บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 107 ฝ่ามือมหาดารา
บทที่ 107 ฝ่ามือมหาดารา
ขอบเขตปฐพีที่ห้า!
อักขระจ้าววิญญาณขั้นปฐพีที่ห้า!
ในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงขอบเขตปฐพีที่ห้าอันบริสุทธิ์และเข้มข้นที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปราณจ้าววิญญาณที่อยู่ระหว่างเลือดเนื้อและผิวหนังก็ทะยานขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นเฉินซีก็ตระหนักได้ในทันที
เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะที่ปรมาจารย์ได้เตรียมไว้สำหรับศิษย์ของเขา!
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อาวุโสจี้อวี๋ จะขอให้เขาขัดเกลากายาให้ไปถึงขอบเขตตำหนักอินทนิล ก่อนจะอนุญาตให้เข้าไปทดสอบด้านใน เพราะขอบเขตปฐพีที่ห้านี้เป็นการทดสอบและทดลองจริง ๆ แต่ก็ยังมีประโยชน์ต่อปราณจ้าววิญญาณที่มีในร่างกายอย่างมาก!
ตายซะ! เสียงโห่ร้องดังกังวาน เท้าของเฉินซีเหยียบย่ำลงบนพื้นอย่างมั่งคง เขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับพลังปฐพีที่ห้าได้อย่างไร้ที่ติและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นจ้าวผู้ครองโลกทั้งใบ
ทันใดนั้น เฉินซีก็ปล่อยหมัดออกไป ก่อให้เกิดวังวนที่ไร้ลักษณ์จำนวนมากโดยรอบ และด้วยพลังของหมัดอันรุนแรง ทำให้สรรพสิ่งภายในระยะราวร้อยจั้งถูกดูดเข้าหากันคล้ายกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
ทลาย! เขาเก็บสะสมพลังไว้ เมื่อถึงขีดสุดก็ปล่อยออกไปอย่างเต็มแรง
พลังหมัดโปร่งแสงพุ่งออกมา จนเกิดเสียงหวีดหวิวในอากาศ ไม่นานเสียงระเบิดที่ฉีกนภาก็ดังขึ้น ซึ่งเสียงเช่นนี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อพลังงานมหาศาลหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
รูเลือดปรากฏบนร่างอสูรปรสิตหกปีกทั้งสิบสองตัว สีหน้าของมันยังคงแข็งทื่อด้วยไม่อาจทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
พรึ่บ!
ในชั่วพริบตา เฉินซีชกหมัดออกไปถึงสองหน เนื่องจากหมัดนี้รวดเร็วเกินไปจึงเกิดเสียงดัง ‘พรึ่บ’ และในกลุ่มของอสูรปรสิตหกปีกก็ปรากฏแผลโชกเลือดในเวลาเดียวกัน
ช่างเป็นพลังทะลุทะลวงที่ไม่มีใครเทียบ!!
เฉินซีปล่อยหมัดออกไปเพียงสามครั้งเท่านั้น แต่อสูรปรสิตหกปีกทั้งสามสิบหกตัวก็ร่วงระนาวพร้อมกับบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่าง
ช่างน่าพอใจยิ่งนัก! หัวใจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขารู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังไร้ขอบเขต เมื่ออสูรปรสิตหกปีกที่พุ่งออกมาทุกแห่งหนได้กลายเป็นเป้าที่เขาจะระบายพลังที่สะสมอยู่!
ฆ่า!
เฉินซีเริ่มโต้กลับและลงมือเข่นฆ่า!
…
ที่ด้านล่างของแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว จี้อวี๋เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มในแววตา ทำได้ดีมากเจ้าหนู! ในที่สุดก็เข้าใจความลึกซึ้งของขอบเขตปฐพีที่ห้าแล้ว ในที่สุดฝ่ามือมหาดาราก็ได้เฉิดฉายอีกครา!
เคร้ง!
