บัญชามังกรเดือด - บทที่ 963 การต่อสู้ที่แท้จริง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 963 การต่อสู้ที่แท้จริง
เมื่อเห็นสือซินนั้น เจ้านกแร้งพลันหัวเราะออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เขาเห็นอะไรกันแน่? ผู้ชายในชุดธรรมดา ๆ ผิวที่หยาบกร้านและมือที่ถือขวานเอาไว้อยู่ในมือ
การเดินดูงุ่มง่ามเล็กน้อยประกอบกับท่าทางที่ซื่อตรงและน่าเบื่อแบบนี้
เอาอย่างนี้หรือ…
คนโง่ที่ขวานสับฟืนในหมู่บ้านบนภูเขา?
“ฟุบ!”
เจ้านกแร้งพลันหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้า ตงไห่ไม่มีคนมากฝึกมืออยู่แล้วหรือ? หากไม่มีใคร ก็เพียงแค่ยอมรับความพ่ายแพ้ จักได้ไม่ให้มีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีก”
“แต่พวกเจ้ายังส่งคนโง่ ๆ แบบนี้มาให้ข้าขายหน้าเล่น ๆ หรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้านกแร้งนั้นถงอานซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มคนจากตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือต่างก็หัวเราะอย่างออกมาด้วยความบ้าคลั่ง
“เฮ้ เจ้าโง่ เจ้าไม่คู่ควรให้เฒ่าแร้งต้องลงมือหรอก ถ้าอย่างนั้นนายมาสู้กับฉันเป็นไง ?”
ถงอานพลันร้องตะโกนออกมา ทว่าเมื่อเห็นสือซินทำเป็นไม่ได้ยินนั้น ถงอานก็ก้มลงไปหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งและขว้างมันไปที่สือซินในทันที
โครมคราม ก้อนหินพลันกระแทกหลังของสือซินอย่างแรง แม้แววตาของสือซินดูจะไร้อารมณ์หากแต่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เจ้านกแร้งที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ฝีเท้าของเขาไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ทว่า เขายังคงรักษาจังหวะและการก้าวเดินของตัวเองต่อไป
เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นคนโง่จริงๆ?
ในที่สุดเจ้านกแร้งก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง พลันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกับสายตาของเขาที่จับจ้องไปที่สือซิน
ในที่สุด เขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่าง ระหว่างทางสือซินค่อย ๆ รวบรวมกำลังภายในอย่างช้าๆ
เหลือระยะห่างอีกสองเมตรเท่านั้น ในที่สุดเขาก็หยุดฝีเท้าลง ในขณะนี้ ร่างกายของเขาและมีดในมือดูเหมือนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นอย่างดี
พร้อมกับออร่าที่ลึกลับกระจายออกมา
ดูเหมือนว่าร่างกายทั้งหมดที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องเมื่อครู่นั้นแท้จริงมันเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
อีกทั้ง ระยะห่างเพียงสองเมตรก็เป็นระยะที่ดีที่สุดสำหรับสือซินในการใช้โจมตี ทันใดนั้นเจ้านกแร้งก็ตระหนักได้ว่า เขาถูกเสือเฝ้าดูอยู่
เขาถูกเสือซุ่มโจมตีโดยไม่รู้ตัว พร้อมที่จะเข้าโจมตีเขาอย่างรุนแรง
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ เจ้านกแร้งพลันเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ประสบการณ์ที่ผ่านการฆ่าฟันมากมายได้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกายของเขาแล้ว
ในตอนที่ สติของเขายังไม่ทันกลับมานั้นร่างกายพลันพร้อมที่จะป้องกันตัวในทันที
สือซินได้แต่ลอบถอนหายใจออกมา เมื่อเจ้านกแร้งไม่ทันได้ตั้งตัวนั้น เขามั่นใจมากถึงห้าส่วนว่าจะคว้าชัยชนะมาได้
ไม่คาดคิด เจ้านกแร้งจะได้สติกลับมาโดยไวขนาดนี้ ตัวนั้นตื่นตัวมาก ดังนั้นความมั่นใจที่จะคว้าชัยของสือซินในยามนี้ จึงน้อยกว่าสามส่วนในทันที
หากเป็นสถานการณ์อื่น เขาไม่เคยลงต่อสู้ในการต่อสู้ที่ไม่แน่นอนมาก่อน
ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะเคลื่อนไหวตัว
อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์บังคับราวกับลูกศรที่อยู่บนเชือกแล้วนั้น มีแต่ต้องเหนี่ยวไกยิงออกไปเท่านั้น ไม่ว่าเวลาจะไม่เหมาะสมหรือไม่ หรือไม่ว่าเขาจะไม่แน่ใจมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือเหนี่ยวไกออกไป
“ดีมาก”
สือซินพูดเสียงต่ำ ก่อนจะค่อยๆ ยกขวานขึ้นมาและสับมันออกไป
ในสายตาของคนภายนอกนั้น มันเป็นสายฟ้าฟาดที่รวดเร็ว
รูม่านตาของเขาพลันหดตัวลงในทันที
เพราะเจ้านกแร้งรู้สึกได้ในทันทีว่า มีเงาสะท้อนเหมือนกระแสน้ำไหลมาที่เขา
ดูเหมือนว่าเส้นทางการหลบหนีทั้งหมดของเขาจะถูกปิดตายลง
เจ้านกแร้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหินที่โดดเดี่ยว กำลังจะเผชิญหน้ากับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
เป็นไปได้ยังไง!
