บัญชามังกรเดือด - บทที่ 820 พี่เสี่ยวหลาง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 820 พี่เสี่ยวหลาง
หลังจากวางสายจากฉินเปียวนั้นหยางชังพลันจัดการออกคำสั่งในทันที
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูกลุ่มนักสู้มากฝีมือ ที่มีทั้งหมดประมาณสามสิบหกคนเอาไว้ เมื่อเรียกรวมกันแล้วนั้น นับว่าเป็นชื่อที่สุดยอดมาก 36 ขุนพลนรก
เพื่อเตรียมตัวจัดการกับฉินเทียนนั้น เขาถึงกับต้องเฉือนเนื้อหนังของตัวเอง เพื่อปลุกปั้นเหล่าขุนพลนรกทั้งยี่สิบคนนี้ขึ้นมา
จากคำสั่งของเขานั้น พลันสั่งการให้แบ่งแยกออกเป็นสองกลุ่ม และแอบเข้าไปในป่าที่ฉินเทียนและฉินชวนกำลังล่าสัตว์อยู่ เพื่อทำการขัดขวางพวกเขาและจัดการสังหารพวกมันให้หมดเสีย
ภารกิจแรกคือการฆ่าฉินเทียน
หากสามารถสังหารฉินชวนลงไปได้อีกนั้น ก็นับว่าดีไม่น้อย
ในอนาคต ภูมิภาคตะวันตกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นของทางการหรือของยุทธภพ ย่อมถูกควบคุมโดยเขาอย่างสมบูรณ์!
ฉินเทียนพลันได้รับรายงานจากเหลิ่งหยุนในทันที เมื่อขุนพลนรกทั้งยี่สิบองค์ออกเดินทางมา
ฉินเทียนจงใจเข้าไปในภูเขาพร้อมกับฉินชวน นั่นก็เพื่อที่จะล่อนักสู้มากฝีมือของตระกูลหยางให้ออกมาทั้งหมด นั่นก็เพราะ จะได้ช่วยลดแรงกดดันของจี้ซิง
ฉินเปียวส่งที่อยู่ของฐานทัพหมาป่าหอนออกมานั้น มันอยู่ที่เมืองกันเซิ่ง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากหมูบ้านจินซาแห่งเมืองซินเฉิงอีกด้วย
อีกทั้ง ที่นี่ก็คืออาณาเขตของหยางชังผู้เป็นลุงของฉินเปียวนั่นเอง
ตอนนี้ฉินเทียนยังไม่แน่ใจว่า ฐานทัพหมาป่าหอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหยางด้วยหรือไม่
หากว่ามีความสัมพันธ์กันจริง เช่นนั้นฉินเปียวกำลังทรยศลุงของเขาเองงั้นเหรอ?
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาสะเลย
ทว่าฉินเทียนกลับคิดความเป็นได้อย่างหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือฉินเปียวจงใจใช้ตัวเองเป็นตัวล่อเพื่อพาไปที่หมู่บ้านจินซา ทั้งยังคิดที่จะยืมมือหยางชังมาจัดการกับเขา
การที่เขาสามารถล่อเจ้านายของตระกูลหยางออกมาได้นั้น นั่นก็นับได้ว่าเป็นการล่องูออกจากถ้ำ
ฉินเทียนได้แต่หวังว่าจี้ซิงจะสามารถแฝงตัวเข้าไป พร้อมกับกำหนดสถานที่ของฐานทัพหมาป่าหอนได้ย่างแน่นอนเสียที เพื่อที่จะได้ช่วยลดกำลังในการปะทะลง
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด
หลังจากที่แน่ชัดตำแหน่งแล้วนั้นขั้นต่อไปก็จะเป็นถึงนาทีที่เขาและเหลยถิงถึงคราวออกโรง
“นายน้อยขอรับ เหตุใดถึงได้ให้เบาะแสสำคัญของหมาป่าหอนกับฉินเทียนอย่างชัดเจนละขอรับ อีกทั้งหลายวันมานี้พวกเขาก็เอาแต่อยู่นิ่ง ๆ อีกด้วย”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาไม่เชื่อข่าวนี้ว่าเป็นความจริง?”
“ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่พวกเราทำมาจะไม่สูญเปล่าหรือ?” ฮุยเฮ่อถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ฉินเปียวเพียงยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ต่างก็ประเมินความคิดของพี่ชายฉันคนนี้ต่ำเกินไป”
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อแต่เขาต้องทำการเตรียมตัวอย่างระมัดระวังต่างหาก”
“แกลืมการโจมตีของเหลยถิงที่โจมตีใส่ราชาซีเตี้ยนไปแล้วเหรอ? พวกเราในตอนนี้ทำได้แค่อดทนรอไปก่อนเท่านั้น”
“หากว่าเป็นไปตามที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้ละก็ เกรงว่าเขาคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”
เขาที่ทำการทิ้งตัวหมากรุกเอาไว้ พร้อมกับดวงตาที่แสดงดึงความกล้าหาญออกมา
…
หลังจากที่ขุนพลนรกทั้งยี่สิบคนได้รับคำสั่งนั้นก็ได้มีการเตรียมตัวเป็นเวลาสองถึงสามชั่วโมงเพื่อออกจากเมืองซินเฉิงด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่จะมาถึงที่หมายในยามเช้าตรู่
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดระหว่างสวรรค์และโลกอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของเมืองซินเฉิงนั้น พลันมีจุดสีแดงที่กะพริบเข้ามาในเมืองอย่างช้า ๆ
ในที่สุด หยางซงก็ได้พาจี้ซิงมาถึงเมืองที่ตั้งอยู่แถบซีเป่ยของอาณาจักรมังกร
“นายน้อยหลงขอรับ พวกเราฉวยโอกาสตอนฟ้ายังไม่สว่าง นอนพักผ่อนกันก่อนเถอะขอรับ!”
“ท่านไม่ต้องกังวลเลย ไม่พ้นคืนนี้ไป ผมจะพาท่านไปพบกับนายหน้าให้ได้!”
หยางซงกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
จี้ซิงที่ยังง่วงนอนอยู่เล็กน้อย พลางหาวขึ้นมาและพูดว่า “งั้นฉันจะรอฟังข่าวดีจากแก”
“จำไว้ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นแกอย่าคิดมาเล่นตลกกับฉัน”
“หากเรื่องนี้เจรจาสำเร็จละก็ มันจะมีประโยชน์อีกมากมายที่แกคาดไม่ถึงเลย แต่หากไม่สำเร็จละก็ ครอบครัวของแกเตรียมลาจากโลกนี้ไปเสีย”
ลาจากโลกนี้? แล้วจะไปที่ไหนได้อีก!
หยางซงพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น ก่อนที่เขาจะตบหน้าอกของเขาอีกครั้ง เพื่อเรียกความมั่นใจออกมา
จากนั้นไม่นาน กลุ่มคนกลุ่มนี้ก็ได้เดินลงไปพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
“นายน้อย ท่านต้องการให้จับตาดูเด็กนั่น เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีรอดออกไปด้วยไหม?”
ในห้องหวงพานพลันเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่ต้องหรอก”
“เขาหนีไปไหนไม่ได้แน่”
“พวกนายไปพักผ่อนกันเถอะอาการบาดเจ็บของพวกนายไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“เฮ้นายน้อยล้อกันเล่นกระมัง”
“แผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”
“รีบทำงานให้เสร็จสะรีบไปสู้กับพวกโง่ ๆ พวกนั้น และรีบกลับไปเอาเงินร้อนล้านคืนมาเสียที!”
ถึงแม้จะพูดว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการเลยไม่ลงทุนไม่ได้ แต่ทว่า ตระกูลจี้หาได้สนใจเรื่องเงินเล็กน้อยพวกนี้ไม่
แต่ทว่า เงินร้อยล้านก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ทว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ เมื่อเงินส่วนนี้มันไปตกอยู่ในท้องของสุนัข ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องรู้สึกเจ็บใจไม่ใช่หรือ?
จี้ซิงเพียงหัวเราะออกมาเบา ๆ และพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ขอแค่ชนะกลับมาก็พอ หากไม่สามารถชนะกลับมาได้ละก็พวกเราก็สามารถไปเบิกคืนกับหัวหน้าฉินได้”
“สำหรับเงินหนึ่งร้อยล้านนั้น ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาร่วงออกมาหรอก ”
“ไม่เพียงแต่เราต้องไปเบิกเงินคืนกลับมาเท่านั้น แต่ครั้งนี้พวกเราต้องช่วยเหลือแผนการของหัวหน้าฉินให้สำเร็จด้วย ไม่ว่าหัวหน้าฉินจะพูดอะไร อย่างน้อยหัวหน้าฉินก็จักต้องเลี้ยงข้าวนายน้อยแน่!”
เมื่อคิดถึง “การทำดีหวังผล” เพื่อให้ฉินเทียนเลี้ยงข้าวนั้นทั้งจี้ตูและหวงพานก็อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากพวกเขาอยู่ในอาณาเขตของคนอื่นสถานการณ์โดยรอบจึงยังไม่ชัดเจนนักดังนั้นเพื่อความปลอดภัย พวกเขาทั้งสามจึงไม่ยอมแยกจากกันอีก
โชคดีที่ ที่นี่เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ที่มีห้องนอนขนาดใหญ่สองห้อง จี้ซิงจึงใช้ไปหนึ่งห้อง พร้อมด้วยหวงพานและจี้ตู ที่นอนอีกห้องหนึ่ง เพื่อพักผ่อนนอนเก็บแรงเอาไว้
จนกระทั่งมาถึงตอนเย็นนั้น หยางซงก็ได้มาเคาะประตูห้องในทันที
“นายน้อยหลงพี่ซื่อพี่อู่พักผ่อนเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ผมมาแจ้งข่าวดีให้นายน้อยทราบ!”
