บัญชามังกรเดือด - บทที่ 974 ขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า
บัญชามังกรเดือด บทที่ 974 ขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า
ฉินฉีคุกเข่าลงและยืดหลังตรง “แม่ครับ ได้โปรดเฆี่ยนเถอะครับ”
“การคุกเข่าอีกสี่สิบเก้าวันนั้น เมื่อผมนำยาไปส่งแล้วผมจะกลับมานะครับ”
เมื่อถงจิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ เขาถอนหายใจอีกครั้ง
ว่ากันว่านายท่านของตระกูลฉินอ่อนแอและไร้ความสามารถ ใครจะรู้ ภายใต้รูปลักษณ์ที่สง่างามของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง!
ร่องรอยการโดนเฆี่ยน81ครั้ง แผ่นหลังของฉินฉีนั้นสามารถมองเห็นลึกถึงชั้นของกระดูกและเต็มไปด้วยรอยเลือด
เขานั้นไม่กล่าวสิ่งใดเลยแม้แต่คำเดียว เขากลับถือโสมแดงไว้ด้วยรอยยิ้มและเร่งเร้าให้เขาพาตนเองไปยังอุทยานมังกร
กระทั่งเห็นฉินเทียน ฉินฉีแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร แผ่นหลังของเขานั้นยังคงตั้งตระหง่านเช่นเคย
มีเพียงแค่ถงจิ่งเท่านั้นที่รู้ แผ่นหลังภายใต้ชุดคลุมสีดำนั้นเจ็บปวดจนแทบไม่สามารถทนมองได้
ความสนใจทั้งหมดของฉินเทียนนั้นจดจ่ออยู่กับโสมแดง ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด
เขาอบและบดโสมแดงจนกลายเป็นผงอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำไปผสมกับเห็ดหลินจือเลือด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ยาต้มที่มีสีแดงราวกับเลือดก็สำเร็จ
ฉินเทียนหยิบถ้วยยาที่กำลังร้อนขึ้นมา จากนั้นเขาดมกลิ่น “ทำไมมีกลิ่นคาวเลือด?”
ฉินฉีเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “เห็ดหลินจือเลือดเป็นของล้ำค่าหายาก เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์”
ฉินเทียนไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เขาถือถ้วยยาด้วยความระมัดระวังและเดินไปหาซูซูที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
เธอยังคงหลับใหลไม่ได้สติ ไม่รู้เลยว่าด้านนอกนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ฉินเทียนประคองเธอลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน ตักยาต้มขึ้นมาช้อนหนึ่งและยื่นไปยังบริเวณริมฝีปากของเธออย่างระมัดระวัง
“ซูซู? ซูซู?”
“ตื่นเถอะ ได้เวลากินยาแล้วนะ”
แต่ไม่ว่าฉินเทียนจะเรียกอย่างไร ซูซูก็ไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
เธอเพียงแค่นอนอยู่ภายในอ้อมแขนของเขาอย่างนุ่มนวล ราวกับหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณ
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ หากว่าความร้อนกระจายหายไปอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา”
“พวกเราจะออกไปก่อน แกก็คิดหาวิธีการก็แล้วกัน จะต้องให้หล่อนกินยาให้ได้”
ฉินฉีเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องไป
ถงจิ่งเองก็รีบเดินตามหลังออกไปเช่นกัน
หลิวหรูยู่ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอออกจากห้องไปพร้อมกับใบหูที่แดงก่ำ
เท้าของเธอยังไม่ทันจะก้าวอย่างมั่นคง ฉับพลันเธอชี้ไปยังแผ่นหลังที่น่าตื่นตระหนกของฉินฉี “คุณอาคะ แผ่นหลังของคุณทำไมถึงเปียกชื้นแบบนี้?”
