บัญชามังกรเดือด - บทที่ 793 สู้ให้ถึงที่สุด
บัญชามังกรเดือด บทที่ 793 สู้ให้ถึงที่สุด
ฉินเทียนขมวดคิ้ว
เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ ทางหนีที่ไล่ของฉินเปียว คือหมาป่าหอนนั่นเอง!
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าทาสสัตว์ของฉินเปียวที่ใช้หมาป่าหอนนี้ ผลลัพธ์ของมันต่างจากครั้งที่แล้วมาก และผลที่ได้ในครั้งนี้ มันก็แรงกว่าของที่ลิเหลียงใช้อีกด้วย
นอกจากนี้ มันยังได้ผลดีกว่าเมื่อเทียบกับตอนที่หยางต้าวใช้ในการหลบหนีครั้งที่แล้วอีกด้วยเช่นกัน
หลังจากฉีดเข้าตัวแล้ว พวกเขาเทียบได้กับมนุษย์ชีวะเลยก็ว่าได้
เมื่อเห็นบรรดาพี่น้องในมือทั้งหลาย แม้ว่าจะได้เปรียบเรื่องจำนวนคน สองต่อหนึ่ง แต่พวกเขาก็รับมือได้ไม่ทันท่วงที จนต้องค่อยๆ ล่าถอยกันออกมา ฉินเทียนเองเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
ทีมมีดม้ง ต้องสูญเสียพี่น้องไปแล้วหนึ่งคน แม้ว่าพี่น้องคนนั้น ฉินเทียนจะเห็นหน้าอยู่ไม่กี่ครั้ง แม้กระทั่งชื่อ เขาเองก็ยังไม่รู้ แต่เมื่อเห็นแววตาแดงก่ำของ เหล่าหม่า แล้วเขากลับรู้ได้ทันทีว่า ต้องมีความผูกพันดั่งพี่น้องจริงๆ แน่นอน!
ความเจ็บปวดนั้นราวกับถูกตัดแขนตัดขา เขาเข้าใจหัวอกนั้นเป็นอย่างดี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการยั่วยุของฉินเปียว สองมือของเขากำหมัดแน่น และส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอ เลือดลมในตัวพลุกพล่าน จนอดไม่ไหวที่จะลงมือด้วยตัวเอง!
“พี่เทียน พี่ห้ามลงมือนะ!”
“ถ้าแม้แต่เรื่องวุ่นวายเล็กๆน้อยๆ ยังจัดการไม่สำเร็จ พวกเราจะกลายเป็นคำสาปสวรรค์เปล่าๆ และจะถูกเรียกว่าห้าพญายมแห่งนรกได้ยังไง!”
“พี่คอยจ้องฉินเปียวไว้ก็พอ เรื่องวุ่นวายพวกนี้ ปล่อยให้พวกเราจัดการเถอะ!”
“พี่น้องทั้งหลาย ร่วมกันลงโทษแทนสวรรค์ ฆ่ามันซะ!” หม่าหงเทาตะโกนด้วยความฮึกเหิม กวัดแกว่งมีดม้งและพุ่งเข้าไปฟันทาสสัตว์ที่อยู่ตรงหน้า
ท่าทางบ้าคลั่งของเขา ราวกับนักฆ่าที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นและไร้สติ
ฉินเทียนไม่เคยเห็น เหล่าหม่า ยั้งสติไม่ได้แบบนี้มาก่อนเลย ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เถียหนิงซวงตะโกนเสียงดังมาว่า
“พี่เทียน ถ้าพี่ลงมือเองหล่ะก็ นั่นหมายความว่าพี่ดูถูกพวกเรา!”
“พี่ต้องเชื่อในพวกเรา เชื่อในคำสาปสวรรค์ และเชื่อในห้าพญายมแห่งนรกสิ!”
แม้ว่าถงชวนและเถียปี้จะไม่ได้พูดจาอะไร แต่การกระทำของพวกเขา แสดงให้เห็นชัดเจนทุกอย่างแล้ว แววตาแรงสังหารของพวกเขา กับหมัดมือเปล่า เริ่มต่อสู้กับทาสสัตว์ที่กลายพันธุ์อย่างดุเดือด!
โครม!
โครม โครม!
หมัดแรกถูกปัดออก พวกเขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีต่อด้วยหมัดที่สอง
จนกำปั้นของเขาแตก แต่พวกเขาไม่มีแม้แต่เสียงโอดครวญ และเริ่มใช้ขาต่อสู้ทันที!
และยังมี อะเปินกับเถียเจี้ยง
รวมทั้งสมาชิกทั้งหมดของห้าพญายมแห่งนรก เวลานี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้หมาป่าหอนฉีดเข้าร่าง แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่ได้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกันเลยสักนิด
นั่นเป็นเพราะความเป็นพี่น้องที่อยู่ในสายเลือด!
คือความแน่วแน่ในคำสาบานที่ยอมตายแต่จะไม่มีวันยอมแพ้!
