บัญชามังกรเดือด - บทที่ 975 ไม่มีวันลืม
บัญชามังกรเดือด บทที่ 975 ไม่มีวันลืม
เวลาพลบค่ำ ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีแสงไฟนับพันดวง
ฉินเทียนทำอาหารสี่อย่างและซุปหนึ่งอย่าง อาหารแต่ละอย่างมีคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติดีมาก
วันนี้ซูซูเจริญอาหารมาก เธอกินข้าวไปสองถ้วยเล็กและทานซุปหมดไปหนึ่งถ้วย
จนกระทั่งเรอออกมา เธอถึงได้วางตะเกียบในมือลง “เหมือนกับว่าฉันไม่เคยกินอาหารด้วยความสบายใจอย่างนี้มาก่อน”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเทียนจะจ้างนักโภชนาการพิเศษให้เธอ อาหารเหล่านั้นที่ทำออกมาก็รสชาติดี แต่กลับไม่ได้เจริญอาหารในมือนั้น ในครั้งนี้อาหารอร่อยมาก
ฉินเทียนหยิบทิชชูออกมา เขาเช็ดปากให้กับซูซูและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน มีผมอยู่ด้วย คุณจะต้องกินอาหารด้วยความอร่อยและความสบายใจ”
“คุณนี่นะ เริ่มจะหน้าด้านหน้าทนเข้าทุกวันแล้ว”
ซูซูส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ ถูกยกยอปอปั้นจนเริ่มหน้าหนาขึ้นทุกวันแล้ว!
“ฉันอิ่มมาก อยากไปเดินเล่นด้านนอก”
“ไม่ได้ ร่างกายของคุณเพิ่งจะฟื้นตัว จะต้องพักผ่อนและพักฟื้น อย่าเพิ่งหักโหมร่างกาย”
“ถ้าหากคุณอยากไปด้านนอก ผมจะอุ้มคุณไปเอง”
ขณะที่ฉินเทียนกล่าว เขาจะอุ้มซูซู แต่ถูกกลับเธอบีบแขนไว้ “ช่างเถอะ ฉันรู้สึกไม่อยากออกไปด้านนอกแล้ว”
“แบบนั้นไม่ได้หรอก พูดแล้วก็ต้องทำให้เสร็จสิ้น บอกว่าอยากออกไปด้านนอกก็ต้องไป ไม่สามารถผิดคำพูดได้!”
ทั้งสองคนพูดคุยและหยอกล้อกัน ฉินเทียนอุ้มซูซูไว้ในท่าเจ้าหญิงพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอก
ตอนกลางคืนของอุทยานมังกรนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก
บนท้องฟ้าอันมืดมิดเต็มไปด้วยดวงดาว กลิ่นบรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นยาหอมเจือจาง
รวมกับเสียงจิ้งหรีดที่กำลังส่งเสียงร้องแผ่วเบาภายในพุ่มไม้ ทำให้ผู้คนรู้สึกเห็นภาพลวงตา ราวกับว่ามาถึงสรวงสวรรค์
ซูซูอยู่ภายในอ้อมแขนของฉินเทียน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ภายในหัวใจของเธอนั้นขื่นขม
เพราะเธอไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไร
ถ้าหากวันหนึ่งเธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ฉินเทียนจะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน…
อย่างน้อยก็ยังดี เธอทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ให้กับเขา
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอย่างวุ่นวาย หลิวหรูยู่เดินออกมาจากห้อง
หล่อนรู้ตั้งนานแล้วว่าซูซูนั้นฟื้นแล้ว แต่กลับไม่อยากรบกวนเวลาของพวกเขาทั้งสองคน
จนกระทั่งหล่อนมองเห็นแววตาของซูซู มองเห็นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น
ทั้งคู่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ขณะนี้หลิวหรูยู่นั้นสามารถคาดเดาอารมณ์ของซูซูได้
อย่างไรก็ตามฉินเทียนผู้ชายที่ไม่เคยเข้าใจอารมณ์ของผู้หญิงก็ยังคงยืนยิ้มมีความสุขอย่างโง่เขลา
เขานั้นไม่เคยเข้าใจอารมณ์ซับซ้อนของผู้หญิง
หลิวหรูยู่ไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป อดไม่ได้ที่อยากจะเข้ามาอยู่ข้างกายซูซู บรรเทาความโศกเศร้าตรงรอยย่นระหว่างคิ้วให้กับเธอ
เพียงแต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกไปสองก้าว เธอพลันรู้สึกตัวทันทีและเดินถอยหลังกลับทันใด
แม้ว่าจะเศร้า แต่ก็เป็นเวลาพิเศษของทั้งสองคน ตอนนี้เธอเดินเข้าไปแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร
ระหว่างพวกเขานั้นไม่น่าจะมีพื้นที่สำหรับเธอ…
ซูซูเห็นว่าหลิวหรูยู่เดินเข้ามา เมื่อเธอคิดจะเอ่ยทักทายกลับเห็นว่าหล่อนนั้นเดินย้อนกลับไป
ในไม่ช้า ซูซูก็เข้าใจอารมณ์ของหลิวหรูยู่
เธอเงียบงันไปชั่วขณะ เงยหน้ามองฉินเทียน “หลิวหรูยู่ หล่อนเป็นผู้หญิงที่ดีและยากที่จะได้พบเจอ”
“ถ้าหากวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้ว คุณจะต้องดีกับหล่อนนะ”
“พูดไร้สาระอะไรเนี่ย?”
ฉินเทียนขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของผม แต่ก็ต้องเชื่อในประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือเลือดพันปี”
“รอให้คุณดื่มอีกสองครั้ง ผมรับรอง ร่างกายของคุณจะกลับมาเป็นปกติ จะกลับมาแข็งแรงมีชีวิตชีวาเช่นเคย”
“คุณก็รู้ ผมไม่เคยโกหก”
ซูซูจ้องมองนัยน์ตาของฉินเทียน ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ
วินาทีนั้น เธอยอมรับว่าตนเองนั้นมีความคาดหวัง
เธอเองก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ แก่ชราไปพร้อมกับผู้ชายคนนี้ ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา!
บางที ในครั้งนี้เธอจะต้องมั่นใจจริงๆ
ไม่แน่ว่าปาฏิหาริย์อาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้!
เช่นเดียวกับในตอนนั้น เธอนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนรถเข็น ทุกคนเพิกเฉยและไม่ให้ความสนใจกับเธอ จนกระทั่งฉินเทียนปรากฏตัว ช่วยเหลือและดึงเธอออกมาจากห้วงความสิ้นหวังราวกับเทพเจ้า
ครั้งนี้ เขาจะต้องสามารถช่วยเหลือเธอได้อย่างแน่นอน มอบชีวิตใหม่ให้เธออีกครั้ง!
เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วเธอไม่อาจทนแยกจากกับฉินเทียนได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกที่กำลังอยู่ภายในท้องของเธอและกำลังจะคลอดในอีกไม่ช้า
ถ้าหากจิตใจแห่งความโลภสามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ เธอก็ยินดีที่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดแห่งความโลภ!
“เชื่อผม ครั้งนี้คุณจะต้องหายดีและกลับเป็นปกติอย่างแน่นอน”
หลังจากฉินเทียนกล่าวจบ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของซูซู
บรรยากาศรอบข้างนั้นดีมากยิ่งขึ้น ซูซูเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ พยายามตอบสนองต่อฉินเทียน
เมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ ฉินเทียนฉีกยิ้มเกือบถึงใบหู
ในที่สุด ภรรยาของเขาก็เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะแสดงความรักต่อเขาแล้ว!
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เขานั้นใฝ่ฝันและโหยหามาเนิ่นนาน
วันนี้ ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นจริงดั่งปรารถนา!
ซูซูขวยเขิน เมื่อเห็นฉินเทียนยิ้มกว้างราวกับคนโง่ เธอเม้มริมฝีปากและกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
จากนั้นยกกำปั้นขึ้นมาและชกลงบนแผงอกของเขาเบาๆ “บ้า”
ความน่ารักที่น่าหลงใหลเหล่านี้นั้นท่วมท้นอยู่ภายในหัวใจของฉินเทียน
เขายิ้มอย่างมีความสุข ก้มศีรษะลงและประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากสีแดงสดนั้นอย่างแม่ยนำ
แสงดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ ร่วมเป็นสักขีพยานในรอยจูบอันหอมหวานของสามีภรรยาคู่นี้
ขณะเดียวกัน ทางเหนือ ตระกูลเซี่ย
“เพล้ง!”
“ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าฉัน! ไสหัวออกไปให้หมด!”