หลิวหรูยู่ไม่เคยพบกับฉินฉี แต่ด้วยรูปลักษณ์ของเขาที่คล้ายคลึงกับฉินเทียน เธอพอจะเดาสถานะของเขาได้
สามารถมั่นใจได้ว่าเขานั้นอาจจะเป็นเครือญาติทางฝั่งพ่อของฉินเทียน เช่นนั้นจึงกล่าวคำพูดด้วยความสุภาพ
ฉินฉียิ้มขื่นขม “อายุมากแล้ว เหงื่อออกง่าย ไม่เป็นไรหรอก”
“ในเมื่อต้มยาเสร็จแล้ว ถงจิ่ง พวกเราก็ควรกลับกันได้แล้ว”
ถงจิ่งเองก็เป็นกังวลเกี่ยวกับฉินฉี เขารีบพยักหน้าตอบรับ “ครับ พวกเรากลับกันเถอะ ไม่รอบอกลาคุณชายใหญ่แล้ว”
อย่างไรหลิวหรูยู่เองก็เป็นแขกของอุทยานมังกร เธอพูดอะไรมากก็คงไม่ดีนัก เธอเพียงส่งทั้งสองคนนั้นกลับไปด้วยความสุภาพ
กระทั่งเฮลิคอปเตอร์บินวนขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นหลิวหรูยู่จ้องมองนิ้วมือของตนเองด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อสักครู่เธอสัมผัสเสื้อผ้าของฉินฉีโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้นิ้วมือของเธอกลายเป็นสีแดงสด
ด้วยความฉลาดของหลิวหรูยู่ เธอเข้าใจในทันใด แผ่นหลังของฉินฉีนั้นไม่ได้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่แผ่นหลังของเขานั้นเปียกโชกไปด้วยเลือด!
ดูเหมือนว่าโสมแดงนั้นจะไม่ได้มาอย่างง่ายดาย!
ขณะเดียวกัน ฉินเทียนอยู่ในห้องนอนและกำลังป้อนยาให้ซูซูด้วยความระมัดระวัง
ฉินฉีนั้นนำคนอื่นออกไปด้านนอก เพราะคนที่หมดสติไม่สามารถกินยาด้วยตนเองได้ ทำได้เพียงแค่ต้องการวิธีการที่ดั้งเดิมมากที่สุด
รสชาติขื่นขมและแปลกประหลาดของยาเจือมาด้วยความหวาน ส่งผ่านจากริมฝีปากของฉินเทียนไปยังริมฝีปากของซูซูอย่างเชื่องช้า
ยาครึ่งถ้วย ฉินเทียนใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงเต็ม เขาป้อนจนหมดถ้วยไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
เขาวางซูซูลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา จากนั้นช่วยเธอเช็ดคราบยาของจากริมฝีปาก
ซูซูยังคงไม่ได้สติ เธอนอนอยู่อย่างนั้นด้วยความเงียบ ราวกับเจ้าหญิงนิทราที่รอคอยจุมพิตจากเจ้าชาย
ฉินเทียนจับมือเล็กๆที่บอบบางและไร้กระดูกของเธอพลางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ซูซู คุณจะต้องหายเป็นปกตินะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
ด้านนอก หลิวหรูยู่ได้ยินอย่างชัดเจน มือทั้งสองประสานกันและขอพรด้วยความเงียบ : พระเจ้าอวยพร ขอให้พี่ซูซูหายเป็นปกติและกลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง!
ตลอดทั้งบ่าย ฉินเทียนอยู่เคียงข้างซูซูตลอดและไม่จากไปไหน
เขาเอาแต่จ้องมองซูซูที่กำลังหลับใหล ราวกับว่ามองเท่าไรก็ไม่พอ
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ขนตางอนยาวของซูซูเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า
เธอฟื้นแล้ว!
ฉินเทียนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาในทันที เขากลั้นหายใจและรอให้ซูซูได้สติและตื่นขึ้น
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
หลังจากที่ขนตาของซูซูขยับไปมาอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้น
ระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในช่วงเวลานั้น สำหรับฉินเทียนแล้วกลับเหมือนว่าเขากำลังรอคอยอยู่เนิ่นนานนับศตวรรษ
ซูซูฟื้นแล้ว เธอจ้องมองฉินเทียนที่อยู่ข้างกาย ยิ้มพลางเอ่ยถามเขา “ฉันหลับไปนานเท่าไร?”
“ไม่นานหรอก สักพักหนึ่ง” ฉินเทียนช่วยพยุงเธออย่างระมัดระวัง “รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือเปล่า? นอนอีกหน่อยไหม?”
ซูซูส่ายศีรษะ “ฉันรู้สึกว่าตัวเองนอนหลับไปนานมาก ภายในปากก็มีรสชาติแปลกๆ”
“เมื่อกี้ฉันเป็นลมไป ทำให้คุณตกใจแย่เลยใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลนะ คุณดูสิ ฉันฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแล้ว?”