คือความมุ่งมั่นขั้นสุดของการทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง!
ผีหวูฉาง ชุยหมิง และชิงเฉินทั้งสามคนจากห้าพญายมแห่งนรก สังหารดุเดือดอย่างบ้าคลั่งเสียสติไปนานแล้ว เลือดไหลพุ่งออกมาเป็นทาง
ฉินเทียนรู้ว่า ความโหดเหี้ยมของทาสสัตว์ได้กระตุ้นจิตวิญญาณและสายเลือดในใจของบรรดาเหล่าพี่น้องคำสาปสวรรค์ พวกเขาต้องใช้การต่อสู้และเลือดเนื้อนี้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทีมตนเอง
เขารู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า จนสุดท้าย ก็ไม่ได้ออกโรงลงมือเอง
เขารู้ดีว่า หากเขาลงมือเอง แม้ว่าท้ายสุดจะได้รับชัยชนะ แต่สำหรับบรรดาเหล่าพี่น้องคำสาปสวรรค์แล้ว มันจะกลายเป็นเงาตามตัวพวกเขาไป
พวกเขาต้องคิดว่าชัยชนะที่ได้มานั้นมันไม่ใสสะอาด และต้องคิดอีกด้วยว่าพวกเขาสู้ทาสสัตว์ไม่ได้
จนต้องพึ่งให้พี่ใหญ่ออกโรง
“ตกลง ฉันเอาใจช่วยพวกเธอนะ!”
“พี่น้องทั้งหลาย ฆ่าพวกมันให้หมด!” ฉินเทียนตะโกนอย่างฮึกเหิม
จากอิทธิพลในครั้งนี้ แม้แต่ฉินเปียวเองก็อดที่จะตกใจไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ทีมที่ฉินเทียนใช้เวลาอันน้อยนิดในการสร้างขึ้นมานั้น จะมีความสามัคคีอย่างเหนียวแน่นได้มากขนาดนี้
สาเหตุที่บรรดาทาสสัตว์มีความแข็งแกร่ง นั้นก็เป็นเพราะว่าได้รับการกระตุ้นจากยา หากไม่มียาแล้วหล่ะก็ พวกเขาคงกลัวจนเหยี่ยวรดตดหายไปนานแล้ว
ส่วนคำสาปสวรรค์ กลับอาศัยเพียงสายเลือดเข้มข้นอันบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในใจรวมกับความเชื่อมั่นในทีมเท่านั้น
จากแง่มุมนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาอดที่จะเลื่อมใสในตัวของฉินเทียนไม่ได้จริงๆ
“ถ้างั้นก็ดี ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันต่อไป”
“ผลการต่อสู้ของพวกเขา คือผลลัพธ์แพ้ชนะระหว่างแกกับฉัน”
ฉินเปียวหัวเราะเยาะเย้ย เขาเก็บอารมณ์ความทารุณโหดเหี้ยมเอาไว้ และยืนกอดอกดูการต่อสู้ต่อไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำของทั้งสองฝ่ายไม่ได้ออกโรงเอง แต่เป็นพี่น้องของพวกเขาที่ทำการต่อสู้!
ในฉากต่อไป ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ได้แล้ว พอมีดหัก พวกเขาก็ใช้กำปั้นต่อ พอกำปั้นแหลกแล้ว พวกเขาก็ใช้ฟันต่อสู้แทน
การฆ่าคือสัญชาตญาณดั้งเดิมของมนุษย์อยู่แล้ว
ไม่เป็นเธอที่ตาย ก็ต้องเป็นฉันที่ตายอยู่ดี ภายใต้สมมุติฐานข้อนี้ มันไม่จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์หรือข้อจำกัดใดใดอีกแล้ว
เซลล์ทุกตัวและเลือดทุกหยดของพวกเขา ต่างหล่อหลอมรวมเป็นความคิดเดียวนั้นคือ ฆ่าศัตรูให้ตายซะ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
ฉินเทียนและฉินเปียว ยืนอยู่กันคนละฝั่ง ต่างพากันเฝ้ามองดูสถานการณ์ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงบ
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
พี่น้องคำสาปสวรรค์ ก็ไม่ทำให้ฉินเทียนผิดหวัง แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก แต่พวกเขาก็พร้อมใจกันฆ่าทาสสัตว์ได้ห้าคน
หนึ่งในนั้นคือหม่าเมี้ยนหัวหน้าทีมที่สิบ
เขาถูกผีหวูฉางใช้ฟันแทะลงไปที่กะโหลกศีรษะ
ส่วนหัวหน้าทีมที่เหลืออีกสองคน เลี่ยวเจี๋ยของกลุ่มแรก และ หลิวเหมิงของกลุ่มสอง ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะเหมือนซอมบี้ แต่ความดุร้ายนั้นก็หาใครเทียบได้ยาก
แต่คำสาปสวรรค์ได้เปรียบมากกว่า
ด้านหนึ่งคือจำนวนคนที่เยอะกว่า ส่วนอีกด้านคือร่างกายที่ถูกกระตุ้นจิตวิญญาณและสายเลือดแห่งการต่อสู้ เทียบได้กับการฉีดยาหมาป่าหอน
ฉินเทียนมองฉินเปียวและหัวเราะเยาะเย้ย “แกจะปล่อยให้พวกเขาแหลกสลายตายทั้งกองทัพอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
“ตอนนี้สั่งการให้หยุดและยอมรับความพ่ายแพ้ซะ มันยังพอเหลือกำลังบางส่วนให้แกอยู่นะ”
เขาไม่ได้สงสารทาสสัตว์จริงๆ หรอก แต่เขาสงสารพี่น้องของคำสาปสวรรค์ต่างหาก ขอเพียงแค่ให้ฉินเปียวยอมแพ้ แล้วปล่อยทาสสัตว์ไปสักสองสามคนจะเป็นไรหล่ะ?
