บัญชามังกรเดือด - บทที่ 859 ผู้นำตระกูลรุ่นที่เจ็ด
บัญชามังกรเดือด บทที่ 859 ผู้นำตระกูลรุ่นที่เจ็ด
ในที่สุดก็เช้าแล้ว
หลังจากหนึ่งคืนที่มีแต่ฝนตกหนัก ในที่สุดนั้นก็มีสายรุ้งขึ้นแล้ว อีกทั้งด้วยแสงยามเช้าที่สว่างไสวไปทั่วทุกพื้นที่
สายน้ำฝนที่ได้ผสมทั้งชะล้างและกลิ่นเลือดผสมกันที่ลอยมา
เลยทำให้ทุกคนนั้น อดไม่ได้ที่จะสยองขวัญ
สีหน้าของฉินเทียนนั้นขาดจนน่ากลัว ดวงตาจองเขานั้นจ้องไปที่ประตูของห้องผู้สืบทอด เขากัดฟัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างแน่วแน่
จี้ชิงนั้นอยากที่จะเดินตามเข้าไป แต่ทว่ากับถูกจินตูนขวางเอาไว้
จินตูนถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร แต่ว่าต่อหน้าของเขานั้น ก็ทำให้จิตใจของจี้ชิงนั้นแอบสั่น ไม่ต้องลงมือ ทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าฝังตรงข้ามนั้นก็รู้ถึงตัวตนของเขาเหมือนกัน
“ห้องโถงบรรพบุรุษนี้เป็นสถานที่สำคัญ ห้ามคนนอกเข้า”
หลังจากที่จินตูนนั้นได้กล่าวเตือนจี้ชิงแล้ว หลังจากนั้นก็มองไปที่ฉินเทียน แล้วเรียกเสียงเรียบ “คุณชาย!”
“ท่านนั้นคือปรมาจารย์อายุน้อยที่สุดที่ข้าเคยเจอมา ข้ายอมรับ ในปีนั้น ตระกูลฉินนั้นเพราะไม่มีตา เลยมองท่านต่ำเกินไป!”
“แต่ว่า นายหญิงใหญ่เขานั้นคือย่าแท้ๆของท่านนะ”
“หากคุณกล้าแตะต้องเธอล่ะก็ ก็ต้องข้ามจินตูนรอให้ข้าตายไปก่อน และข้าจะต้องทำให้เลือดของท่านไหลออกมาที่นี่แน่!”
“อย่าลืมล่ะ ข้าในยี่สิบปีก่อนนั้น ก็คือปรมาจารย์แล้ว!”
เมื่อสิ้นเสียงลง จากบนตัวของเขานั้น ก็ได้ระเบิดพลังอันโกรธแค้นมากมายออกที่พวยพุ่ง แล้วพุ่งเข้าไปหาที่ฉินเทียน
นี่เป็นการเตือนที่ยิ่งใหญ่!
ก็คือภัยคุกคามนั่นแหละ!
ฉินเทียนนั้นเดินเข้าไปเล็กน้อยแล้วหยุด ก่อนที่จะเอ่ยอย่างเย็นชา “ย่าแท้ๆหรอ?”
“เธอคู่ควรงั้นหรอ”
“ถ้าหากภรรยาของผมมีอะไรไป พวกคุณทั้งหมดจะต้องไปอยู่ในหลุมฝังศพแน่!”
หลังจากนั้น ไม่ได้สนใจจินตูนอีกต่อไป ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไป
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลฉินนี้ นั้นคือความหวังต่อไปของคนรุ่นต่อไป และก็จะได้รับการสั่งสอนจากสถานที่นี่
ในตอนที่เขานั้นก้าวเข้ามาในประตู และเข้ามายังภายด้านในห้องโถง การตกแต่งที่ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศที่เรียบง่าย ที่แยกออกจากลมแรงพายุเลือดนองจากด้านนอก
เงียบ และสงบ
ราวกับว่าคนแก่คนนี้นั้น ได้มองเห็นถึงความโกรธแค้นหมด และกลายเป็นคนชรา นั่งอยู่ที่นี่ และรอให้คนนั้นกลับคืนมา
ไม่รู้ว่าทำไม ฉินเทียนถึงได้สงบลงเช่นนี้
ราวกับว่าเรื่องราวที่อยู่ภายในใจจิตใจและใจสั่นตอนที่ไปอยู่ด้านนอกมาหลายปีนั้น ได้รับการปลอบโยนแล้ว
แสงแดดยามเช้านั้นส่งผ่านเข้ามาในหน้าต่างบานเก่า แล้วกระทบกับแท่นบูชา ที่ได้มีการแกะสลักเอาไว้ ด้านหนึ่งสว่าง ด้านหนึ่ง
มันทั้งเคร่งขรึมและลึกลับ
ฉินเทียนเมื่อมองเห็นแล้ว ที่ด้านบนแท่นนั้น ได้มีเงาของคนแก่คนหนึ่ง ที่ได้ใส่ผ้าคลุมไหมยาวที่ปักด้วยด้ายสีทอง อีกทั้งผมที่มีสีขาวนั้นยังติดกิ๊บสีทองเอาไว้
ท่าทางของเธอนั้นช้าๆ แล้วกำลังมองไปเธอที่กำลังจุดธูปที่ด้านหน้าของรูปปั้น
มองไปที่รูปปั้นแล้ว ม่านตาของฉินเทียนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหดลง ในความทรงจำของเขานั้นในทันใดก็ได้ถูกเปิดออก ภาพตอนเด็กตอนที่เขานั้นได้วิ่งเล่นกับคุณปู่ ตอนนี้ได้เหมือนมีน้ำเขื่อนนั้น ได้เข้ามาท่วมเต็มในจิตใจของเขา
หลังจากนั้น เขาก็คิดว่า เมื่อไม่นานนั้น ทีเขาอิงจุ่ย ที่ผาเขาแห่งความตาย ก่อนที่จะสู้กับฉินเปียว เขาเคยเอ่ยเรื่องพวกนี้มาก่อน
“เจ้ารู้ไหมว่าคุณปู่และคุณลุง ทำไมถึงได้กระโดดลงไปจากที่นี่?”
