บัญชามังกรเดือด - บทที่ 848 แสงทองคุ้มกันร่างกาย
บัญชามังกรเดือด บทที่ 848 แสงทองคุ้มกันร่างกาย
ผ่านไปสามวัน ในตอนเช้าตรู่ ฉินเทียนที่สลบไม่ได้สตินั้น ในที่สุดนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ดวงตาหนึ่งคู่นั้น ค่อยๆสว่าง ชัดเจนขึ้น และใสราวกับเหมือนเด็กทารกที่เพิ่งเกิด เขานั้นมองไปที่รอบๆห้องอย่างเงียบๆ ราวกับว่ามองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าที่นับไม่ถ้วน
สีหน้าของเขานั้นดูเงียบสงบผิดปกติ
เขานั้นรู้สึกว่าตนเองนั้นเหมือนได้ทำการฝันที่ยาวนาน ในความฝันนั้น เขานั้นได้นอนหลับขดอยู่ในไข่ใบหนึ่ง
แล้วไข่ใบนั้นที่ได้ดูดซับพลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แล้วค่อยๆฟักตัวเปลี่ยนออกมาเป็นเขา เขานั้นค่อยๆเหยียดแขนและขาของเขา ก่อนที่จะนอนลงไปบนพื้น
ในภวังค์ เขานั้นเหมือนได้รวมตัวเข้ากับสวรรค์และนรก กระดูกของเขานั้นเหมืองภูเขา เลือดเหมือนสายน้ำ บนร่างกายนั้นมีเส้นผม และบนร่างกายของเขานั้นก็เต็มไปด้วยพืชไม้ที่เขียมชอุ่มเต็มไปหมด
แล้วหัวใจของเขานั้นที่ได้เต้นอย่างทรงพลัง ดังก้องไปในจักรวาล และดังไปพร้อมกับชีพจร ของศูนย์กลางของยมโลก
เหมือนว่าได้นอนหลับไปเช่นนี้นั้นไม่รู้แล้วว่ากี่ปี ทันใดนั้น ในความคิดของเขานั้น ก็ได้มีเสียงนกร้องมาที่ข้างหู
ก่อนที่เขานั้น จะค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ภายในห้องที่ว่างเปล่า ที่เงียบสงบนั้น ไม่ได้มีนก หรือเสียงยกร้อง
แต่ว่าเสียงนกในหัวสมองของเขานั้นยังคงไม่หายไป ในที่สุดเขานั้นก็ได้กลับมาในโลกนี้ หลังจากนั้น ใช่เวลาสามสิบวินาที ก่อนที่เขานั้นจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
เขานั้นได้พลิกตัวลงจากเตียง ก่อนที่จะมองตนเองในกระจก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ผัวหนังของคนเองนั้น มาดีขึ้นตอนไหนกัน?
ทั้งขาวนุ่มสะอาด ราวกับว่ามีความมันวาวออกมา อาจจะเป็นเพราะว่านอนหลับไปนาน มองดูแล้ว“การนอนหลับเพื่อความสวย”นั้นจะแลดูมีเหตุผลนะ
เขานั้นยิ้มๆ ก่อนที่จะรีบไปหาฉินเปียวเพื่อทำการล้างแค้น ก่อนที่จะรีบถอดเสื้อผ้าชุดนอนบนร่างกาย ก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อมองเห็นตนเองที่เปลือยเปล่า เขานั้นได้ตะลึงงันอีกหนึ่งรอบ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมองผิดหรือเปล่า เพราะเขานั้นมองเห็นเส้นหนึ่งบนกล้ามเนื้อของคนเองนั้น ได้มีอีกหนึ่งชั้น ที่มีแสงสีทองเปล่งประกายออกมา
ก่อนที่จะค่อยๆทำความรู้สึกเงียบๆ ทั้งร่างกายนั้น เหมือนกับว่าได้นอนหลับลึกไป แล้วได้ไปเก็บรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งมาหลายล้านปี
ทันใดนั้นเขาก็มีอยากคิดอยากแล้วขี่ม้าพุ่งไปยังในโลกและสวรรค์ และปลดปล่อยมันออกมา
หรือว่า นี่เป็นพละกำลังของเลือดหรอ?
เขานั้นได้คิดเรื่องที่เกิดขึ้นในวังตะวันออกที่จวนฉิน เขานั้นได้กำจัดตัดหัวของพวกปีศาจไปกว่าห้าสิบสี่คน แล้วก็ถึงขีดสุดของเขาแล้ว
หลังจากนั้นเขานั้นก็ได้ค้นพบกับฮุยเฮ้อที่มีพลังที่แข็งแกร่ง และโดนจัดการและแพ้ในครั้งเดียว
ในตอนที่เขานั้นกำลังจะตายภายใต้น้ำมือของฮุยเฮ้อ ในช่วงเวลาที่สำคัญ เข้านั้นได้รู้สึกพละกำลังในเลือดของเขานั้น ที่เหมือนกับ ได้ถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า แล้วส่งไปทั่วร่างกาย
แล้วเขานั้นก็เหมือนเป็นผู้ที่ถูกพระเจ้าช่วยเอาไว้
แต่ว่า พละกำลังนี้มันมากจนเกินไป ดังนั้นหลังจากที่ได้ฆ่าฮุยเฮ้อไปแล้ว ก็ได้พุ่งเข้าไปแล้วทะลุเข้าไปในแนวฟ้องกันชั้นสุดท้ายของเขา
ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้นเอง ในตอนที่เขานั้นมองเห็นถึงผลลัพธ์ที่จะได้จากการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว เขานั้นก็ได้อาเจียนเลือดออกมาแล้วสลบไป
ตอนนี้คิดไปคิดมา น่าเสียดายจริงๆ ในตอนนั้นหากเขานั้นอดทนอีกสักหนึ่งนาที เขานั้นจะได้ถามคำตอบจากปากของฉินเปียวเกี่ยวกับเรื่องที่เขานั้นอยากจะรู้
……สุดท้ายแล้วข้อสรุปของเขานั้น ก็เหมือนกับตอนที่ได้ต่อสู้กับลิเหลียง พลังในเลือดที่ลึกลับของเขานั้นตื่นขึ้น ที่ทำให้เขานั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกครั้ง
แต่ทว่า เขานั้นกลับไม่สามารถที่จะดีใจ เพราะว่าเขานั้นรู้เบาๆได้ว่า พลังที่ลึกลับนี้นั้น เหมือนกับได้มีปีศาจซ่อนเอาไว้ ที่ได้กำลังเฝ้ามองตนเองอย่างเงียบๆ
เขานั้นมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี นั่นก็คือ เหมือนได้มีปีศาจที่กำลังฝึกฝนตนเองอยู่ รอให้ฝึกฝนตนเองจนแข็งแกร่งแล้ว เจ้าสัตว์ร้ายนั้นก็จะเข้ามาควบคุมตนเอง
เมื่อถึงเวลา แล้วตนเองนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นอะไรล่ะ?
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เขานั้นอดไม่ได้ที่จะแอบหวาดกลัวตัวสั่น
ในตอนนี้เอง ทางด้านประตูนั้น ได้มีเสียงอุทานส่งมา ที่ได้มารบกวนความคิดของเขา
เป็นเสียงของหญิงสาว!
ฉินเทียนนั้นตกใจ ก่อนที่จะรีบหันตัวไปมอง พบเห็นเพียงประตูที่เปิดออก และเหลิ่งหยุนที่เอามือปิดหน้าเอาไว้
“คุณเป็นอะไรหรอ?”ก่อนที่เขานั้นจะถามอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อคิดแล้วก็เดินเข้าไป เพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่าเข้ามานะ!”
เหลิ่งหยุนกางนิ้วมือออกมา ก่อนที่ผ่านนิ้วมือนั้น ได้มีใบหน้าสีแดงปรากฏขึ้นแล้วเอ่ย“ขายขี้หน้าจริงๆ!”
เมื่อเอ่ยจบ ก็วิ่งออกไปอย่างไม่หันหลังกลับ
ขายหน้า?
ฉินเทียนตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้สึกตัว แล้วรีบที่จะหาแผ่นดินแตกแทรกหนี
เมื่อสักครู่เขานั้นเพิ่งจะยืนที่หน้ากระจก เข้าหันไปที่ด้านข้างประตู ยังดีนะ ที่ได้ยินเสียง เขานั้นหันไป และอยากที่จะเดินไปดู
แต่ว่าเอ้ย……บนร่างกายนั้นไม่ได้ใส่อะไรเอาไว้เลย!
อีกทั้งใบหน้าที่หันมาของเหลิ่งหยุน!
ที่สำคัญเลยก็คือ แล้วฉินเทียนน้อยนั้นไม่รู้ว่าได้กลิ่นที่ลึกลับอะไร ไม่รู้ว่าในตอนไหน ตอนนี้ได้ ……
ห่าเอ้ย!
ฉินเทียนอุทานออกมา ก่อนที่จะรีบวิ่งไปปิดประตู หลังจากนั้น เขาก็หันไปเพื่อเตรียมที่จะใส่เสื้อผ้า
ที่ด้านนอกหน้าต่าง ที่ได้มีเสียงอ่อนหวานเข้ามา ที่กำลังกินๆแล้วหัวเราะ “พี่เทียน พี่ฟื้นตัวได้ไม่เลวเลยนะเนี่ย อยากที่จะให้น้องสาวช่วยไหมล่ะ?”
“หากต้องการล่ะก็ ฉันจะเข้าไปเอง”
แม่งเอ๊ย!
