บัญชามังกรเดือด - บทที่ 80 ตัวการที่อยู่เบื้องหลัง
“บัญชาพญายมบ้าอะไร ผมดูก็คือแก๊งค์ปีศาจลับ ๆ ล่อ ๆ !”
“แสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อนทำให้ใจเกิดความตื่นตระหนก!”
“ผู้นำจิน พันธมิตรฉู่ของพวกคุณคงจะไม่ยอมแพ้ใช่ไหม?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมฮันชานดูถูกพวกคุณ!”
ในความเงียบสงัดเป็นบริเวณได้ระเบิดเสียงที่โมโหหนึ่งขึ้นมา
ฮันซานโกนผมทรงสกินเฮดส ใส่เครื่องแต่งกายพระ คือลูกศิษย์ฆราวาสที่โดดเด่นมากของวัดเส้าหลินคนหนึ่ง
เผชิญหน้าต่อคำสาปของบัญชาพญายม พันธมิตรฉู่เตรียมที่จะทำยังไง? คนที่เหลือทั้งหมดก็มองไปทางจินหรงแล้ว
จินหรงพูดอย่างตื่นเต้น“พันธมิตรฉู่ของผมไม่มีคนรักชีวิตกลัวตาย!”
“เวลาแรกที่พบป้ายผมก็ปรึกษากับรองผู้นำสองสามท่าน เรียกรวมผู้ที่มีฝีมือสูงทั้งหมดของพันธมิตรฉู่พวกเราอย่างเร่งด่วนแล้ว”
“อีกทั้งส่งบัตรเชิญไปให้ทุกท่าน”
“พวกพร้องทุกท่านต่างก็เป็นคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมและพลังที่น่ากลัวด้านหนึ่ง”
“ตอนนี้ ผมจินหรงเป็นตัวแทนพันธมิตรฉู่เรียนเชิญทุกท่านเข้าสู่สงครามขจัดมารครั้งนี้อย่างเป็นทางการ!”
“ขุดรากถอนโคนพลังปีศาจที่อยู่เบื้องหลังบัญชาพญายม คืนความสุขสงบให้แก่สังคมยุทธภพ!”
สมแล้วที่เป็นผู้นำของพันธมิตรฉู่ พลังของจินหรงสะเทือนหลังคา
“พันธมิตรฉู่ของพวกเราต่อสู้จนถึงที่สุด!”
“ปกป้องพันธมิตรฉู่ไม่ถอยตลอดกาล!”
“สาบานจะร่วมเป็นร่วมตายกับพันธมิตรฉู่!”
ข้างในห้อง ศูนย์กลางสมาชิกของพันธมิตรฉู่เหล่านั้นร้องตระโกนเสียงดังเต็มไปด้วยความโกรธ พลังแข็งแกร่งมาก
จินหรงพยักหน้าอย่างพอใจเปลี่ยนหัวข้อพูด“แน่นอน”
“ยังไงบัญชาพญายมก็มีพลังที่น่ากลัวนานแล้ว เอาตามที่รู้ถึงตอนนี้ยังไม่มีคนไหนองค์กรไหนสามารถหลุดพ้นการลงโทษของมันได้”
“ดังนั้นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทั้งหมดในครอบครัว ผมจินหรงไม่บังคับอย่างเด็ดขาด”
“ทุกท่านยินยอมอยู่ต่อ ผมจินหรงเป็นตัวแทนพันธมิตรฉู่ สองมือยินดีต้อนรับ”
“ตอนนี้อยากที่จะออกไปผมก็จะไม่พูดมากอย่างเด็ดขาด”
“ทุกท่าน คิดใตร่ตรองให้ชัดเจนแล้วค่อยตัดสินใจ”
“เพราะว่าต่อไปนี้ผมก็ต้องแสดงป้ายชิ้นนั้นออกมาแล้ว ขอแค่เห็นป้ายนี้แล้วพวกเราก็คือคนที่อยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว”
ช่วงเวลาที่สำคัญใกล้จะมาถึงแล้ว สถานที่นั้นมีความเงียบสงบชั่วขณะ
ทุกคนต่างก็รู้เห็นบัญชาพญายมก็เท่ากับผู้ที่เห็นมีส่วนด้วย คิดที่จะถอนตัวอีกก็ไม่มีทางแล้ว
ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้าย
“คิดรวมผมคนหนึ่ง!”
“ไอ้แก๊งค์พวกนั้นไม่มาก็ช่างแต่ถ้ากล้ามาผมบิดหัวสมองของพวกมัน!”ฮันชานตบหน้าอกพูดเสียงดัง
“ใช่ สู้ตายกับพวกมันแล้ว!”