เซี่ยหมิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้ามืดมน ดวงตาของเขากระหายเลือดและดูน่ากลัว
จานกระเบื้องผลไม้และถ้วยชาชั้นดีวางอยู่บนโต๊ะ ล้วนแต่ถูกเขาเขวี้ยงลงบนพื้นอย่างรุนแรงและแตกกระจายไปทั่วพื้น
สินค้าชั้นยอดเหล่านั้นทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของหายากและมีราคาแพง
ผลไม้และใบชากลิ้งไปทั่วพื้น น้ำชากระเซ็นทำให้พรมเปอร์เซียที่ทอด้วยด้ายสีทองนั้นเปียกชุ่ม
ที่นี่นั้นมีแต่สิ่งของชั้นยอด เป็นสินค้าหายากอีกทั้งยังมีราคาสูง
ต่อให้สุ่มหยิบสิ่งของออกมาเพียงแค่ชิ้นเดียว สินค้าชิ้นนั้นเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายหนึ่งปีของครอบครัวธรรมดาทั่วไป
เหล่านักเต้นรำสองสามคนที่มาเต้นเพื่อสร้างความสนุกให้แก่เขาต่างตื่นตระหนกตกใจ พวกเธอโค้งคำนับและรีบถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว
ภายในตระกูลเซี่ยเซี่ยหมิงนั้นคือทายาทที่อยู่เหนือกว่าคนทั่วไป
เพียงแค่ประโยคธรรมดาทั่วไปก็มีอิทธิพลต่อชีวิตและความตายของทุกคน
ราวกับว่าเซี่ยหมิงยังคงโกรธเคืองอยู่ เขาเตะโต๊ะน้ำชาหยกขาวที่อยู่ด้านหน้าเขา
“เพล้ง!”
โต๊ะชาหยกแตกกระจายเป็นเสี่ยง เซี่ยหมิงหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็โยนใส่นักเต้นที่เดินออกไปเป็นคนสุดท้าย
เศษหินหยกแหลมคมกระแทกลงบนเรือนร่างของนักเต้นคนนั้น หล่อนส่งเสียงกรีดร้องและด้านหลังศีรษะของหล่อนก็มีเลือดไหลออกมาในทันที
แต่นักเต้นหญิงคนนั้นไม่รอช้า หล่อนอดกลั้นและรีบเดินออกไป
หลังจากเดินไปได้สองก้าว ร่างกายของหล่อนก็ล้มลงบนพื้นและหมดลมหายใจ
มีคนตายอย่างกะทันหัน แต่กลับไม่มีใครแสดงท่าทางตื่นตระหนก
บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูรีบเข้ามาจับเท้าของนักเต้นผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นและลากศพของหล่อนออกไป
ท่าทางเพิกเฉยและทำเป็นเหมือนเรื่องปกติ ราวกับว่ากำลังลากศพสุนัขตัวหนึ่งออกไปอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนรอยเลือดที่หยดลงตามพื้นนั้นฉับพลันแม่บ้านก็เดินเข้ามาทำความสะอาด เพียงชั่วพริบตาพื้นที่บริเวณนั้นก็สะอาดหมดจด
ถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นเลือดที่ยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าห้องโถงขนาดใหญ่ราวกับราชวังนี้ เมื่อสักครู่เพิ่งมีคนเสียชีวิต
ในขณะนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เซี่ยหมิง
นอกเสียจากว่าคนผู้นั้นกำลังเบื่อหน่ายชีวิต หรือแม้กระทั่งอยากจบชีวิตด้วยความตาย
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่เงียบสงัด ใบหน้าของเซี่ยหมิงมัวหมอง สิ่งที่ปรากฏและฉายภายในความคิดของเขานั้นคือรูปร่างผอมเพรียวของหวังตัวยวี่
รวมถึงเหตุการณ์ที่หล่อนทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าทุกคน!
ในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยเมื่อไรกันที่เซี่ยหมิงเคยได้รับความอับอายเช่นนี้?
หวังตัวยวี่ไม่เพียงแต่จะแสดงให้ทุกคนรับรู้ว่าหล่อนนั้นต้องการแต่งงานกับฉินเทียน หล่อนยังขับไล่เขาออกมาโดยไม่ลังเลและไม่เกรงใจต่อกัน!
สิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าก็คือไอ้เศษเดนฉินเทียน เพิกเฉยต่อการยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา ทำร้ายเฒ่าแร้งจนบาดเจ็บสาหัส บังคับให้เขาต้องสังหารลั่นไกปืนใส่เฒ่าแร้ง!
ความเคียดแค้นและความอับอายนี้ ตลอดชีวิตของเขาเซี่ยหมิงจะไม่มีวันลืม!