กระบี่ไผ่ทองคำนิลในมือของเขากำลังสั่นไหวจนเกิดเสียงดังสนั่น
เอ๊ะ ความสามารถในการเข้าใจของวิญญาณกระบี่นี่ก็นับว่าไม่เลว เขาเริ่มหลอมรวมจิตวิญญาณกับกระบี่อย่างรวดเร็วแล้ว… จี้อวี๋ก้มหน้ามองไปยังกระบี่ไผ่ทองคำนิล ที่ปกคลุมด้วยประกายแสงสีดำกำลังสั่นไหว และเกิดระลอกคลื่นผันผวนอย่างไม่มีสิ้นสุด
ด้วยความเร็วเช่นนี้ มันจะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งปี ในการหลอมรวมดวงวิญญาณของเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่
โฮกกก! สัตว์ตัวเล็กที่มีขนสีขาวราวกับหิมะ ซึ่งดูคล้ายสิงโตแต่ไม่ใช่ ร้องโหยหวนอย่างกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมกอดของจี้อวี๋
มันมองดูกระบี่ไผ่ทองคำนิลอย่างกระตือรือร้น ในขณะที่น้ำลายสีใสไหลออกมาจากมุมปาก เพราะมันไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งปีแล้ว ดังนั้นจึงหิวกระหายยิ่งนัก
ไป๋คุย! มือของจี้อวี๋กดลงบนศีรษะมัน จากนั้นก็ดุพร้อมกับแย้มยิ้ม เมื่อเฉินซีสามารถออกจากเคหาไปได้ ข้าจะขอให้เขาพาเจ้าไปกินสมบัติทั่วทั้งโลกเพื่อสนองความตะกละ ดีหรือไม่ ฮึ?!
อู้ ๆ~ ไป๋คุยแลบลิ้นสีชมพูเล็ก ๆ ออกมาเลียฝ่ามือของจี้อวี๋ ก่อนที่จะร้องด้วยความยินดี เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจคำพูดของเขา เจ้าตัวน้อยนี่ช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
…
บนแผ่นหลังของชายหนุ่มเวลานี้ ปรากฏอักขระจ้าววิญญาณแห่งปฐพีที่ห้าอันแสนลึกลับแผ่กระจายไปทั่ว
พลังปฐพีที่ห้าจากสวรรค์และผืนดินกำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และถูกแปรเปลี่ยนเป็นปราณจ้าววิญญาณพลังปฐพีที่ห้าอันแข็งแกร่ง ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเฉินซี
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มไม่ต้องกังวลถึงการป้องกันอีกต่อไป เขาสามารถลงมืออย่างเต็มกำลัง เมื่อใช้หมัดถล่มทลาย พลังของมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเอง
ตุบ! ตุบ!
ขณะนี้ ฝูงอสูรปรสิตหกปีกร่วงหล่นลงบนพื้น ภายใต้พลังทำลายล้างของกำปั้นที่ควบแน่นปราณจนสุดขีด มันสามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางทางให้ราบเป็นหน้ากลอง!
ช่างทรงพลังยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยที่มีคนกล่าวไว้ว่า …หากผู้บ่มเพาะทั้งคู่มีขอบเขตบ่มเพาะในระดับเดียวกัน ผู้ที่บ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพจะสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะทักษะการขัดเกลากายาอื่นได้อย่างง่ายดาย
เฉินซีรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และรู้สึกได้ว่าหากซัดหมัดออกไป แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำก็ไม่กล้าแบกรับความรุนแรงนี้!