“ไม่แน่นะว่า ที่นี่นั้นอาจจะเป็นประตูไปยังอีกโลกหนึ่งก็ได้ ……”
ภายในใจของเขา ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด
“ซูซูล่ะ?”เวลาผ่านไปนาน เขานั้นถึงได้เอ่ยด้วยเสียงสั่นคลอน
ไม่เห็นซูซู ภายในใจของเขานั้นก็ร้อนรน ราวกับว่า ได้ทำรักได้สูญเสียรักครั้งแรกในตอนมัธยมไป
ภาพฝั่งตรงข้ามที่น่ากลัวนั้นของเทพเจ้าที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดทั้งนั้นนั้น ได้หายไปแล้ว
นายหญิงใหญ่ค่อยๆหันตัวมา แล้วมองไปที่ฉินเทียน ในสายตาของเธอนั้น ได้ปรากฏถึงความโกรธแค้นออกมา
และเอ่ยอย่างไม่พอใจ“หายจากบ้านไปไม่กี่ปี เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งแล้วงั้นหรอ ไม่คิดเลยว่า จะเก่งเหมือนกันนะ!”
“เหมือนกับพ่อของเจ้าที่ไร้ประโยชน์นั่นแหละ เพื่อผู้หญิงหนึ่งคน ละทิ้งแม้แต่จิตวิญญาณ!”
เมื่อต้องเผชิญการดุด่า ฉินเทียนเดิมทีที่โกรธจนระเบิด ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อมองเห็นสภาพบ้าของยายคนนี้ เขานั้นกลับละอายใจแทน
กลับรู้สึกว่า ตนเองนั้นที่เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมีดีเท่าผู้หญิง
ราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นเหมือนจะอยู่บนท้องฟ้า แล้วมีแต่พวกคนดีขี่ม้า แต่ว่าตนเองนั้น อ่อนแอราวกับผู้หญิง
ไม่ใช่!
ทำไมตนเองถึงคิดจะต้องเช่นนี้ด้วย?
ตนกับยายแก่คนนี้ทั้งๆที่เป็นศัตรูกันแท้ๆ!
เธอนั้นไล่ตนเองออกจากบ้าน เหมือนหมาข้างถนน เกือบที่จะต้องตายอยู่ด้านนอก อีที่มีคนนั้นจับให้ตนเองไปมีภรรยา
“ข้า——”
ในตาของฉินเทียนเบิกกว้าง อยากที่จะระเบิดความโกรธออกมา
“เจ้าอะไรเจ้า?”
สีหน้าของนายหญิงนิ่งลง ก่อนที่จะคิดคำที่จะมากดดันฉินเทียน นั้นไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง ที่จะต้องครอบครองอำนาจมาคนเดียวหลายปี!
“ไป ปิดประตูส่ะ”
“วันนี้ก็นับว่าต่อหน้าบรรพบุรุษ ข้าจะอธิบายให้เจ้าเอง”
ฉินเทียนชะงักครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ายายแก่นั้นอยากที่จะทำอะไรกันแน่ เขานั้นลังเล ก่อนที่จะเกิดตามไป แล้วปิดประตู
ภายในห้องนั้น แสงนั้นยิ่งสลัวขึ้น
รูปปั้นบนแท่นนั้น มองไปแล้วยิ่งลึกลับน่าเกรงขาม
กลิ่นธูปบนซองบุหรี่ ยิ่งทำให้เหตุการณ์ตรงหน้านั้น ยิ่งลึกลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
ฉินเทียนมองไปที่นายหญิงใหญ่ อยากที่จะรู้ ว่าเธอนั้นอยากจะส่งอะไรให้ตนเอง
นายหญิงใหญ่ส่งเสียงหึออกมา ราวกับว่าสำหรับการแสดงตัวตนของฉินเทียนนั้น ยังคงไม่น่าพอใจเท่าไหร่ อีกทั้งยายคนนี้นั้น ยังรู้สึกว่าหลายชายคนนี้นั้นกลัวไปแล้ว
ไม่เหมือนผู้ชายแท้ๆเลย!