อย่างน้อยเพื่อแลกกับพี่น้องของตน และลดการเสียเลือดเสียเนื้อลงไปได้บ้าง
ท่าทีของฉินเปียวดูแปลกๆ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่ได้มาก ส่วนใหญ่คือความเย็นชามากกว่า
“แกเสียดายหรือ?”
“สายไปแล้ว”
“พวกเขา ต้องต่อสู้จนกว่าจะคนสุดท้ายที่ล้มลง”
ฉินเทียนนิ่งเงียบไปและไม่พูดจา ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้สึกว่าตัวเขาเองพอจะเข้าใจในตัวของน้องชายต่างมารดาคนนิ้อยู่บ้าง เขาคิดว่าฉินเปียวเป็นเพียงเด็กที่เอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้น
เพื่อตอบสนองความเห็นแก่ตัวของตนเอง เลยสังหารหมู่อย่างเหี้ยมโหดได้ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตนเองไม่เข้าใจน้องชายคนนี้เลยจริงๆ
ความเด็ดขาดและแรงปณิธานของฉินเปียวมันดูไกลเกินกว่าจินตนาการที่เขาคิดไว้ ฉินเปียวไม่ได้ทำเพื่อความสนุกเท่านั้น สิ่งที่เขาทำทั้งหมดมันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น
เสียงหอนค่อยๆเบาลง
ริมหุบเขาอีกฟากหนึ่ง ท่ามกลางป่าไม้ สัตว์ร้ายค่อยๆ รวมตัวกันมากขึ้น พวกมันถูกดึงดูดด้วยกลิ่นคาวเลือดอันมหาศาลนี้
เมื่อมองดูซากศพด้านล่าง ขาหักแขนขาด ดวงตาของพวกมันก็แดงขึ้น พวกมันดูอยากกินจนน้ำลายไหล
แต่สิ่งที่สื่ออยู่ในแววตามากกว่านั้นก็คือ ความหวาดกลัว มันเป็นความหวาดกลัวต่อมนุษย์ที่ดุร้ายไปกว่าพวกมันนั่นเอง
พวกมันลังเลที่จะเดินจากไป แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้มากนัก
ในที่สุดทาสสัตว์คนสุดท้ายก็ล้มลง การต่อสู้เป็นอันสิ้นสุด
ไม่มีเสียงโห่ร้องฉลองชัยชนะใดๆ เพราะบรรดาพี่น้องคำสาปสวรรค์ ต่างเหนื่อยกันมากแล้ว
พวกเขาล้มลงกับพื้น และใช้มือปิดบาดแผลเอาไว้ มีคนมากมายที่เลือดยังไหลไม่หยุด แต่สีหน้าของพวกเขาดูสุขุมเยือกเย็น ทั้งหมดต่างครอบคลุมด้วยแสงอันเป็นประกาย
แววตาของพวกเขามองไปยังฉินเทียน ราวกับกำลังพูดว่า พี่เทียน พวกเราทำสำเร็จแล้ว
พวกเราไม่เสียศักดิ์ศรี ไม่ได้ละทิ้งภารกิจของคำสาปสวรรค์ และไม่ได้ทำให้คุณเสียหน้า
ฉินเทียนรู้ดีว่าทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บ และบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
เขามองฉินเปียวด้วยแววตาอันแดงก่ำ เขากัดฟันและรีบพูดไปว่า “ว่ามา แกจะยอมแพ้ หรือจะสู้ต่อ?”
“ถ้าคิดจะสู้ต่อ ฉันจะสู้กับแกเอง!”
เมื่อพูดจบ ลมปราณทั่วร่างของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทั่วร่างของเขาราวกับหอกยาวและดาบอันคมกริบที่ดื่มเลือดอย่างนับไม่ถ้วนและชี้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายที่อยู่อีกฟากได้เห็นดังนั้น ต่างก็พากันหอนและลนลานรีบหลบหนีกันหมด
ฉินเปียวหัวเราะ “พี่ชายคนดี อย่าตื่นเต้นสิ”
“ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้แล้วไง!”