ยัยเหลิ่งหยุนกลับมาอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม ฉินเทียนนั้นถึงสามารถที่จะควบคุมตัวเองได้ดีมาก เมื่อได้ยินเสียงหยอกล้อแล้ว ทันใดนั้นก็อยากจะกระอักเลือด
ฉินเทียนน้อยนั้นเหมือนกับได้ยินเสียงสัญญาณ อยากที่จะหลุดพ้น ไปยังพื้นที่ที่กว้างใหญ่ ไปยังโลกสวรรค์ที่กว้างใหญ่ อยากที่จะควบม้าขี่ออกไป แล้วพุ่งออกไปอย่างสบายอกสบายใจ
“ไม่ต้อง!”
“อย่าเข้ามา!”
ฉินเทียนนั้นกลืนน้ำลาย ในเวลานี้ เขานั้นเขินอายและรู้สึกละอายใจสุดๆ
ไม่ง่ายเลยที่จะพยายามควบคุมตัวเองได้ ก่อนที่เขานั้นหาใส่เสื้อคลุมแล้วไปนั่งบนโซฟา ก่อนที่จะขมวดคิ้ว
เหลิ่งหยุนนั้นเหมือนกับจะยังอยู่ที่ด้านนอก เขานั้นไม่รู้ว่าจะออกไปประตูยังไงดี ที่จะไปเจอหน้ายัยบ้านั่นอีก
โชคดีที่ ในเวลานี้นั้น ที่ด้านนอกประตูนั้นได้มีเสียงส่งมา
“พี่หยุน ทำไมคุณถึงได้มาวิ่งเต้นรอบที่นี่อย่างงี้ล่ะ ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ?”
“พี่ใหญ่นั้นได้สลบไปสามวันแล้ว หากเขานั้นไม่ฟื้น ข้านั้นจะต้องใจแตกสลายแน่ๆ!”
นั่นก็คือเสียงของจี้ชิง
“คุณเหลิ่งหยุน คุณเป็นอะไรกัน?”
“ทำไมสีหน้าถึงได้แดงขนาดนี้ หรือว่าเป็นไข้หรือเปล่า?”
“แย่แล้ว!”
“หลายวันมานี้เจ้านั้นคอยดูแลแส้มังกรอยู่เคียงข้างกายของเขา อย่าเอาสะจนตนเองป่วยตามสะล่ะ เร็วๆสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเอง!”
คือเสียงของฉินชวน
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้ว ฉันก็อยากจะไปพักสักหน่อย พวกเจ้าเข้าไปดูเขากันเถอะ”
เสียงของเหลิ่งหยุนนั้นฟังแล้วช่างนุ่มนวล แต่ว่าก็ไม่ได้เหมือนกับตอนปกติที่เสียงเย็นชาและร้อนแรง เลือดเย็นเหมือนดั่งราชินีงู
“เธอเหนื่อยแย่แล้วล่ะ ให้เธอไปพักผ่อนเถอะ”
“เพื่อนจี้ชิง ต่อไปนี้ พวกเรานั้นก็ถึงตาพวกเราที่จะมาคอยดูแลพี่เทียนแล้วล่ะ”
ฉินชวนเอ่ย กับจี้ชิง ก่อนที่จะพากันเข้าไปด้านใน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปไม่มีใครนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองคนนั้นตกตะลึงงัน
วินาทีต่อมา พวกเขานั้นก็มองไปที่บนโซฟาที่ ฉินเทียนนั้นได้ใส่ชุดสีดำนั่งมองไปที่นอกหน้าต่าง ด้วยชุดที่มีแสงเปล่งประกายวาว และนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนนั้นอ้าปากค้าง
“พระเจ้า พี่ตื่นขึ้นมาตอนไหน?”
“พี่ทำให้พวกเราตกใจเกือบตาย!”
“แส้มังกร รู้สึกยังไงบ้างแล้วล่ะ?”
“อยากจะให้พวกเรานั้นเรียกหมอเข้ามาตรวจสอบสักหน่อยไหม?”
เมื่อจี้ชิงและฉินชวนได้สติ ต่างก็พุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น ทั้งกระโดดและยิ้มออกมา
ภายในดวงตาของจี้ชิงนั้นแฝงไปด้วยน้ำตา มองไปแล้ว เหมือนอยากที่จะกอดฉินเทียนจนแทบแย่
ฉินเทียนนั้นรีบยกมือขึ้นแล้วเอ่ย “อย่าทำอะไรขนาดนั้นเลย ข้าไม่เป็นไรหรอก”
“ข้านั้นกำลังอยากที่จะไปหาพวกเจ้าพอดี ตอนนี้พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว รีบเอ่ยมาสิ ว่าไม่กี่วันมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“ฉินเปียวเป็นยังไงบ้างแล้ว?เขานั้นยังติดตอบคำถามข้าอยู่อีกหนึ่งข้อนะ”
“หากไม่ผิดคาดนะ จากปากของเขานั้น พวกเรานั้นจะต้องสามารถเข้าใจถึงความจริงของพวกหมาป่าหอน รวมถึงวิหารเทพที่สังหารลึกลับพวกนั้น ”