บัญชามังกรเดือด - บทที่ 911 รังงู
ประตูแห่งประวัติศาสตร์ถูกเปิดออก ลมหายใจที่เต็มไปด้วยฝุ่นแห่งกาลเวลาพลันพัดผ่านเข้ามา
หัวใจของทุกคนกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ ทั้งตื่นเต้นและประหม่า พวกเขาต่างจ้องมองเข้าไปด้านในอย่างพร้อมเพรียง
ด้านในนั้นมีแสงไฟสลัว พวกเขายังไม่ทันจะมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน เส้นทางสุสานที่อยู่ด้านหลังและเหนือศีรษะของพวกเขานั้นเกิดเสียงดังสะเทือนขึ้น
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เสียงอะไร?
สมาชิกหลายสิบคนภายในทีมต่างก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
“ทางเดินสุสานกำลังจะถล่มแล้ว รีบไปกันเร็ว!”
ฉับพลันฉินเทียนร้องตะโกนเสียงดัง เหยียดมือออกไปคว้าไป๋หลิงที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาพุ่งเข้าไปยังห้องสุสานที่อยู่ตรงหน้า ฉวนซานและจินถังไล่ตามหลังมา
เสี้ยววินาทีที่ฉินเทียนกระโดดออกมา ตูม!
เส้นทางที่ทอดยาวภายในสุสานพลันพังทลายลง
“วิ่งเร็ว!”
“เร็วเข้า!”
ผู้คนนับสิบต่างก็อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายแทบจะเละจนกลายเป็นโจ๊ก ทุกคนต่างรีบวิ่งไปยังห้องสุสาน เกาชาวนั้นค่อนข้างจะตัวเล็ก แทบจะถูกเหยียบย่ำอยู่ภายใต้ฝ่าเท้า
โชคดี ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ถูกเจ้าปลาหมึกยักษ์จับตัวไว้และนำพาเข้าไปภายในห้องสุสาน
ตูม บูม บูม!
ฟ้าถล่ม ดินทลาย ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล!
ท้ายที่สุดเมื่อทุกอย่างเงียบสงบลง หน้าประตูห้องสุสาน ถูกปิดกั้นด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ที่พังทลายจากด้านนอก ประตูถูกปิดตายอย่างแน่นหนา
สมาชิกทีมห้าสิบคนนำโดยเกาชาว ก่อนหน้านี้สองคนถูกขว้างด้วยหินจนตาย สามคนถูกยิงตายด้วยธนูหน้าไม้และอีกหนึ่งคนถูกทรายดูด เดิมทีต้องเหลือสมาชิกอีกสี่สิบสี่คน
ตอนนี้เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างแน่ชัด เหลือเพียงแค่สามสิบคนเท่านั้น
สามารถกล่าวได้ว่าผู้คนอีกสิบสี่คนนั้นถูกฝังอยู่ในทางเดินของสุสานที่ถล่มลงมาด้านนอก พลังนั้นเทียบได้กับการพังทลายของภูเขา ร่างกายและวิญญาณของพวกเขาถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
ฉินเทียนยังคงหวาดผวาอยู่ เขาถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “กลไกนี้ช่างร้ายกาจเสียจริง!”
“ปุ่มหินนั้นสามารถเปิดประตูสุสานได้ แต่เมื่อประตูสุสานถูกเปิด ขณะเดียวกันก็จะกระตุ้นกลไกของทางเดินในสุสานด้วย”
“คนที่ออกแบบกลไกนี้ในตอนแรก ต้องการฝังผู้บุกรุกไว้ที่นี่ตลอดกาล”
เกาชาวกัดฟันแน่น ฉับพลันเขาหัวเราะเสียงดังลั่น
“แต่เขาจะต้องคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ฉันไม่เพียงแต่จะไม่ถูกฝังเท่านั้น แต่ยังเข้ามาภายในสุสานได้สำเร็จ”
“เร็ว เปิดไฟหน่อย ฉันต้องการดูว่าภายในสถานที่แห่งนี้มีสมบัติอะไรซ่อนอยู่”
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “โง่เง่า!”
“เส้นทางเดินภายในสุสานพังทลายหมดแล้ว นายคิดว่าพวกเรายังจะสามารถออกไปได้อีกไหม?”
ฉับพลันเกาชาวตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา เขาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “อาจารย์จาง ทำอย่างไรกันดี?”
“พวกเราจะออกไปได้อย่างไร?”
ท่ามกลางความมืดมิด มองไม่เห็นสีหน้าของเจ้าปลาหมึกยักษ์ ทว่าน่าจะต้องตื่นเต้นเป็นอย่างมากแน่นอน
เพราะเขาทำสิ่งที่โง่เขลา เขาคิดว่าเขาฉลาด พบกลไกของการเปิดประตู แต่กลับทำให้ทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่ และยังทำให้เหล่าพี่น้องนับสิบต้องตาย
เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชายอย่าได้กังวล!”