ปู่ของเขาในปีนั้น……
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร สีหน้าแดงก่ำ
“ไป ไปจุดธูปให้บรรพบุรุษสิ” เธอนั้นเอ่ยน้ำเสียงต่ำ เพื่อพยายามหลบซ่อนน้ำเสียงสั่น
ฉินเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่คิดว่า ตอนนี้ซูซูนั้นอยู่ในมือของพวกเขา จึงทำได้แค่ทนๆไว้ก่อน
เขารู้ดี ในนิสัยของยายแก่ เอนั้นแข็งแกร่ง แม้แต่หวาดกลัวก็ไม่มี จึงทำได้แค่ทำตามไปก่อน
เขานั้นอดทนเก็บความแค้น แล้วเดินตามไปที่แท่น แล้วปักธูปลงอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้น ก็หันไปจ้องที่นายหญิงใหญ่แล้วกัดฟันเอ่ย “ตอนนี้ได้หรือยัง?”
“คุกเข่าลง!”
อือ?
ยายแก่เจ้าอย่ามามากไปหน่อยเลยนะ!
ฉินเทียนเบิกตากว้าง อยากที่จะขัดขืน แต่ว่านายหญิงใหญ่นั้นได้ใช้ไม้ทองคำที่ถือในมือนั้น ทุบไปที่เขาของเขาอย่างแรง
ฉินเทียนร้องออกมาเบาๆ และอดไม่ได้ที่จะก้มลงอย่างเจ็บปวด
ในตอนนี้ ราวกับว่าได้กลับไปในตอนสมัยเด็ก ที่ตนเองนั้น “ไม่ชอบ”ที่จะถูกยายนั้นลงโทษ
แม้แต่ฉินเทียนนั้นก็ยังคง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า นายหญิงที่ผมขาวอายุเยอะคนนี้ กลับจะยังมีแรงที่เยอะขนาดนี้
กลับกัน เขานั้นร้องเบาๆออกมา อยากที่จะยืนขึ้น แต่ข้างๆหู ได้ยินเสียงดุจากนายหญิง
“เจ้าบรรพบุรุษของตระกูลฉิน ที่ได้ต่อสู้ในสงครามเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ทั้งคนแก่และเด็กน้อย ต่างก็ได้อพยพแล้วหนีมาหลบกันที่นี่”
“หลังจากที่เกิดเรื่องโกลาหล ตระกูลนั้นได้ลงรากปักฐาน และตั้งรากฐานในซีเป่ย และค่อยๆมั่นคงมาเรื่อยๆ ……”
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะตะลึง
เพราะนายหญิงใหญ่เอ่ยนั้น นั้นคือประวัติของตระกูลฉิน และทุกคนในตระกูลฉินนั้น จะต้องคุ้นหู จนกระทั่งได้หลั่งไหลและรวมอยู่ในสายเลือด ……
ดังนั้นในขณะที่นายหญิงใหญ่นั้นกำลังเอ่ยถึงความยิ่งใหญ่ และเหมือนสายน้ำที่เงียบสงบ อดไม่ได้ที่จะดึงดูดความสนใจของเขา
เมื่อพูดถึงผู้นำตระกูลรุ่นที่ห้า ซึ่งก็คือคุณปู่ของฉินเทียน สามีของนายหญิงใหญ่ นามว่าฉินว่างจู่
ก่อนที่เธอจะหยุดชะงัก แล้วค่อยเอ่ยอีกสองประโยค และเอ่ยเกี่ยวกับทายาทรุ่นที่หก
ก็คือผู้นำตระกูลฉินคนปัจจุบัน
คือลูกชายของเธอ เป็นคุณชายของตระกูลฉิน เป็นพ่อของฉินเทียน ซึ่งก็คือฉินฉี
“ฉินฉีเขานั้นค่อนข้างอ่อนแอ แต่ในตำแหน่งผู้นำ แต่ก็แค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ตามประเพณีของตระกูลฉินนั้น ตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้น จะต้องมีความสามารถด้วย”
“ตอนนี้หลายชายคนโตของตระกูลฉิน ฉินเทียน หลังจากที่ได้รับการทรมานยากลำบาก ตอนนี้ได้ผ่านด้านแล้ว และจะกลายเป็นคนที่สืบทอดตระกูลรุ่นต่อไป”
“รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม วันที่พ่อเจ้าก้าวลง แล้วลูกชายขึ้นเพื่อดำตงตำแหน่งแทนรุ่นที่หก นั้นก็คือผู้นำตระกูลฉินรุ่นที่เจ็ด”