เวลาเคลื่อนผ่าน เฉินซีเป็นเหมือนปรมาจารย์ผู้อยู่ยงคงกระพันที่หมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ เขาลืมเลือนวันเวลาและทุกสิ่งรอบตัวไปหมดสิ้น
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด
ไม่มีอีกแล้วหรือ เฉินซีเงยหน้าขึ้นด้วยความผิดหวัง ก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ ทว่ากลับมีแต่ความเงียบงัน มันช่างเงียบสนิท ขณะนี้ไม่หลงเหลืออสูรปรสิตหกปีกเลยแม้แต่ตัวเดียว
อวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ถูกตัดขาดกองอยู่บนพื้นดินมลายหายไปสิ้นแล้ว สวรรค์และโลกยังคงไร้ขอบเขตดังเดิม เช่นเดียวกับตอนที่เขาเข้ามาในครั้งแรก
ซู่!
ในเวลานี้เองที่คลื่นเสียงประหลาดดังก้องไปทั้งสวรรค์และโลก ดินบนพื้นก่อตัวตัวกลายเป็นร่างขนาดมหึมาที่มีความสูงเกือบสองพันห้าร้อยจั้งในทันที
ร่างนั้นสวมชุดผ้ากระสอบและเท้าเปลือยเปล่า ผมยาวสลวยประบ่า ส่งกลิ่นอายความมีสง่าราศี ขณะเดียวก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างจนใจหาย
บนศีรษะของร่างนั้นมีวงแหวนสีเหลืองที่ปล่อยลำแสงราง ๆ ออกมานับไม่ถ้วน
วงแหวนนั้นราวกับแผ่นยันต์ขนาดมหึมาที่มีศิลา ดวงดาว แผ่นดิน และภูเขาหมุนวนอยู่ชั่วนิรันดร์ แม้พวกมันจะดูเชื่องช้า แต่ฉากต่าง ๆ กลับแปรเปลี่ยนนับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา!
เมื่อเผชิญหน้ากับร่างนี้ เฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงมดตัวน้อย ความศรัทธาเกิดขึ้นในจิตใจ และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการก้มกราบกราน
ในขณะนี้เอง ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในทะเลจิตสำนึกของเฉินซี รูปลักษณ์ของสองร่างนี้เหมือนกันทุกประการ เว้นแต่ว่าบรรยากาศรอบตัวพวกเขาแตกต่างกัน
ร่างทั้งสองดูเหมือนถูกแบ่งแยกด้วยมิติและกาลเวลานับอนันต์ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกันและกันจากระยะไกล เมื่อทั้งคู่สบตากัน สิ่งมหัศจรรย์ก็ได้บังเกิดขึ้น!
ครืน!
ดูเหมือนว่าสวรรค์และโลกกำลังพังทลาย เฉินซีรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณกำลังสั่นคลอน เมื่อความทรงจำอันเก่าแก่กำลังทะลักเข้าสู่จิตวิญญาณ ก่อนที่จะหลอมรวมเข้ากับความทรงจำ
การถ่ายทอดได้เริ่มขึ้นแล้ว จี้อวี๋ที่ยืนอยู่ก้นแม่น้ำเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่นี้สลัวราวกับมองเห็นทุกสิ่งภายในขอบเขตปฐพีที่ห้า สีหน้าของเขาดูซับซ้อน บ้างก็พึงพอใจ แต่พอมองไปยังเบื้องหน้ากลับดูเศร้าโศก
เคล็ดวิชาฝ่ามือมหาดารา… ได้ผ่านไปหนึ่งล้านปีแล้ว ข้าสงสัยว่าตอนนี้ยังจะมีผู้ใดจดจำพลังอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ได้อีกบ้าง?
วิญญาณของเขาสั่นสะท้าน อีกทั้งสติยังเริ่มพร่าเลือน เฉินซีรู้สึกราวกับว่ามาถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราที่ไม่มีทางเสื่อมคลายไปชั่วนิรันดร์
ทันใดนั้น ราวกับว่ามันถูกดูดกลืนด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว เฉกเช่นตอนที่โลกก่อตัวขึ้น ดวงดาวที่ปกคลุมท้องฟ้าหลุดออกจากวงโคจร ต่อมาก็ถูกดึงเข้ามาบรรจบและหลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดมหึมาที่บดบังผืนฟ้าและแผ่นดิน
ดวงดาวนับไม่ถ้วนมาบรรจบกันที่ฝ่ามือ เส้นลายมือเป็นเหมือนวงโคจรของพวกมัน จากนั้นพวกมันก็ล่องลอยไปตามท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลนี้
เพียงฝ่ามือเดียวก็ปกคลุมไปทั้งสวรรค์!
