บัญชามังกรเดือด - บทที่ 861 พี่สะใภ้
บัญชามังกรเดือด บทที่ 861 พี่สะใภ้
“รอเดี๋ยว!”
ยามที่หญิงชราเดินไปถึงหน้าประตูพลางใช้มือยื่นออกมา เพื่อจะจะผลักประตูเข้าไปนั้น บอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล พลันเอ่ยร้องเรียกขึ้นมาเสียก่อน
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียนเช่นนั้น ทั่วร่างของหญิงชราพลันชะงักไปในทันที นัยน์ตาทั้งสองข้างพลันเปล่งประกายเจตนาฆ่าออกมาในทันที
ในยามที่นางหันหน้ากลับไปอย่างช้า ๆ นั้น หญิงชราที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวที่เคยอยู่ข้างกายหยางหลิวมาก่อนนางคือยายแม่มดคนนั้น
นางค่อย ๆ หันหน้าไปมองบอดีการ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า พลางเค้นรอยยิ้มหวานออกมา “มีอะไรงั้นหรือพ่อหนุ่ม?”
บอดี้การ์ดหนุ่มพลันค่อย ๆ สาวเท้ายาวเข้ามาหานาง ยามที่เดินมาถึงตรงหน้าของยายแม่มดนั้น พลางก้มตัวลง
“นี่คืออะไร?”
เสมือนกับบอดี้การ์ดหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าค้นพบบางอย่างผิดปกติที่บริเวณเท้าของยายแม่มด
แววตาของยายแม่มดพลันเปลี่ยนไปในทันที นางที่นึกไปว่าตัวตนของตัวเองถูกเปิดเผยออกมาแล้วนั้น พลันกัดฟัน พร้อมกับออกแรงกระทืบเท้าของตน ทันใดนั้น พลันมีใบมีดสั้นโผล่ออกมาจากปลายรองเท้าของนางในทันที
หญิงชราเพียงยกเท้าของตนเองขึ้น พร้อมกับใช้ใบมีด เตะปาดคอบอดี้การ์ดหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าในทันที
บอดี้การ์ดหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหาได้ทำสิ่งใดไม่ รวมไปถึงท่าทางของเขาที่กำลังก้มตัวลงนั้น จึงทำให้ใบมีดเจาะทะลุคอของเขาไปอย่างง่ายดาย
ด้วยแรงและพละกำลังของยายแม่มดที่ทุกคนยากจะนึกถึงนั้น
เพียงออกแรงฟึ่บเดียว ใบมีดที่ยาวเพียงไม่กี่นิ้ว ก็ปาดคอบอดี้การ์ดหนุ่มได้ในทันที ทั่วร่างของบอดี้การ์ดหนุ่มราวกับชะงักไปครู่หนึ่ง แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ยังมิทันได้ส่งเสียงออกไป พร้อมกับมือที่กำลำคอตัวเองเอาไว้ ก่อนจะล้มพับลงไปตัวงออยู่ที่พื้น
เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มล้มตัวลงไปที่พื้นนั้นหญิงชราถึงได้เห็นแผ่นเศษแก้วแวววาวส่องสะท้อนออกมา บริเวณที่ปลายฝ่าเท้าของนาง
อะไรกัน?
หรือว่า ตัวตนของนางหาได้ถูกเปิดโปงไม่ แต่เป็นเพราะบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นเศษแก้วถึงได้กังวลว่านางจะเหยียบมัน ถึงได้เอ่ยปากขัดขวางนางเอาไว้งั้นเหรอ ?
ยามที่หญิงชราเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างนั้น ก็วานเกินแก้ไปเสียแล้ว เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ถึงได้พลั้งมือสังหารคนอื่น จนทำให้ตัวตนของนางถูกเปิดเผยออกมาเช่นนี้
“ใครกัน?”
“นักฆ่า!”
“อย่าให้มันหนีไปได้!”
