บัญชามังกรเดือด - บทที่ 798 ถูกเปลื้องผ้าไปกี่ครั้ง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 798 ถูกเปลื้องผ้าไปกี่ครั้ง
“เอาล่ะ ช่วงนี้ลูกเองก็เหนื่อยแล้ว ต่อไปไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้แม่จัดการเอง”
“ส่วนทาสสัตว์เหล่านั้น ตายก็ตายไปแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องฝึกฝนอีกแล้ว”
“ลุงของลูกบ่มเพาะพลังมานานแล้ว ซึ่งพร้อมให้ลูกเรียกใช้ อีกอย่างยังแข็งแกร่งกว่าทาสสัตว์เหล่านั้นของลูกมาก”
“ไปหาจื่อฮวาเถอะ”
“ลูกส่งคนไปรับเธอมา นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว แต่กลับเจอหน้าเธอไม่กี่ครั้ง ไม่กลัวเธอโกรธเหรอ ? ”หยางหลิวพูดอย่างโกรธเคือง
ฉินเปียวรีบพูดว่า “เป็นความผิดของลูกเอง!”
“ลูกจะไปสำนึกผิดกับจื่อฮวา แม่ เช่นนั้นก็รบกวนแม่แล้วนะครับ”
หยางหลิวยิ้มและพูดว่า “กับแม่ยังจะเกรงใจอะไรอีก!”
“รีบไปเถอะ พรุ่งนี้เช้า ก็จะมีข่าวดี”
“เข้าใจแล้วครับ แม่เองก็อย่าทำงานหนักเกินไป”
แม่ลูกมีน้ำใจต่อกัน เป็นน้ำใจแม่ลูกกตัญญู กลมเกลียวกันจริง ๆ
หลังจากที่ฉินเปียวจากไป ยายแม่มดก็เข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“คุณหญิง นายน้อยไร้สาระเกินไปแล้ว และมันจะส่งผลกระทบต่อแผนของเรา คุณควรจะตำหนิเขาอย่างรุนแรงถึงจะถูก ! ”
หยางหลิวยิ้มและพูดว่า “พอได้แล้ว แม่เฒ่านี่”
“ฉันรู้ว่าคุณภักดีต่อตระกูลหยาง หรือว่ามีข่าวอะไรจากทางพี่ชายฉันทางนั้นอีกแล้วเหรอ ?”
ยายแม่มดพูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าบ้านไม่พอใจอย่างมากกับสูตรหมาป่าหอน เขาบอกว่านายน้อยได้ตกลงและมอบสูตรให้กับเขาแล้ว แต่กลับยังประวิงเวลาไว้ ”
“เขาขอให้ฉันบอกคุณหญิงว่า อย่าลืมว่าตัวเองนามสกุลอะไร”
สีหน้าของหยางหลิวเคร่งขรึมลงและพูดอย่างเย็นชา “คุณทำให้เขามั่นใจ ฉันมีแผนของฉันเอง ! ”
“เปียวเอ๋อร์ก็แค่แพ้ไปในด่านเกมหนึ่งก็เท่านั้น ฉันจะเอาคืนให้เขาในไม่ช้านี้”
“คุณบอกสามพี่น้องตี้เม่ย ตี้เวย ตี้หย่อง ว่าคืนนี้ สามารถลงมือได้แล้ว”
“ค่ะ ! ”ดวงตาของยายแม่มดดูสว่างขึ้นมา และแสงที่ดุร้ายก็กะพริบในดวงตาแก่คู่นั้นของเธอ
ยายแม่มดคนนี้ เมื่ออายุมากขึ้นก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นจริง ๆ เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะฆ่าใครสักคน ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
“ฉันติดต่อสายลับในเมืองฮั่นทันที เพื่อค้นหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ ขุนพลนรกสามองค์จะโจมตีในเวลาเที่ยงคืน ! ”
“ก่อนอื่นไปสังหารพวกลูกหมาก่อน จากนั้นไปที่คฤหาสน์หูเพื่อปลิดชีวิตคุณชายไร้ประโยชน์คนนั้น ! ”
ยายแม่มดจากไปอย่างตื่นเต้น
สามพี่น้องตี้เม่ย ตี้เวย ตี้หย่อง เป็นสามคนของที่ตระกูลหยางมอบให้หยางหลิว พวกเขาทั้งหมดเป็นปรมาจารย์ที่ชั่วร้าย และก็ยังเป็นสามคนที่ได้รับคำสั่งให้แอบเข้าไปในภูเขาแห้งแล้งและลอบสังหารฉินเทียน
ครั้งที่แล้วที่พวกเขาถูกฮุยเฮ่อหยุดไว้ พวกเขาเก็บความแค้นเอาไว้ ตอนนี้หลังจากได้รับคำสั่ง พวกเขามีความกระตือรือร้นสูงและเริ่มเตรียมการทันที