ฝ่ามือมโหฬารฟาดลงมาบนโลก ทำให้ภูเขาพลังทลายและแม่น้ำแห้งเหือดและทิ้งรอยแยกขนาดใหญ่เอาไว้ …โลกกว้างใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ!
แกรก!
ภายใต้ฝ่ามือนี้ โลกทั้งใบถูกทำลายและสลายไป!
เฉินซีรู้สึกร่างชาและลืมหายใจไปชั่วขณะ …ฉากที่เห็นตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้แก่เขาอย่างไม่รู้จบ
ฟิ้ว!
แสงดาวสว่างวาบ ทว่าเย็นยะเยือกพุ่งตรงไปยังชายหนุ่มและหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่อักขระจ้าววิญญาณขั้นปฐพีที่ห้าบนแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่ยากจะมองด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้น และเหมือนจะเชื่อมโยงกับอักขระจ้าววิญญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มหาเต๋านั้นลึกซึ้งและมีพลังอิทธิ์ฤทธิ์ อีกทั้งยังเกิดจากการได้รับความลับอันไร้ขอบเขตของสวรรค์ เป็นความโชคดีหรือความโชคร้ายกันแน่?
การจะเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์ เราต้องยึดมั่นในหัวใจของตัวเอง จงฝึกฝนอย่างหมั่นเพียร และไม่ปล่อยให้จิตใจโหยหาแต่เต๋า…
เสียงนั้นก้องกังวานชัดเจน จากนั้นมันก็เลือนหายไปอย่างเงียบงัน
ร่างกายของเฉินซีสั่นสะท้านในขณะที่ตื่นขึ้นจากสภาพแปลกประหลาด
เฉินซียกยิ้มมุมปากขณะดวงหน้ายังคงสงบนิ่ง เวลานี้เขาประจักษ์แจ้งแล้ว
ชายหนุ่มยังคงนั่งสมาธิอยู่บนพื้น ในขณะที่ฉากเหมือนจริงมากมายพรั่งพรูออกจากทะเลจิตสำนึกของเขา
ฝ่ามือมหาดารา!
ขั้นหนึ่งขอบเขตปฐพีที่ห้า
ขั้นสองขอบเขตพฤกษาที่สอง
ขั้นสามขอบเขตทองคำที่เจ็ด
ขั้นสี่ขอบเขตอัคคีที่สาม
ขั้นห้าขอบเขตวารีที่สิบ
…
ฝ่ามือมหาดารามีทั้งหมดเก้าระดับ ในตอนนี้เฉินซีรับรู้ถึงวิธีการบ่มเพาะได้เพียงขั้นหนึ่งเท่านั้น คือขอบเขตปฐพีที่ห้า ส่วนอีกแปดระดับที่เหลือถูกปิดกั้นด้วยพันธนาการไร้ลักษณ์ ซึ่งทำให้การมองเห็นพร่ามัวและไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การได้สืบทอดพลังอิทธิฤทธิ์เคล็ดวิชาฝ่ามือมหาดารา ทำให้เฉินซีรู้สึกตัวสั่นระริกและไม่อยากให้เสียเวลาเปล่า จึงรีบนั่งสมาธิอยู่บนพื้นเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจ
พลังอิทธิฤทธิ์เป็นวิธีการที่ทักษะขัดเกลากายาเทพใช้เพื่อบรรลุเต๋า ในขณะที่เคล็ดวิชาเป็นวิธีการที่ใช้บ่มเพาะปราณภายในเพื่อบรรลุเต๋า ถึงแม้ทั้งสองจะมีเส้นทางและวิธีการที่แตกต่าง แต่จุดหมายปลายของทั้งคู่คือมหาเต๋า