ใบหน้าของเจ้านกแร้งพลันเปลี่ยนสีไปในทันที เขาก็ล่าถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า!
สือซินก็ไล่ตามมา พร้อมกับมีดขวานในมือของเขาวางเฉียงเหนือหัวของเจ้านกแร้งและพร้อมที่จะสับลงมาเสมอ
“เจตนาของดาบ!”
“ไม่คาดคิดเลยว่า คนผู้นี้ได้จะบ่มเพาะเจตนาแห่งดาบได้น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้!”
จินถางอดที่ชื่นชมออกมาไม่ได้
ฉินเทียนพลันกล่าวออกมาอย่างเห็นด้วยว่า “นายเห็นเจตนาดาบของเขาแล้ว นั่นหมายความว่านายเองก็ฝึกตนจนเกือบจะถึงระดับนี้แล้วเหมือนกัน”
“ฉันไม่ต้องการไปถึงระดับของเขา แต่ต้องการที่จะเหนือกว่าเขาด้วย!” ดวงตาของจินถางพลันส่องประกายแวววาวออกมา
ในบางแง่มุมนั้น เขาค่อนข้างคล้ายกับสือซินเช่นเดียวกับกัวจิ้ง พวกเขาทั้งหมดมีจิตใจที่ซื่อสัตย์
คนประเภทนี้อาจจะมีอีคิวไม่สูงนัก แต่เพราะความซื่อตรงที่เขามองหาสิ่งหนึ่งและทำสิ่งนั้นโดยไม่คิดฟุ้งซ่าน บางครั้ง ความสำเร็จก็ง่ายดายกว่าคนอื่นมากนัก
มันง่ายมากในการที่จะทำสิ่งหนึ่งอย่างสุดโต่ง
จู่ๆ ฉินเทียนก็นึกถึงจุยเฟิงขึ้นมา พลางสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
เขาพบว่าเขาคิดถึงน้องชายคนนั้นเล็กน้อย
เสียงอุทานโดยรอบพลันขัดจังหวะความคิดของฉินเทียนในทันที พร้อมกับเขาที่เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบตัว ๆ
เจ้านกแร้งไม่อาจล่าถอยได้ และร่างของมันก็ติดอยู่กับหินก้อนใหญ่ เมื่อเผชิญหน้ากับสือซินทีละขั้นตอนนั้น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ในขณะนี้มีดในมือของสือซินก็เร่งความเร็วขึ้นไปในที่สุด ภายใต้แสงแดดยามเที่ยง ขวานที่เสมือนกับมีชีวิตขึ้นมานั้น พลันทอประกายแสงเย็นเหยียบออกมา
สือซินพลันดึงขวานสับลงมาในทันที
หลายคนคิดว่าเจ้านกแร้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ถ้าเขาไม่ตายในครั้งนี้ เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน ฉินเทียนได้แต่แอบถอนหายใจในใจ
เขาต้องชื่นชมความฉลาดของเจ้านกแร้งตัวนี้ เขารู้ว่าเจ้านกแร้งจงใจถอยมาที่นี่
ดูเหมือนว่าเขากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ที่จริงคือการเสแสร้งให้ตายใจและรอการเอาคืน
เจ้านกแร้งตกเป็นเป้าหมายโดยเจตนาดาบของสือซินในทันทีอีกทั้งหินก้อนนี้คือทางออกของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับขวานที่ตกลงมา เจ้านกแร้งก็ส่งเสียงร้องต่ำออกมา ด้วยลำตัวที่แคระแกร็นของเขาพลันกลิ้งตัวเหมือนลูกบอลและกลิ้งตัวออกไปได้
แม้ว่าเขาจะดูเขินอายไปเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็รอดพ้นจากหายนะ
ข้างหลังเขาพลันเกิดเสียงโครมครามกังขึ้นมา เนื่องจากก้อนหินที่ถูกสือซินแบ่งครึ่งเอาไว้
ทรงพลังมาก!