“พวกเราสามารถเข้ามาได้ อย่างไรก็ต้องออกไปได้ ตอนนี้มาดูกันก่อนเถอะว่าด้านในนี้มีสมบัติอะไรอยู่บ้าง”
“ฉันเชื่อ ยิ่งกลไกของทางเดินสุสานซับซ้อนมากเท่าไร สมบัติที่อยู่ด้านในก็จะยิ่งมีค่ามากขึ้นเท่านั้น!”
“พูดได้ถูกต้อง!”
“เร็วเข้า รีบเปิดไฟ!”
เนื่องจากการพังทลายเมื่อสักครู่นี้ ท่ามกลางความโกลาหลของฝูงชน ตะเกียงพลันร่วงหล่นลงสู่พื้น ดวงไฟหลายดวงก็ดับโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้เกาชาวแทบรอไม่ไหว เขาหยิบตะเกียงที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณมุมขึ้นมาและสาดไฟไปโดยรอบ
ไป๋หลิงเองก็อยากรู้อยากเห็นและไม่อยากพลาดโอกาส เช่นนั้นจึงรีบควานหาตะเกียงและรีบเปิดดวงไฟเช่นกัน
บริเวณที่แสงไฟสาดส่อง ทุกคนต่างตกตะลึง
ห้องสุสานที่พวกเขากำลังยืนอยู่นั้นเป็นเสมือนวิหารขนาดใหญ่ มีโดมสูงขึ้นไปราวสิบเมตร
ด้านล่างโดมนั้นมีโลงศพโลงหนึ่งแขวนอยู่ แขวนด้วยโซ่เส้นหนาเท่าแขนเด็กจำนวนหลายเส้น และไม่รู้ว่าโซ่นั้นไปเกี่ยวพันกับบริเวณใด
ท่ามกลางห้องสุสานมีแท่นหินรายล้อมอยู่มากมาย บนแท่นหินแต่ละแท่นมีหีบขนาดใหญ่และขนาดเล็กวางอยู่ด้านบน
บนกำแพงหินด้านหลังหีบ เป็นภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีสัน มีภาพงานเลี้ยงภายในวัง มีภาพปิกนิก ภาพที่มีมากที่สุดก็คือภาพเทพธิดากำลังโบยบินสู่ท้องฟ้า
งดงามมาก
แปลกประหลาดและลึกลับมาก
ราวกับว่ากำลังเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออก
“นั่นคือโลงศพของพระชายางูใช่หรือเปล่า? คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นโลงศพแขวน…”
“สูงขนาดนี้ จะเอาลงมาอย่างไร?” ไป๋หลิงเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น ลิงขนทองที่ก่อนหน้านี้กำลังจำศีลและอาศัยอยู่ภายในอ้อมแขนของเธอพลันขยับตัวและตื่นขึ้น ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายอย่างผิดปกติ จ้องมองโลงศพด้วยสายตาว่างเปล่า
“มีวิธีการแล้ว!” ไป๋หลิงแสดงท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นหล่อนกำลังจะกล่าว สามารถให้ลิงขนทองกระโดดขึ้นไปและหยิบสมบัติที่อยู่ด้านในออกมาได้ แต่ทว่ากลับถูกสายตาของฉินเทียนห้ามปรามไว้ อีกครึ่งประโยคที่เหลือจำต้องกลืนกลับเข้าไปภายในลำคอ
“เร็ว! รีบไปเปิดดูในหีบว่ามีสมบัติอะไรอยู่บ้าง?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเรารวยแล้ว!”
“นำสิ่งของออกมา นำหีบมาวางรวมกัน แบบนี้ก็สามารถปีนขึ้นไปยังโลงศพได้แล้ว!”
เกาชาวร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
สมาชิกทั้งสามสิบคนนั้นก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไรนัก ต่างก็เป็นคนใฝ่ต่ำด้วยกันทั้งนั้น เมื่อได้พบสุสานโบราณนี้ มองเห็นหีบสมบัติมากมาย ดวงตาพวกเขาพลันเป็นประกายนานแล้ว
นี่คือแดนสวรรค์สู่ความร่ำรวยจริงๆ ต่อให้จะหยิบเพียงสิ่งของเล็กๆน้อยๆออกไปก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนมหาศาลได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเกาชาว พวกเขาต่างวิ่งไปยังหีบที่ตั้งอยู่บนแท่นโดยรอบด้วยท่าทางตื่นเต้น
ฉินเทียนสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายบางอย่าง เขาคิดจะหยุดการกระทำนั้นแต่ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว
“งู!”
“มีงู!”
ชายคนแรกที่รีบวิ่งไปเปิดหีบสมบัติ ร้องตะโกนเสียงดังลั่น
ภายใต้ความตื่นเต้น กล่องที่อยู่ด้านหน้าถูกเปิดออก เห็นเพียงด้านในนั้นเดิมทีถูกบรรจุไว้ด้วยผ้าแพร ขณะนี้ด้านในผ้าแพรนั้นพลันหายไปและมีงูไม่รู้จำนวนมากเท่าไรกำลังเลื้อยออกมา
ขณะเดียวกัน ปังปังปังปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอย่างวุ่นวาย
ส่วนสมาชิกคนอื่นต่างก็ไปเปิดหีบสมบัติ เมื่อเปิดหีบแล้วก็พบว่ามีงูจำนวนมากอยู่ด้านในนั้น
รังงู!
ฉินเทียนรู้สึกประหม่า จ้องมองพวกงูที่กำลังดิ้นรนราวกับคลื่นกระแสน้ำอย่างไรอย่างนั้น ท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจ ราชางูที่แท้จริงกลับเป็นห้องสุสานแห่งนี้
สมาชิกของทีมคนหนึ่งวิ่งอย่างเชื่องช้าและล้มลงกับพื้น ยังไม่ทันจะลุกขึ้น ร่างกายนั้นพลันถูกงูรัด
เหล่างูเลือดเย็นเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมิดมาโดยตลอด นัยน์ตาสีทับทิมจ้องเขม็ง กัดด้วยความบ้าคลั่ง
“อ๊าก….”
“ช่วยด้วย!”
“คุณชายเกา ช่วยผมด้วย!”
สมาชิกทีมที่ถูกกัดยืนขึ้นอย่างโงนเงน ร่างกายถูกงูรัดแน่น มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน ท่าทางน่าเวทนา เป็นเหมือนกับศพที่กำลังจะถูกบรรจุเข้าโลงอย่างไรอย่างนั้น
“อย่าเข้ามา!”
เกาชาวตื่นตระหนกมากและรีบถอยหนี กัดฟันแน่นและลั่นไกปืนสองนัด สังหารสมาชิกภายในทีมทันใด
“เร็ว พวกเรารีบหาทางยึดครองสถานที่แห่งนี้!”
“จะต้องระวังให้มาก งูเหล่านี้มีพิษร้ายแรงมาก!”
ภายใต้สถานการณ์คับขัน ทำได้เพียงป้องกันตัวเอง ไม่ได้สนใจเรื่องใดมากนัก
ฉินเทียนนำไป๋หลิง ฉวนซานและจินถังกระโดดขึ้นไปบนแท่นหินและถือมีดไว้ในมือ ราวกับว่าเหล่างูพวกนี้ออกมาเพื่อล้างแค้น ต่างพุ่งไปทางคนถือปืนอย่างคลุ้มคลั่ง
แม้ว่าปืนในมือของเกาชาวและคนอื่นนั้นต่างก็ทรงพลังมาก แต่เมื่อเผชิญกับกองทัพงูเช่นนั้น ปืนนั้นก็เป็นเสมือนน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[1]
พวกเขาลั่นไกปืนหนึ่งครั้ง สามารถสังหารงูได้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น แต่กลับทำให้งูตัวอื่นนั้นโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น
“ปกป้องคุณชาย!”
“เร็ว มาทางนี้!”
เจ้าปลาหมึกยักษ์ยังคงเป็นคนสุดท้ายที่สามารถสงบนิ่งได้ เขาปกป้องเกาชาวและกระโดดขึ้นไปบนแห่นหินด้านข้าง เรียกเหล่าลูกน้องที่ถือปืนมารวมตัวกัน
โดยอาศัยปืนและดินปืนในมือ พวกเขาสามารถรักษาสถานการณ์ได้ชั่วคราว
ขณะนี้ ความว่างเปล่าเหนือศีรษะ ฉับพลันมีเสียงฟ่อฟ่อแปลกประหลาดดังขึ้น ราวกับว่าสายลมแห่งแดนอเวจีได้พัดผ่านเข้ามา
บนพื้นดิน ฝูงงูที่เลื้อยราวกับกระแสน้ำหยุดนิ่งลงในทันใด พวกมันต่างชูคอขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและหันไปทางโลงศพที่ว่างเปล่า ราวกับว่ากำลังสักการะและบูชาอย่างไรอย่างนั้น
ฉินเทียนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความตายอันแรงกล้ามากยิ่งขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะเงยศีรษะ
มองไปยังโลงศพที่แขวนอยู่ งูเหลือมยักษ์กำลังชูคอขึ้นอย่างเชื่องช้า หัวใจของเขาพลันจมดิ่ง
น้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[1] หมายถึง มีพละกำลังน้อยกว่า มักจะพ่ายแพ้สิ่งที่มีกำลังมากกว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