หากไม่รวมกับบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยายแม่มดทำการสังหารไปนั้นเหล่าบอดี้การ์ดหนุ่มประมาณสิบคนที่ราชาจินตูนทิ้งเอาไว้จึงเหลือเพียงเก้าคนเท่านั้น
ยามที่พวกเขาเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พากันกรูเข้ามาล้อมรอบหญิงชราเอาไว้ในทันที
ยายแม่มดพลันรู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก เมื่อครู่นางเกือบจะรอดตัวไปได้แล้วเชียว ขอเพียงแค่นางได้เข้าไปในห้องเท่านั้น ซูซูก็จักตกอยู่ในกำมือของนางแล้วแท้ ๆ
น่าเสียดายนัก ที่ตัวตนของนางถูกเปิดเผยออกมาเสียแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มีแต่ต้องเดินหน้าฆ่าปิดปากอย่างเดียวเท่านั้น !
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ กล้ามาทำตัวจองหองต่อหน้าข้าเช่นนี้หรือ!”
หญิงชราพลันกล่าวตะคอกออกมาด้วยความเย็นชาทันใดนั้น นางพลันกวาดมือไปจับกาน้ำชาเอาไว้ในทันที ก่อนที่จะสาดน้ำชาใส่บอดี้การ์ดหนุ่มสองคนที่อยู่ใกล้ ๆ
ยามที่น้ำชาร้อน ๆ รวมไปถึงพลังภายในของยายแม่มดรวมเข้าด้วยกัน พร้อมกับสาดเข้าไปใส่ใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนนั้น มันจึงเหมือนกับเหล็กหลอมเหลวที่สาดเข้าใบหน้าในทันที
เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บแล้วนั้น พวกเขาพลันใช้มือกุมใบหน้าตนเองเอาไว้ ก่อนจะทำการล่าถอยออกไป
ยายแม่มดจึงได้ทำการเคลื่อนไหวตัว
หญิงชราพลันใช้มือดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อของตนสองด้าม พลางนำมีดทั้งสองเล่มเอามาไขว้กันเอาไว้ พร้อมกับพุ่งกระโจนเข้าหาบอดี้การ์ดหนุ่มที่เหลือราวกับปีศาจร้ายที่ออกอาละวาดในยามราตรีในทันที
หญิงชราที่มักจะคงท่วงท่าความเย่อหยิ่งจองหองเอาไว้เสมอนั้นนางจึงมีความมั่นใจของตนเองรวมไปถึงท่าทียโสโอหังในตนเองด้วย
พร้อมทั้งใช้พละกำลังทั้งหมดของตัวเองพุ่งจู่โจมเข้าไป พร้อมกับเสียงมีดสองเล่มที่แหวกผ่านอากาศอย่างรวดเร็วฉับไว
เดิมที ผู้คนล่ำลือกันไปว่าบุคคลที่มีความสามารถมากที่สุดภายในตระกูลฉินสายเก่าก็คือราชาจินตูน ทว่า เหล่าผู้บังคับบัญชาที่อยู่ภายใต้ราชาจินตูนนั้น หาได้มีใครสักคนกล้าลองดีกับยายแม่มดคนนี้ไม่
เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านั้น มิได้แตกต่างไปจากข่าวลือเลยแต่น้อย!
ความแข็งแกร่งของหญิงชราที่อยู่ตรงหน้า แทบจะเทียบเคียงกับนักสู้อันดับหนึ่งเช่นราชาจินตูนเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งหลายคนจะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ราชาจินตูนใช้เวลาฝึกปรือพวกเขาขึ้นมาหากแต่ด้วยพละกำลังเพียงเท่านี้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ายายแม่มด ก็เป็นได้แค่กระสอบทราบที่ให้เธอเอาไว้ทุบตีเล่นเท่านั้น
ไม่นานนักบอดี้การ์ดหนุ่มอีกสองคน ก็พลันได้รับบาดเจ็บจากคมมีดของยายแม่มดจนต้องล่าถอยออกไป
ในยามนี้ จึงเหลือเพียงบอดี้การ์ดหนุ่มเจ็ดคนเท่านั้น ที่จ้องมองมาที่ยายแม่มดด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ก่อนจะพากันพุ่งตัวเข้ามาราวกับคนบ้าคลั่งก็ไม่ปาน
ในขณะเดียวกันนั้น ด้านนอกของห้องโถง ฉินเทียนที่ทำการสังหารราชาหยินจ๋าลงได้แล้วนั้น
เขาที่ทำการสังหารศัตรูอยู่เบื้องหน้า ผู้ใดจะไปคิดกันเล่าว่า เบื้องหลังนั้น ภรรยาของตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
ยายแม่มดกำลังเพลิดเพลินกับการฆ่าฟัน!