ทุกคนร้องอุทานออกมา
เมื่อเห็นทั้งหมดนี้แล้วนั้น เจ้านกแร้งก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อไหลเย็น ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหินก้อนนี้ละก็ คงเป็นเขาที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแบบนั้นแน่ ๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาใช้หินนี้เป็นหลุมหลบภัยสำหรับตัวเขาเอง
ความผิดหวังฉาย พลันฉายผ่านดวงตาของสือซินท้ายที่สุดมันก็ล้มเหลว
เขารู้ดีว่า ถ้าเขาพลาดมีดเล่มนี้ไปนั้นมันจะเป็นการยากหากว่าต้องการจะปลิดชีพเจ้านกแร้งในครั้งต่อไป
เขาหันกลับมามองเจ้านกแร้งอีกครั้งด้วยสายตาซับซ้อน เขารู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าความยากลำบากจะยากเย็นเพียงใด เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับมัน
สำหรับตงไห่ สำหรับคุณหนูใหญ่…
“เจ้าหนู น่าสนใจดีหนิ”
“ฉันประเมินนายต่ำไปจริงๆ”
“เอาล่ะ การต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว” เสียงอันเยือกเย็นของเจ้านกแร้งพลันกระตุ้นแก้วหูและหัวใจของทุกคนให้สั่นสะท้านในทันที
เขายกเสื้อผ้าขึ้นและหยิบกรงเล็บเหล็กแวววาวคู่หนึ่งออกมาจากเอวของเขา
ด้วยกรงเล็บในมือของเขาที่คมมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังใส่กรงเล็บเหล็กเพื่อมีพลังมากขึ้นไปอีก
นี่คืออาวุธโปรดของเจ้านกแร้ง มีวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องตายภายใต้กรงเล็บเหล็กนี้
โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ค่อยใช้กรงเล็บเหล็กเหล่านี้เท่าใดนัก และน้อยคนนักที่จะบังคับให้เขาใช้กรงเล็บเหล่านี้ได้
ตอนนี้สือซินถือเป็นหนึ่งในนั้น
ใบหน้าของเซี่ยหมิงก็พลันฉายแววจริงจังออกมาเช่นกัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนอย่างสือซินอยู่ในตงไห่ด้วย
ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อเวลาผ่านไป คนตรงหน้าอาจกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามในอนาคตก็เป็นได้
เซี่นหมิงพลันขมวดคิ้วลงด้วยใบหน้าของเขามืดมน ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้
การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว!
คราวนี้เป็นเจ้านกแร้งที่ริเริ่มโจมตีก่อน เขาพลันกระทืบขาเร็วไวเหมือนเสือดาว
หลังจากที่สวมกรงเล็บเหล็กในมือนั้น มันก็เปล่งประกายออกมาด้วยความเย็นเหยียบจนน่าทึ่ง
ด้วยเสียงคลิก กรงเล็บเหล็กในมือซ้ายพบลันตรึงขวานของสือซินเอาไว้ในทันทีและกรงเล็บเหล็กในมืออีกข้างหนึ่งพลันตัดผ่านอากาศและมาจับหัวของสือซินเอาไว้
“ระวัง!”
ท่ามกลางฝูงชน หวังตัวยวี่อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนด้วยความกังวล
นับประสาอะไรกับหัวคนต่อให้เป็นหินแกรนิตที่แข็งแกร่งก็อาจจะแหลกคามือกรงเล็บนั้นก็ได้