“ผมติดต่อกับนายหน้าสำเร็จแล้ว และเขาสัญญาว่าจะให้ผมพานายน้อยไปพบกับเขา!”
“พวกเรารีบเก็บของรีบไปกันเถอะ!”
ขอบตาของหยางซงค่อนข้างดำคล้ำ เกรงว่าวันนี้เขาคงจะวิ่งทั้งวันจนไม่ได้พักผ่อนเลย
ทว่าท่าทีที่เขาดูตื่นเต้นนั้น เสมือนกับหนุ่มอายุสามสิบปีที่ได้ยินจากแม่สื่อว่าต้องการแนะนำให้เขาให้รู้จักกับลูกสะใภ้ตัวน้อย
ถึงแม้ขอบตาที่จะดำคล้ำนั้น ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว
จี้ซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ให้เขามาหาฉันไม่ได้หรือ?”
หยางซงรีบร้อนกล่าวออกมาว่า แต่ตอนนี้เราอยู่ในเขตของคนอื่นนะขอรับ”
“มีคำกล่าวไว้ว่า แขกต้องตามใจเจ้าของ นายท่านได้โปรดช่วยใจเย็น ๆ ลงหน่อยนะขอรับ”
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ พวกเราจะได้กลายเป็นลูกค้าคนสำคัญของพวกเขาในอนาคตผมรับรองได้ว่าพวกเขาจะต้องมาเอาอกเอาใจพวกเราแน่นอน !”
หลังจากฟังคำชักชวนของหยางซงแล้วนั้น จี้ซิงจึงได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“ในคราหน้ามันจะไม่เป็นอย่างนี้อีก ไปกันเถอะ”
ในระหว่างทาง หยางซงจึงเอ่ยแนะนำตัวตนของนายหน้าด้วยเสียงแผ่วเบา
ฉายาของเขาคือ “พี่เสี่ยวหลาง”
บิดาของพี่เสี่ยวหลาง ถูกเรียกว่าเหล่าหลาง เป็นถึงผู้จัดการเหมืองแร่หลายแห่ง อีกทั้งในอดีตยังเป็นผู้จัดการดูแลเหมืองแร่หลายแห่งให้กับเจ้านายมากมายอีกด้วย
อีกทั้งหยางจินซุ่ย บิดาของหยางซงนั้น ก็มาที่นี่เพื่อร่อนทองตั้งแต่อายุยังน้อยและรับงานสองสามอย่างภายใต้บริษัทของเหล่าหลางเช่นกัน
เนื่องด้วยปัญหาอะไรบางอย่าง นั่นจึงทำให้หยางซงพอจะมีสายสัมพันธ์กับเหล่าหลางอยู่บ้าง
หากมองจากมุมมองนี้แล้ว ทั้งหยางซงและพี่เสี่ยวหลางเอง ก็ดูจะมีความสัมพันต่อกันอยู่ไม่น้อย
หยางซงที่ใช้เพลงมวยในการหากินอยู่ในเมืองเฮยหลงนั้นมีครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกหดหู่ใจ พลางเข้าไปบ่นโอดครวญกับพี่เสี่ยวหลาง
ทว่าเสี่ยวหลางเกิพลันยิ้มเยาะเขาอย่างดูถูก ก่อนจะแนะนำให้หยางซงได้รู้จักกับหมาป่าหอน
จี้ซิงพลันขมวดคิ้วลงก่อนจะกล่าวว่า “ดังนั้น พี่เสี่ยวหลางคนนี้เป็นตัวแทนการจัดการทุกอย่างแทนเหล่าหลางงั้นหรือ”
“เขามีอำนาจมากแค่ไหนกัน? แกควรจะแนะนำเหล่าหลางให้ฉันรู้จักสิ ถึงจะถูก”
หยางซงพลันรีบร้อนพูดออกมาว่า “นายน้อยหลง ท่านอย่าได้ร้อนใจไป!”
“มีที่ใดกัน การที่พวกเรามาในครั้งแรกแล้วจะสามารถพบกับเหล่าหลางได้”
“หากอยากเจอ ถึงอย่างไรก็ต้องได้รับการยืนยันจากพี่เสี่ยวหลางเสียก่อน”
“นายน้อยหลงขอรับ พี่เสี่ยวหลางมีนิสัยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย แต่เขาเป็นคนชอบธรรมมาก ๆ การพบเจอกันในครั้งแรก ท่านช่วยอดทนหน่อยนะขอรับ ช่วยพูดคุยกับเขาดี ๆ”
จี้ซิงพลันส่งเสียงฮึดฮัดตอบกลับ “แกกลัวว่าฉันจะไปมีปัญหากับเขางั้นเหรอ ?”
“อย่ากังวลไปเลย ในเมื่อเขามีประโยชน์ต่อฉัน ฉันย่อมรู้ว่าควรจะต้องทำอะไร”