ท้ายที่สุดแล้ว เหล่าบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสิบคนนั้น ก็พลันถูกสังหารลงอย่างเลือดเย็น!
แต่ทว่า ด้วยความที่พวกเขาจะเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ราชาจินตูนฝึกฝนมานั้น พวกเขาย่อมต้องสู้จนตัวตายอย่างแน่นอนถึงแม้มิอาจลากยายแม่มดร่วมตกตายไปด้วยกันได้ แต่ทว่าก็ทำให้ยายแม่มดได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าหญิงชราจะได้รับชัยชนะ แต่บาดแผลบนร่างกายของนางก็มีไม่น้อย เนื่องจากเป็นเพราะนางเสียเลือดมากจนเกิดไป จึงทำให้ใบหน้าซีดเผือดลง
แต่ทว่า นัยน์ตาทั้งสองข้างของนางยังคงแดงก่ำไปด้วยความอาฆาต ราวกับดวงตาของปีศาจร้ายที่ไม่พร้อมจะยอมจำนนก็ไม่ปาน
ยายแม่มดก็ค่อยลากขาที่ได้บาดเจ็บของนางมายังหน้าประตูห้องนอนด้วยความยากลำบาก ก่อนจะใช้มือเคาะไปที่ประตูอย่างรุนแรง
“เปิดประตู!”
“รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”
ถึงแม้นายหญิงใหญ่จะรับปากกับนางว่า จะมิสร้างความลำบากให้กับฉินเทียน ทว่า เมื่อมิได้เห็นหน้าฉินเทียนนั้น นางก็ยังรู้สึกมิวางใจอยู่ดีซูซูจึงยังมิได้นอนหลับ
รวมไปถึงแปลกที่แปลกทางด้วยแล้ว
นางที่ได้ยินเสียงการต่อสู้ฆ่าฟันจากด้านนอกที่ดังเข้ามาไม่ขาดสายเช่นนี้ทั้งยังมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ผ่านทางหน้าต่างอีก
จึงทำให้นางอดที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
อีกทั้ง ภายในห้องเองก็ยังไม่มีโทรศัพท์พอที่จะให้โทรออกไปแจ้งตำรวจได้เลยแม้แต่น้อย นางเองก็มิกล้าที่จะวิ่งฝ่าอันตรายออกไปด้านนอกด้วยเช่นกัน
จนกระทั่ง ซูซูได้ยินเสียงของนายแม่มดที่ดังเข้ามานั้น นางจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความหวาดกลัว “เธอเป็นใคร?”
“ทำไมต้องมาฆ่าคนที่นี่ด้วย?”
ยายแม่มดจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เรียนนายหญิง ดิฉันเป็นคนที่ราชาเทพฉินส่งมาค่ะ”
“ตระกูลฉินกำลังพยายามใช้นายหญิงเพื่อต่อรองและข่มขู่ต่อราชาเทพฉิน พวกเราในที่แห่งนี้ กำลังโดนตระกูลฉินควบคุมเอาไว้อยู่ค่ะ ”
“ราชาเทพฉินจึงได้ส่งดิฉันให้มาช่วยนายหญิงที่นี่”
“เรื่องจริงเหรอ?”