……
เมื่อค่ำคืนมืดลง
พื้นที่ของคฤหาสน์ตระกูลหู ก็จมอยู่ในความเงียบสงบ
มีแสงไฟส่องผ่านหน้าต่างหลายบาน และเจ้าของที่อยู่ข้างในผ่านไปนานแล้วก็ยังนอนไม่หลับ ประตูห้องหนึ่ง ติดคำอวยพรแต่งงานขนาดใหญ่
เห็นได้ชัดว่าเพิ่งแต่งงานมาไม่นาน
บนเตียงไม้มะฮอกกานีโบราณ ภายใต้เต็นท์ หานหลิงสวมชุดนอนนอนพิงหน้าอกของหูเฟย
เธอขมวดคิ้วคิดอยู่นาน กัดฟันแล้วพูดว่า “ไม่มีทาง ! ”
“อะเฟย พรุ่งนี้คุณต้องไม่ปล่อยให้ฉินเทียนไปสู่หายนะคนเดียว ฉินเปียวคนนั้น จะต้องระดมพลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้ เพื่อจัดการกับเขาอย่างแน่นอน ”
“ในการล่าครั้งล่าสุด มีพี่น้องมากมายอยู่เคียงข้างเขา พรุ่งนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าจะรวมกับผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเหลิ่งหยุน แต่มันก็เหงาเกินไปแล้ว ! ”
“เราสามารถมีวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะเขาให้ แม้ว่าจะต้องตาย ก็ต้องสู้เพื่อเขา!”
หูเฟยลูบหลังเย็น ๆ ของภรรยาที่รักของเขา และถอนหายใจเบา ๆ
“คุณคิดว่าผมเป็นคนกลัวตายเหรอ ? ตราบใดที่ผมสามารถช่วยเสี่ยวเทียนได้ แม้ว่ามันจะทำให้ผมแตกเป็นชิ้น ๆ ผมก็จะไม่โกรธ”
“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้อารมณ์ของเสี่ยวเทียน ”
“ในเมื่อเขาบอกว่า จะไม่ปล่อยผมไป เช่นนั้นเขาก็จะไม่ปล่อยให้ผมเข้าไปยุ่งเด็ดขาด ”
“ถ้าเราอยากช่วยเขา ยังต้องเริ่มลงมือจากที่อื่น ”
หานหลิงพูดอย่างกระวนกระวาย “งั้นคุณก็รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ! ”
“พรุ่งนี้รุ่งสาง เขาก็จะออกเดินทางไปเมืองฉินแล้ว ! ”
“ถ้าช้ากว่านี้ก็จะไม่ทันแล้ว!”
หูเฟยรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “มังกรซ่อนรูปก็ไม่สามารถแทรกแซงได้เช่นกัน นอกจากมังกรซ่อนรูปแล้ว ใครอีกที่จะสามารถช่วยเสี่ยวเทียนได้ ? ”
“ทางใต้เขาก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่นั่นคือจะต้องนั่งบัญชาการอยู่ข้างหลังแทนเขา และถอนตัวไม่ได้……”
หานหลิงคิดอยู่คู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดว่า “ญี่ปุ่นล่ะ ?”
“ครั้งล่าสุดที่ฉันไปญี่ปุ่น ฉันรู้สึกได้ว่า ฉินเทียนดูเหมือนจะมีอำนาจบางอย่างอยู่ที่นั่น ”
“ยังไงก็ตาม คุณไปหารั่วหลัน และเหลิ่งหยุนผู้หญิงคนนั้น ค่อย ๆ พูดคุยปรึกษากัน”
“พวกเธอก็ล้วนมาจากญี่ปุ่นเช่นกัน”
หูเฟยตบหัว “ฉันจะลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ! ”
“ฉันจะไปปรึกษากับพวกเธอเดี๋ยวนี้ ! ”
“ฉันจะไปกับคุณ ! ”หานหลิงแทบรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปแต่งตัว
ทั้งคู่จัดแจงตัวเองเรียบร้อย และรีบไปที่ห้องของหูรั่วหลัน
มีแสงส่องผ่านหน้าต่าง และเห็นได้ชัดว่าหูรั่วหลัน และ เหลิ่งหยุน ยังไม่นอน พวกเธอก็น่าจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องของวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน
หูเฟยเคาะประตูและพูดเสียงเบาว่า “รั่วหลัน เหลิ่งหยุน พวกคุณหลับหรือยัง ? ”
“มีบางเรื่องอยากจะปรึกษากับพวกคุณ สะดวกให้เข้าไปหน่อยไหม ?”