“ผมไม่เชื่อบนโลกนี้จะมีพญายมจริง ๆ !”
“ถึงจะมี พวกเราทำถูกต้องชอบธรรมจะกลัวอะไร!”
คนที่เหลือก็ทยอยพูดสนับสนุน
สุดท้ายเหลือเพียงหยางจื้อเจี๋ยอีกทั้งลูกศิษย์สองสามคนของสถานที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ของเขา
จินหรงยิ้มเย็นชาพูด“อาจารย์หยาง คุณเป็นผู้นำของเขตแดนศิลปะการต่อสู้ในมณฑลนี้ของพวกเรา ตอนนี้ก็รอประโยคหนึ่งของคุณแล้ว”
สีหน้าของหยางจื้อเจี๋ยเขียวแดงแล้ว
สุดท้ายเขากัดฟันแล้ว พูดเสียงดังว่า“ผมก็อายุปูนนี้แล้ว ก็มีชีวิตพอนานแล้ว!”
“สู้ตายกับผีน้อยเหล่านั้น กลัวอะไร?”
“เพียงแต่”
ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าต้องการสาบานประกาศเข้าร่วมนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อพูด พูดว่า“ผมต้องคิดใตร่ตรองแทนพวกเด็กเหล่านี้นะ!”
“ทุกท่าน ไม่ใช่ผมไม่อยากเข้าร่วมแต่ลูกศิษย์สองสามคนนี้ของผม พวกเขายังหนุ่มบางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะบางคนก็เพิ่งแต่งงาน”
“ถ้าหากผมตายแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นเด็กที่ไม่มีแม่แล้ว”
“ทุกท่าน ขอโทษด้วยผมชีวิตแก่นี้ต้องอยู่ต่อเพื่อดูแลเด็กเหล่านี้”
“พวกเรากลับ!”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำลูกศิษย์สองสามคนหันเดินออกไปที่หน้าประตูอย่างร้อนรน
ข้างในห้องมีเสียงถอนใจดังขึ้นมาแถบหนึ่ง
“พวกเราก็ไม่เข้าร่วมแล้ว”
ได้รับผลกระทบจากหยางจื้อเจี๋ย นอกจากนี้มีผู้ช่วยที่ถูกเชิญมาสองสามคนก็ก้มหน้าเดินตามออกไปแล้ว
จินหรงพูดเสียงดัง“เปิดประตู!”
“ส่งอาจารย์หยางและชายชาตรีทุกท่านออกไป”
ประตูใหญ่เปิด ด้านนอกไม่รู้ฝนตกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
น้ำฝนของต้นฤดูใบไม้ร่วงทำให้คนรู้สึกถึงความหนาว ภายใต้แสงไฟที่สลัวเปิดเผยลมหายใจที่มืดมน
ทันใดนั้นดวงตาของฉินเทียนก็กระพริบเล็กน้อย
บนหัวกำแพงรอบ ๆ มีผู้ชายชุดดำเหมือนปีศาจร้ายกระโดดลงมาสิบกว่าคน
พวกเขาใส่หน้ากากปีศาจร้ายอยู่ในปากส่งเสียงผีหัวเราะออกมา กวัดแกว่งมีดยาวที่อยู่ในมือหันพุ่งขึ้นไปทางด้านคนเหล่านี้
มีดยาวสะบัดพร้อมน้ำฝนที่ขึ้นมาเป็นสาย
อีกทั้งน้ำเลือด
หยางจื้อเจี๋ยและคนอื่น ๆ ไม่ทันตั้งตัวในพริบตาก็ถูกฟันไปหลายคน
“บัญชาพญายมออกมาแล้ว พวกแกยังอยากที่จะดิ้นรนเหรอ?”
“ฆ่า เริ่มจากตอนนี้!”
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวหนึ่งดังขึ้นมา ที่หน้าประตูใหญ่มีคนใส่หน้ากากยืนอยู่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เห็นชัดว่าเขาคือหัวหน้าของนักฆ่าเหล่านี้
“ถอยเร็ว!”
“รีบถอยกลับไป!”
ระหว่างที่หยางจื้อเจี๋ยตื่นตระหนกก็ถูกฟันแผลหนึ่ง เขานำบุกหันกลับมาทางบ้านแล้ว
น้ำฝนหนาวเย็น ในลานบ้านมีหลายศพนอนอยู่แล้ว
พวกเขาเมื่อกี้ยังมีพลังและชีวิตชีวา ในพริบตานั้นก็กลายเป็นศพที่หนาวเย็น
ทั้งหมดมาอย่างกระทันหันมาก
มองนักฆ่ามือถือมีดยาวพร้อมเลือด ใส่หน้ากากปีศาจร้ายเหล่านี้ท่ามกลางน้ำฝนด้านนอก ทุก ๆ คนที่อยู่ในบ้านต่างก็รู้สึกกลัวมาก
“ปีศาจร้าย!”