“ฉินเทียนเป็นอะไรหรือเปล่า? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” ซูซูพลันเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีกังวลใจ
“ราชาเทพยังมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ แต่ทว่า ท่านกำลังติดพันอะไรยางอย่างทำให้ไม่สามารถมาได้”
“เวลาไม่คอยท่าแล้ว คุณนายได้โปรดตามดิฉันมาด้วยเถิด! หากช้าไปกว่านี้อาจมิทันการได้! ”
หลังจากที่ซูซูนึกไปถึง ยามที่นางมาถึงที่นี่นั้น แม้ว่าทางตระกูลฉินเองจะต้อนรับนางด้วยความเคารพ แต่ทว่า พวกเขาก็คอยดูแลและปกป้องนางอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ไม่ยอมให้นางไปไหนมาไหนด้วยตนเองเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว นี่ดูเหมือนจะไม่ต่างกับถูกกุมขังเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อนึกไปถึงฉินเทียนนั้น ภายในใจของซูซูก็พลันเกิดความร้อนรนออกมา พร้อมทั้งเชื่อในคำพูดของยายแม่มดอย่างสุดใจ ก่อนจะเปิดประตูออกไปหา
เมื่อยายแม่มดเห็นซูซูในคราแรกนั้น นัยน์ตาของนางพลันแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาในทันที ทว่า นางก็เก็บสายตาลงไปด้วยความรวดเร็ว พลางก้มหน้ากล่าวออกมาด้วยความเคารพว่า “เชิญคุณนายตามดิฉันมาได้เลยค่ะ!”
“ดิฉันจะพาคุณนายไปหลบในที่ปลอดภัยเอง!”
พูดจบ ยายแม่มดก็ค่อย ๆ ลากขาของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ เดินนำหน้าออกไปในทันที
ซูซูก็รีบวิ่งตามไป ก่อนจะเอ่ยถามหญิงชราด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณยาย ขาของคุณไม่เป็นอันใดใช่ไหม?”
“ฉันเคยเรียนแพทย์มาก่อน ให้ฉันดูบาดแผลของคุณได้ไหม?”
“ขอบพระคุณนายหญิงที่เป็นห่วงค่ะดิฉันไม่เป็นอะไร”
“พวกเราไม่มีเวลาแล้ว รีบไปเร็วเข้า!” ยายแม่มดพลันคว้าข้อมือของซูซูเอาไว้หญิงชราผู้นี้ แม้นางจะทำการฆ่านักสู้ฝีมือดีไปมากกว่าสิบคนแล้ว อีกทั้งขาของนางยังได้รับบาดเจ็บไปอีก แต่ทว่านางยังคงเดินได้ว่องไวยิ่งนัก
ซูซูที่ถูกคว้าตัวไปนั้น เท้าของเธอเสมือนกับเดินไม่ติดพื้นไปในทันที
เมื่อเลี้ยวผ่านโค้งหนึ่งมานั้น ก็พลันพบกับร่างสูงที่ยืนมองตรงมา พลางแย้มยิ้มยืนมองดูพวกเขา ราวกับว่าเขายืนรอคอยพวกนางมานานแล้ว
ยายแม่มดพลันชะงักไปเล็กน้อย ก็จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นายน้อยเปียว เหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี่ได้กัน?”
ฉินเปียวพันแย้มยิ้มกล่าวออกมา “ข้าก็แค่มาดู”
“ยายแม่มด เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?”
ยายแม่มดพลันมีใบหน้ามืดครึ้มไปในทันที พลางกล่าวออกมาว่า “ตามมาช่วยนายน้อยนะสิ!”
“นี่คือภรรยาของฉินเทียน ยังไม่รีบมานำตัวไปอีก!”
ฉินเปียวจึงแย้มยิ้มออกมา “ เจ้าต้องการจะจับพี่สะใภ้ของข้า ให้มาข่มขู่พี่ชายงั้นเหรอ ?”
“ยายแม่มด ด้วยนิสัยของเจ้าแล้ว แม้พี่ชายของข้าจะยอมรับในข้อตกลงของเจ้าทุก ๆ อย่าง แต่ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็มิยอมปล่อยพี่สะใภ้ของข้าไป พร้อมกับฆ่านางด้วยใช่หรือไม่?”