ฉินเทียนเหยียดมือออกไปและสัมผัสจมูกโด่งของซูซูด้วยความหลงใหล “ผมไม่กังวลหรอก ผมอยู่เคียงข้างคุณตลอด รอให้คุณตื่นขึ้นมา”
“พูดไร้สาระอีกแล้ว งั้นถ้าหากฉันไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล…”
“ตลอดกาล ตลอดไป ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ตราบใดที่มีผมอยู่ ต่อให้คุณจะถูกจับตัวไปเป็นทาสอีกฝากฝั่งหนึ่งของโลก ผมก็จะไปนำตัวคุณกลับมา!”
“คนโง่ คุณคิดว่าตัวเองเป็นซุนหงอคงที่สามารถเหินฟ้ามุดดินได้งั้นเหรอ!”
“เพื่อคุณแล้วผมยินดีที่จะเป็นซุนหงอคงที่ต่อต้านประสงค์ของพระเจ้า!”
ทั้งสองคนโต้ตอบกันด้วยวาจา คุณหนึ่งประโยค ฉันหนึ่งประโยค พวกเขาต่างซ่อนความตื่นตระหนกไว้ในใจของกันและกัน
ซูซูไม่กล้าบอกฉินเทียน ก่อนหน้านี้เธออยู่ในอาการโคม่า อันที่จริงแล้วภายในหัวใจของเธอนั้นรู้สึกหวาดกลัวมาก
เธอกลัวว่าหากเธอหมดสติล้มลงไปแล้วเธอนั้นอาจจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก เธออาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มโง่เขลาของเขาอีกแล้ว
และฉินเทียน ภายในหัวใจของเขานั้นก็ตื่นตระหนกไม่มากไม่น้อยไปกว่าซูซูสักเท่าไร
เขายอมสูญเสียทุกสิ่งที่เขามีในตอนนี้ เขานั้นไม่ต้องการสูญเสียหญิงสาวที่มีค่าของเขาไป!
นับว่าโชคดีที่พระเจ้านั้นมีตาและได้มอบโอกาสให้กับพวกเขา!
หนึ่งในสามของเห็ดหลินจือเลือดนั้นถูกใช้ไปแล้ว ไม่ใช่ว่าฉินเทียนไม่เต็มใจจะใช้มัน เพียงแต่ว่าประสิทธิภาพนั้นอาจจะรุนแรงเกินไป
อย่างไรก็ตามร่างกายของซูซูอ่อนแอและอาจจะรับไม่ไหว ให้เธอทานยาอย่างค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นวิธีการที่ปลอดภัยมากที่สุด
ขณะที่เขาเฝ้าซูซูอยู่ภายในห้องนอน เขาคอยตรวจชีพจรของเธออยู่เสมอ
ตอนนี้แม้ว่าชีพจรของซูซูจะยังอ่อนแอ แต่กลับมีจังหวะผ่อนหนักแล้ว
ไม่เหมือนอย่างเช่นเมื่อก่อน ติดขัดและแทบจะตรวจไม่พบชีพจร
ฉินเทียนพูดคุยกับซูซูอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้น “หิวหรือยัง? ผมจะไปทำอาหารให้คุณ”
ซูซูจ้องมองฉินเทียนอย่างโง่เขลา “คุณไปทำอาหารก็ไปสิ จะอุ้มฉันทำไมกัน?”
“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผมจะอยู่เคียงข้างคุณทุกย่างก้าวจนกว่าคุณจะหายดี”
“ขณะที่ผมทำอาหาร คุณก็คอยส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจอยู่ด้านหลังของผมก็แล้วกัน”
ซูซูยิ้มจนรู้สึกปวดใบหน้า ก็แค่ทำอาหารเอง ไม่ได้ไปสู้รบเสียหน่อย ยังจะต้องส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจอีกงั้นหรือ เขาก็พูดออกมาได้!
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกว่าเธอนั้นเหลือเวลาไม่มาก เธอหวงแหนเวลามากและต้องการใช้เวลาทุกวินาทีไปพร้อมกับฉินเทียน ไม่อยากจะแยกจากกับเขา
เธอปล่อยให้ฉินเทียนอุ้มอยู่อย่างนั้นและเดินไปยังห้องครัว จากนั้นเขาวางเธอลงบนเก้าอี้ เฝ้ามองดูเขาพับแขนเสื้อและทำอาหาร