“ฉันสู้ตายกับพวกแกแล้ว!”จินหรงร้องตระโกนเสียงดัง พุ่งนำหน้าออกไปก่อน
นักฆ่าผีน้อยเหล่านั้นก็ไม่ได้บุกฆ่าต่อ แต่ถอยกลับไปด้านหลังของคนชุดดำที่หน้าประตู
ดวงตาคู่หนึ่งหลังหน้ากากของคนชุดดำประกายลมหายใจที่โหดเหี้ยม เขายิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า
“นี่เป็นเพียงแค่การเตือนพวกคุณ อย่าลืมในงานดอกเบญจมาศของวันมะรืนปฏิบัติตามคำสั่ง”
“ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็คือตัวอย่าง”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
“พวกเรากลับ!”
หยิ่งผยองมาก!
โหดเหี้ยมมาก!
ขณะนั้นรวมถึงจินหรงอยู่ในนั้น ด้านพันธมิตรฉู่คนมากอย่างนี้คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครกล้าลงมือ
พวกเขาคืออาจารย์ทางศิลปะการต่อสู้ ปกติถึงแม้ก็ประลองฝีมือบ่อย ๆ แต่นั่นต่างก็ทำอย่างพอเหมาะพอดีไม่มากเกินไป
จะเคยเจอการฆ่าที่โหดเหี้ยมอย่างนี้ที่ไหน?
ก่อนหน้านี้หยางจื้อเจี๋ยที่ยังโอ้อวดแสนยานุภาพ เวลานี้ก็คือสีหน้าขาวซีดตัวสั่น
ตามองอยู่ หลังปีศาจเหล่านี้ฆ่าคนแล้วก็เตรียมที่จะออกไป
ในที่สุดเสียงที่เย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“นายคิดว่า พวกนายสามารถไปได้เหรอ?”
“แกพูดอะไร?”คนชุดดำตะลึงเล็กน้อย จ้องมองฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า“เด็กน้อย แกอยากจะฝืนออกหน้า?”
“อยากที่จะต่อต้านพวกเราวิหารพญายม?”
ฉินเทียนพูดเสียงเย็นชา“อาศัยนายก็คู่ควรที่จะพูดถึงวิหารพญายม!”
เขาเดินก้าวใหญ่ออกไปรับกับน้ำฝนอยู่
“ฆ่าเขาให้ฉัน!”คนชุดดำออกคำสั่ง
นักฆ่าที่ถือมีดยาวสิบกว่าคนนั่น ในเสียงคำรามต่ำก็บุกขึ้นมาทางฉินเทียนพร้อมกัน
มีดยาวสิบกว่าด้ามยกขึ้นมา ในฉากฝนสีดำ แสงเย็นทำให้รู้สึกหวาดกลัว
“เพื่อนฉิน ผมมาช่วยคุณ!”
ในที่สุดฮันชานก็อดไม่ได้แล้ว เขาถูกฉินเทียนแพร่เชื้อกระตุ้นให้อารมณ์พุ่งพล่าน
ในเสียงร้องตระโกนเหมือนวัวตัวหนึ่งอย่างนั้นบุกออกมาแล้ว
แต่เพิ่งบุกมาถึงเขาก็ตะลึงอยู่กับที่แล้ว
เพียงเห็นฉินเทียนยื่นมืออย่างสบายมาก แย่งมีดยาวด้ามหนึ่งในนั้นแล้ว
จากนั้นก็สะบัดสองสามครั้งตามสบาย
ในอากาศเสียงร้องอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้นติดต่อกันสักพักหนึ่ง
ทั้งหมดก็หยุดกะทันหัน
นักฆ่าปีศาจร้ายสิบกว่าคนทั้งหมดต่างก็เลือดออกจากลำคอ นอนท่ามกลางน้ำฝนแล้ว
ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาเหลือก เหมือนกระทั่งตายก็ไม่เข้าใจสรุปแล้วเกิดเรื่องอะไร
“กล้าสวมรอยเป็นบัญชาพญายม ทำลายชื่อเสียงของวิหารพญายมก็คือมีจุดจบอย่างนี้”
สายตาของฉินเทียนมองไปทางคนชุดดำที่หน้าประตูแล้ว
เสียงของเขาเย็นชาเหมือนกับสายตา
“พูดมาเถอะ ตัวการที่อยู่เบื้องหลังคือใคร”