ทักษะขัดเกลากายาเทพใช้ร่างกายเป็นเตาหลอมของสวรรค์และโลก และถือว่าร่างกายก่อตัวขึ้นจากจุดชีพจรเล็ก ๆ ทุกจุดชีพจรเป็นดั่งจักรวาลขนาดเล็กที่มีสวรรค์และโลกอยู่ภายใน อีกทั้งการพัฒนาจุดชีพจรจะช่วยให้พวกเขากลายเป็นผู้ทรงอำนาจ ดั่งที่พุทธพจน์กล่าวว่า ‘…เม็ดทรายนั้นเป็นดั่งโลกอื่น’
การขัดเกลากายาคือการพึ่งพาสิ่งต่าง ๆ มากมายในโลกใบนี้ เพื่อทลายจุดชีพจรในร่างกายและหลอมรวมอักขระจ้าววิญญาณที่หลากหลาย เพื่อครอบครองพลังอิทธิฤทธิ์อันสูงสุด ยกตัวอย่างเช่น วิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ ซึ่งอาศัยพลังดาราจักรเพื่อขัดเกลาร่างกายและทลายจุดชีพจร ก่อนที่จะควบแน่นแผนภาพหมู่ดาราของอักขระจ้าววิญญาณ
อักขระจ้าววิญญาณขั้นปฐพีที่ห้าซึ่งควบแน่นอยู่บนแผ่นหลังของเฉินซี ถูกขัดเกลาจากปราณปฐพีดาราที่ห้า และทำให้สามารถรวบรวมพลังจ้าววิญญาณระหว่างเลือดเนื้อกับผิวหนังได้
หากย้อนไปที่ต้นกำเนิด ปราณจ้าววิญญาณเป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกาย ในขณะที่พลังอิทธิฤทธิ์เป็นวิธีการใช้ปราณจ้าววิญญาณอันลึกซึ้ง โดยใช้ร่างกายเป็นรากฐานในการบ่มเพาะ
หลังจากที่เขาทบทวนวิธีการบ่มเพาะระดับแรกของฝ่ามือมหาดาราอีกครั้ง และยืนยันว่าไม่มีข้อพลาดใด ๆ เฉินซีจึงลงมือบ่มเพาะในทันที
ปราณจ้าววิญญาณในร่างกายเริ่มเดือดพล่านและส่งเสียงคำรามระหว่างกล้ามเนื้อ เลือด และผิวหนัง จากนั้นไหลไปสู่แขนเพื่อควบแน่นและหมุนเวียน…
ฟิ้วว!
ฝ่ามือขนาดมหึมาที่ครอบคลุมพื้นที่สี่จั้งปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศ สันฝ่ามือเป็นเหมือนใบมีดที่ถูกปกคลุมด้วยสายลมอันแข็งแกร่ง ดวงดาวพร่างพรายนับไม่ถ้วนหมุนเวียนอยู่ไม่สิ้นสุดเหนือเส้นฝ่ามือ พวกมันต่างส่องประกายเจิดจ้าระคนมืดมัว
ในทันทีที่ฝ่ามือปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันหนักหน่วงราวกับภูเขาสูงตระหง่านแผ่ขยายออกไปโดยมีฝ่ามือขนาดมหึมาเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆ และแผ่นดินหนาบนพื้นดินก็ถูกกดทับลงไปจนถึงจุดที่มันแตกทีละนิด
ตู้ม!
ฝ่ามือนั้นฟาดลงกับพื้นอย่างดุเดือด ทิ้งรอยฝ่ามือขนาดใหญ่เอาไว้ และพื้นบริเวณใกล้เคียงก็แตกออกเป็นรอยร้าวนับไม่ถ้วน ราวกับใยแมงมุม
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นหลุมลึกราวสี่สิบจั้งประทับรูปฝ่ามือ!