หูรั่วหลันรีบไปเปิดประตู เธอกับเหลิ่งหยุนไม่แม้แต่จะลบเครื่องสำอางออก
ก่อนที่จะพูดเรื่องไร้สาระ เหลิ่งหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่อะเฟย คุณมาที่นี่เพราะเรื่องของพี่ใหญ่ใช่ไหม ? ”
“คุณไม่ต้องกังวล หลังจากฉันคุยกับรั่วหลัน ฉันเองก็มีความคิดแล้ว”
หูเฟยพูดอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ ? รีบพูดมา พวกคุณเตรียมจะทำยังไง ? ”
“ต้องการระดมพลังของวิหารเทพเหรอ ? ”
ตอนนี้หูเฟยมีความเข้าใจที่ค่อนข้างครอบคลุมเกี่ยวกับวิหารเทพ ท้ายที่สุด ตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของวิหารเทพอย่างแท้จริงแล้ว
ราชาเถียสิบสาม
สิ่งที่ประดิษฐานอยู่ที่บ้านคือป้ายละตายอาญาสิทธิ์ที่ประทับด้วยตราของวิหารเทพ
เหลิ่งหยุนพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าต้องการพูดคุยเกี่ยวกับอำนาจวิหารเทพของเรา ถ้าคุณใช้มันอย่างไม่เป็นทางการ ก็สามารถกวาดล้างตระกูลฉินให้เป็นเถ้าถ่านได้ ”
“อย่างไรก็ตาม มีอำนาจมากมายในต่างประเทศ หากปราศจากการพยักหน้าจากพี่ใหญ่ ก็ยากที่จะเข้าประเทศได้ ”
“นอกจากนี้ ระยะทางมันไกลไม่สามารถมาช่วยในเวลาฉุกเฉินได้”
“ฉันคิดไปคิดมา ตอนนี้มีสองกำลังที่สามารถใช้ได้ คุณลืมไปแล้วเหรอ ที่ฉันเคยแนะนำกับคุณ เนี่ยชิงหลง ราชามังกร และเซียวโผหู่ ราชาเสือ”
หูเฟยรีบพูดว่า “ราชามังกรเนี่ยจากแก๊งเขี้ยวมังกร และจอมพลเซียวจากแดนเหนือ ! ”
“พวกเขาจะมาทันเหรอ ?”
เหลิ่งหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แก๊งเขี้ยวมังกรเหมือนกับมังกรซ่อนรูป ล้วนเป็นองค์กรที่มีคำนำหน้าเป็นมังกรในประเทศของเรา แม้ว่าพวกเขาอาจไม่ทรงอำนาจเท่ามังกรศซ่อนรูป แต่พวกเขาก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง และไม่ใช่จะยั่วยุได้ง่าย ๆ”
“จอมพลเซียวไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว อีกทั้งแดนเหนือเองก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
“ตราบใดที่พวกเขาระดมพลังเพียงเล็กน้อย ฉันเชื่อว่า พรุ่งนี้จะไม่มีใครกล้าแตะต้องพี่ใหญ่ ! ”
หูเฟยพูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าเช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย!”
“คุณเหลิ่ง คุณรีบติดต่อพวกเขาเร็ว ! ”
“โปรดเตรียมการแต่เนิ่น ๆ ทางที่ดี จอมพลเซียวสามารถส่งกองกำลังมาได้ ! ”
สีหน้าของเหลิ่งหยุนดูเป็นทุกข์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความลำบากใจ “ปัญหามันอยู่ตรงนี้”
“หากไม่ได้รับอนุญาตจากพี่ใหญ่ ถ้าฉันติดต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้กองกำลังจากพวกเขา เมื่อถึงตอนนั้นพี่ใหญ่รู้เข้า เขาคงจับฉันเปลื้องผ้าล่อนจ้อนและโยนลงทะเล”
อืม ?
หลังจากได้ยินแบบนี้ หูเฟย หานหลิง และหูรั่วหลัน ต่างก็ตกตะลึง
หูเฟยพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “เสี่ยวเทียน เขายังมีงานอดิเรกนี้อยู่ด้วยเหรอ ? ”
หูรั่วหลันหน้าแดง แม้ว่าเธอจะเขินอาย แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้ และพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “พี่หยุน เช่นนั้นพี่เคยถูกเขาเปลื้องผ้าไปกี่ครั้งกัน”