าคลั่ง สองมือกวัดแกว่งหมัดและกระโจนเข้าไปท่ามกลางฝูงหมาป่า
เขาเหมือนกับถูกภูตผีเข้าสิงร่าง ไม่หลบไม่หลีกเหล่าหมาป่าดุร้ายที่กระโจนเข้ามาเลยสักนิด ปล่อยให้พวกมันกัดอย่างอำเภอใจ
เขากวัดแกว่งหมัดอย่างบ้าคลั่ง ปังปังปังปัง!
หัวของหมาป่าที่ว่าแข็งมากอย่างหาใดเปรียบได้ แต่เพียงแค่ปะทะเข้ากับหมัดของเขาเท่านั้น กะโหลกของมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้าย เขาก็จับหมาป่าสองตัวมาใช้แทนอาวุธและต่อสู้ต่ออย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น ฝูงหมาป่าที่ห้อมล้อมอยู่อย่างแน่นหนานั้น ก็ถูกเขาฆ่าตาย นอนจมกองเลือดเต็มไปหมด
เขารีบเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่เหลิ่งหยุนหลบซ่อนตัวอยู่อย่างรวดเร็ว
เดิมทีเหลิ่งหยุนคิดจะสังเกตการณ์ต่ออีกสักพัก มันจะดีมากถ้าฉินเปียวและคนของเขาถูกฝูงหมาป่ากัดตายทั้งหมด จากนั้นเธอค่อยฉวยโอกาสนั้นกระโดดลงไปแย่งเอาอิฐฉิน ก้อนนั้นกลับไป
หากเป็นเช่นนั้นหล่ะก็ คงเป็นชัยชนะครั้งใหญ่อย่างแท้จริง
แต่เมื่อเห็นท่าทีของฉินเปียวเช่นนี้แล้ว แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา และเมื่อเห็นว่าฉินเปียวกำลังจะฝ่าวงล้อมออกมาได้ ราชาหมาป่าหัวเสือที่อยู่บนก้อนหินอีกมุมหนึ่งก็รีบส่งเสียงโหยหวนขึ้นมาทันที
นี่คือเสียงแตรที่สร้างความฮึกเหิมนั่นเอง และยังเป็นสัญลักษณ์เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้อีกด้วย
หลังจากได้ยินเสียงนั้นแล้ว บรรดาหมาป่าที่กำลังเกิดความหวาดกลัวอยู่นั้นก็กลับฮึกเหิมขึ้นมาทันที และต่างพากันกระโจนเข้าไปด้วยแววตาสีแดงก่ำ
ครั้งนี้ พวกมันมีรูปแบบและแผนการ โดยพละกำลังส่วนใหญ่ ต่างพุ่งตรงไปที่ฉินเปียวเพียงคนเดียว
ทันใดนั้น ฉินเปียวก็ตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมอย่างแน่นหนาอีกครั้ง
เหลิ่งหยุนรู้สึกว่าเธออยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอถอนใจยาว และร่างราวกับนกนางแอ่นนั้น ก็กระโดดข้ามยอดไม้และออกจากหุบเขาไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ฉินเปียวและพวกของเขาจะสามารถหนีออกไปได้ แต่ก็คงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน และเมื่อพวกเขาออกไปได้ ถึงอย่างไรก็ยังมีคู่ต่อสู้ที่แท้จริงรอพวกเขาอยู่อีกเช่นกัน
ตอนนี้ สิ่งที่เหลิ่งหยุนเป็นห่วงก็คือชิงเฉินและชุยหมิง
พวกเขาทั้งสามมีภารกิจเดียวกัน นั่นคือ รับผิดชอบตรึงกำลังฉินเปียวและทีมของเขาเอาไว้ เหลิ่งหยุนต้องรีบไปช่วยพวกเขา และเล่นงานอีกสองทีมที่เหลือให้ได้มากที่สุด
……
การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไป ภายใต้คำสั่งของราชาหมาป่า หมาป่าดุร้ายที่อยู่เบื้องหน้านั้น ราวกับจะทำการเข่นฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
พ่ายแพ้ลงห้อมล้อมหนึ่ง ก็กรูกันเข้ามาอีกห้อมล้อมหนึ่ง
เลี่ยวเจี๋ยและคนอื่นๆ ต่างพากันหมดเรี่ยวหมดแรง บริเวณหลังและต้นขาของสมาชิกในทีมหลายคน ล้วนแต่ถูกกัดจนเป็นแผลฉีกขาดขนาดใหญ่
โดยรวมแล้ว ล้วนแต่หมดเรี่ยวแรงที่จะทำการต่อสู้ต่อไปได้อีก
มีเพียงฉินเปียวเท่านั้น!
ยิ่งการเข่นฆ่าดุเดือดมากขึ้นเท่าไร พละกำลังการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แววตาของเขามีสีแดงเลือด และมีเสียงร้องแปลกๆ ออกมาจากปากของเขา
เสียงนี้ เป็นเสียงที่เลี่ยวเจี๋ยและคนของเขาเมื่อได้ยินแล้ว ต่างพากันขนพองสยองเกล้ากันไปหมด
เมื่อเห็นว่าร่างของฉินเปียวดูเหมือนจะใหญ่โตขึ้น เลี่ยวเจี๋ยก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จนสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“คุณชาย!”
“คุณชาย ระวัง คุณชายกระตุ้นกำลังอีกไม่ได้นะ!”
“มันอันตราย!”
“คุณชาย มีสติหน่อย!” เขาใช้แรงทั้งหมดกระโจนเข้าไปหาฉินเปียว เพื่อพยายามที่จะหยุดฉินเปียวเอาไว้
ฉินเปียวบีบคอของเลี่ยวเจี๋ย คิดจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกับหมาป่าเหล่านั้น
“คุณชาย___”
“นี่ฉันเอง!”
“มีสติได้แล้ว!” ใบหน้าของเลี่ยวเจี๋ยแดงจรดถึงใบหู และร้องขอด้วยความเจ็บปวด
ครืน!
จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากท้องฟ้า ทันใดนั้น ก็มีเม็ดฝนเย็นยะเยือกโปรยปรายลงมา
จนในที่สุดฉินเปียวก็ได้สติคืนกลับมาได้บ้าง แววตาสีแดงก่ำของเขานั้นค่อยๆ จางลง
“รีบหาถ้ำ แล้วเข้าไปหลบฝนกันก่อน! ไปเร็ว!”
เขาปล่อยเลี่ยวเจี๋ยลง และรีบวิ่งตรงไปยังสันเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง