บัญชามังกรเดือด - บทที่ 958 เชิญคุณหนูใหญ่
บัญชามังกรเดือด บทที่ 958 เชิญคุณหนูใหญ่
“พี่สาว พี่พูดจริง ๆ เหรอ?”
“เรื่องแบบนี้ ฉันจะกล้ามาล้อเล่นได้ยังไงกัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของ หวังตัวยวี่แล้วนั้น หวังหลีพลันเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมาในทันที
พูดตามตรง ภายในหัวของเขานั้น พลันคิดหาคำพูดหว่านล้อมเอาไว้มากมายภายในใจเนื่องจากเขารู้ว่าหวังตัวยวี่เป็นบุคคลที่มีความมั่นใจในตนเองมาก ทว่าก็มีจุดอ่อนเช่นกัน
นั่นก็คือบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว
หากเขาเอ่ยถึงบิดาที่ล่วงลับไปแล้วออกไปนั้น ย่อมทำให้หวังตัวยวี่สั่นไหวแน่นอน และยินยอมออกไปพบหน้ากับเซี่ยหมิงแต่โดยดี
ทว่า เขามิคิดเลยว่า เขาที่ยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมาเช่นนี้ แต่หวังตัวยวี่……ก็ยอมตกลงงั้นเหรอ?
เธอพูดออกมาจริง ๆ ทั้งยังเร่งให้กำหนดฤกษ์งานแต่งอีกด้วย เพื่อเซี่ยหมิงมาสู่ขอนางไว ๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หวังหลีมิอยากจะเชื่อเลย เมื่อเขากลับมามีสติอีกครั้ง พลันรู้สึกว่าหวังตัวยวี่กำลังหยอกล้อเขาเล่นอยู่ ทั้งยังเอ่ยวาจาแดกดันเขาอีกด้วย
“พี่สาว จากมุมมองของผมแล้ว เซี่ยหมิงเขาดูโดดเด่นมาก หากพี่ลองดูรอบ ๆ ตัวแล้ว ภายในหมู่คนรุ่นใหม่ยังไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้เลยมั้ง?”
“เพราะอย่างนั้น ผมเลยรู้สึกว่า—”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ประตูห้องก็พลันเปิดออกมาในทันที หวังหลีพลันผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบเอ่ยออกมาว่า “พี่สาว ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยนะ!”
ใบหน้าของหวังตัวยวี่พลันแดงก่ำ พร้อมกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น พลางก้มหน้าลง พร้อมกับกัดปากกล่าวว่า “นายคิดว่าเขายอดเยี่ยมจริง ๆ เหรอ ?”
หวังหลีพลันรีบตบหน้าอกเพื่อเผยถึงความมั่นใจออกมา
หวังตัวยวี่ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้นไปอีก พลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีหมั่นไส้ในตัวน้องชายว่า “นายชั่งรู้จักทำตัวเป็นน้องภรรยาที่ดีนักนะ!”
“น้องภรรยา?” หวังหลีพลันรู้สึกสับสน เขากลายเป็นน้องภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“พอแล้ว นายอย่ามัวแต่มายืนบื้ออยู่เลย”
“คำพูดของฉันนายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ? ว่าฉันตกลง นายเอาคำฉันไปบอกพวกเขาเสีย”
“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นายค่อยพาเขามาพบพี่แล้วกัน”
“จำไว้ อย่าให้คนอื่นมามอมเขาเล่า … ”
หวังหลีพลันอ้าปากกว้างไปในทันที
เขารู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดที่เขาเคยสัมผัสมาในชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ร่าเริงและสดใสของหวังตัวยวี่แล้วนั้น เขาพลันสัมผัสได้ว่า สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง!
การแสดงออกแบบนี้ มันไม่สามารถเสแสร้งแกล้งทำออกมาได้!
เธอเต็มใจ!
เธอเต็มใจที่จะแต่งงานกับเซี่ยหมิง!
หลังจากรู้เรื่องนี้แล้วหวังหลีก็รู้สึกตื่นเต้นมากเสียจนเกือบจะกระโดดตัวลอยไปในทันที
“ครับครับ!”
“ ผมจะรีบไปรายงานทันที!”
“พี่สาว พี่แต่งตัวสวย ๆ เข้าไว้ งานเลี้ยงจบเมื่อไหร่ ผมจะพาตัวเขาไปหาพี่เลย !”
ขณะที่หวังหลีพูดอยู่นั้น เขารีบหันหลังและวิ่งกลับไปราวกับกระต่ายตัวน้อยในทันที
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศภายในห้องประชุมพลันเต็มไปด้วยความตึงเครียด
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้นั้น เจ้านกแร้งเองก็เผยท่าทียโสโอหังจนยากที่จะใครเปรียบ ส่วนฝั่งของตงไห่เอง ก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นในทันทีหากได้รับสัญญาณ
หวังเหมี่ยนและหวังเจี่ยน รวมถึงผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็มั่นใจมากว่า หวังตัวยวี่ยอมรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่เธอจะไม่เห็นด้วยเท่านั้น บางทีเธออาจจะนำกองทัพอิสตรีขอตัวเองมาฆ่าอีกด้วย
บรรยากาศที่น่าอึดอัดจนไม่อาจหายใจได้นั้น
ยามที่ทุกคนกำลังพยายามอดทนกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้อยู่ พลันมีเสียงร้องร่าเริงดังขึ้นมาจากระยะไกลว่า
“คุณหนูใหญ่ยอมตกลง!”
“คุณหนูใหญ่ยอมตกลงแต่งงานกับคุณชายเซี่ยหมิง!”
หวังหลีพลันตะโกนเสียงดังมาตลอดทาง พร้อมกับพุ่งเข้าไปภายในห้องประชุม เขาพลันหอบหืดออกมาด้วยเหนื่อยล้า พลางเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เข้าพบท่านโหวครับ พี่สาวของผม เธอบอกว่ายินยอมที่จะแต่งงานครับ”
“พี่ยังบอกอีกว่าให้ทำการหมั้นหมาย และให้ฝั่งคุณชายเซี่ยเร่งหาฤกษ์ยามดี ๆ มาสู่ขอได้เลย!”
อะไรนะ?
คำพูดเหล่านี้ราวกับลูกระเบิดที่ถูกปล่อยลงมา จนทำให้ผู้คนปั่นป่วนไปกันหมด
เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ทั้งหวังเหมี่ยนและหวังเจี่ยน รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสภายในตงไห่ที่พากันออกมาต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้อย่างรุนแรงนั้น เกิดการสั่นไหวไปในทันที
ทว่า กลับได้ยินเจ้านกแร้งหัวเราะออกมาเสียงดังฉากใหญ่เสียก่อน “เห็นไหมเล่า? นับว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าสายตาการมองบุรุษล้ำเลิศ การที่นางสามารถแต่งให้กับคุณชายของข้าได้นั้น นับว่าเป็นโชคของนางแล้ว!”
“คุณชายขอรับ ยินดีด้วยที่ท่านสามารถพาสาวงามกลับไปด้วยได้ ”
ในแววตาของเซี่ยหมิงพลันมีความปรารถนามากมายเช่นกัน ว่ากันตามตรง เขาเองก็ไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงมากนัก นับประสาอะไรกับผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นภาพและรูปถ่ายของหวังตัวยวี่ที่ถูกส่งมาให้โดยราชาเปี้ยนนั้น เขาก็ยังรู้สึกอดที่จะตื่นเต้นไปไม่ได้
บนรูปถ่ายนั้น พลันเผยให้เห็นถึงทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกที่ร้อนแรงสะท้อนเข้ากับน้ำทะเลที่ไร้จุดสิ้นสุด
ภายในทะเลนั้น ยังคงปรากฏเด็กหญิงผู้กล้าหาญที่ยืนอยู่บนหลังปลาวาฬสเปิร์ม พลันนั่งต่อลมทะเลอยู่
รอยยิ้มของเธอช่างดูใสซื่อและมีเสน่ห์ อีกทั้งเสียงหัวเราะของเธอก็น่าประทับใจมาก เธอเสมือนกับเทพธิดานางฟ้าที่เติบโตมาจากท้องทะเลอย่างแท้จริง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็สาบานกับตัวเองมาโดยตลอดว่า เขาจะต้องคว้าผู้หญิงคนนี้เอามาให้ได้
ไม่ต้องพูดถึงประโยชน์มหาศาลที่อยู่เบื้องหลังของนางเลยแม้แต่น้อย
เดิมที เขาเองก็ไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงเตรียมการมาอย่างสมบูรณ์ หากว่าพวกตงไห่เกิดมิเห็นด้วยขึ้นมา เขาก็จะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อบีบบังคับเพื่อให้ได้นางมาเช่นกัน
เจ้านกแร้งเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือทางตอนเหนือ อีกทั้งเขายังมีฝีมือการโจมตีที่โหดร้ายมากอีกด้วย
หากมิได้ในสิ่งที่เขาต้องการละก็ เขาเองก็ไม่รังเกียจที่จะปล่อยให้เจ้านกแร้งออกไปเข่นฆ่าพวกตงไห่เช่นกัน
มิคิดเลยว่า หวังตัวยวี่กลับตกปากรับคำอย่างราบรื่นเช่นนี้นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเอาไว้เช่นกัน
“เยี่ยม! เยี่ยมจริงๆ!”
เมื่ออราชาเปี้ยนได้สติกลับมานั้น เขาพลันสั่นไปด้วยความตื่นเต้นในทันที พลางกล่าวออกมาว่า “คุณชายเซี่ยครับ ในเมื่อคุณหนูใหญ่ไม่อาจรั้งรอต่อไปเช่นนี้ พวกเราก็มาเริ่มทำสัญญาแต่งงานกันเลยเถอะ”
“หลังจากการทำสัญญาการแต่งงานแล้ว ทั้งตระกูลเซี่ยและตงไห่ก็จักเป็นทองแผ่นเดียวกันเสียที ”
“วันนี้มีงานใหญ่เช่นนี้ วันนี้พวกเราจะฉลองกันให้เต็มที่ไปเลย!”
เซี่ยหมิงพลันพยักหน้ารับพร้อมนำเทียบเชิญสีทองมาจากมือของถงอาน พลางหันไปมองหวังเหมี่ยนแล้วจึงกล่าวออกมาว่า “ท่านโหว นี่คือเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณะอักษรของตระกูลเซี่ย ด้านบนมีตราประทับของบิดาที่เป็นผู้นำตระกูลเอาไว้แล้ว”
“ตอนนี้เชิญทุกท่านร่างเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นมาเสีย พวกเราจักได้ประทับตราและแลกเปลี่ยนสัญญากัน ”
เมื่อมีการแลกเปลี่ยนเอกสารที่มีตราประทับของหัวหน้าตระกูลเอาไว้แล้วนั้น นั่นหมายความว่าทั้งสองตระกูลได้กำหนดข้อตกลงบางอย่างเป็นทางการและได้กลายมาเป็นความสัมพันธ์ในทางกฎหมายแล้ว
หากจะพูดว่าพวกเขานึกเสียใจนั้น ก็ไม่อาจเป็นไปไม่ได้
ต้องการสร้างความสัมพันธ์จริง ๆ งั้นหรือ? ทุกคนมองพลันไปที่จินยีโหวหวังเหมี่ยนด้วยตำแหน่งผู้นำเกาะที่ถูกว่างเว้นลงนั้น อีกทั้งตราประทับที่แสดงถึงผู้นำเกาะ ก็ยังอยู่ในมือของเขาอีกด้วย
หวังเหมี่ยนราวกับถูกฟ้าผ่ากลางตัวไปในทันที ใบหน้าของเขาพลันซีดเผือดและค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมทั้งมิรู้จะกล่าวอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านโหว อย่าประทับตรา!” ถัดจากเขา เป็นราชาจั่วเจียนที่เอ่ยกัดฟันกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำ
เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาพลันผุดออกมาในทันที พลางพร้อมที่จะเอาตัวพุ่งเข้าไปเพื่อแลกชีวิตแล้ว
เพื่อประโยชน์ของตงไห่ เขาพร้อมที่จะเสียสละตนเองทุกเมื่อ
ราชาเปี้ยนพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีเย้ยหยันว่า “หวังเหมี่ยน เจ้ากล้าที่จะต่อต้านความต้องการของคุณหนูใหญ่งั้นเหรอ? นายคงไม่เห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง เพื่อให้คุณหนูใหญ่เสียสละความสุขในชีวิตของนางไปใช่หรือไม่ ?”
“หากพลาดคู่ครองที่ดีเช่นคุณชายเซี่ยไปนั้น พวกเราจะไปหาคู่ครอง ดี ๆ เช่นนี้มาให้คุณหนูใหญ่ได้อีก!”
ใบหน้าของหวังเหมี่ยนพลันแดงก่ำไปในทันที ไม่ผิด ทั้งเขาและหวังเจี่ยนเอง ต้องการให้หวังตัวยวี่อยู่ภายในตงไห่เพื่อผลประโยชน์ในระยะยาวของตงไห่เอง
ในสายตาของพวกเขานั้น พวกเขาแทบจะละเลยความนึกคิดและความรู้สึกของหวังตัวยวี่ไปจนหมด
ก่อนหน้านั้น หากว่ากันตามตรง บุรุษที่มาสู่ขอหวังตัวยวี่และมีคุณสมบัติทั้งหมดเฉกเช่นเซี่ยหมิงนั้น นับว่าหาได้ยากหากหวังตัวยวี่ต้องการที่จะแต่งให้กับตระกูลเซี่ยจริง ๆ ละก็ สำหรับหวังตัวยวี่แล้วนั้น เซี่ยหมิงนับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เพื่อเติมเต็มความสุขของเธอหรือเพื่อผลประโยชน์ของตงไห่นั้น จำเป็นต้องทำลายการแต่งงานของเธอ เพื่อให้เธออยู่ภายในตงไห่แบบเดิม?
จู่ ๆ หวังเหมี่ยนพลันรู้สึกว่า บนบ่าของเขาพลันภาระที่หนักอึ้งทับเอาไว้อยู่
นี่คือสภาวะที่เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกดดันนั้นในที่สุดหวังเหมี่ยนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยออกมาว่า “ไปเชิญตัวคุณหนูใหญ่มา”
“นี่คือเรื่องของนาง ถ้าหากความต้องการของนางคือการตบแต่งออกไปจริง ๆ ละก็ ก็ขอให้นางมาลงมือประทับตราในเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยตัวนางเองเสีย”