บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 1092 ก้าวกระโดด
บทที่ 1092 ก้าวกระโดด
บทที่ 1092 ก้าวกระโดด
เบื้องหน้ากำแพงลอยแห่งแสง
ยามนี้เซียนหลายคนจดจ้องกำแพงเบื้องหน้า พวกเขาดูไม่มีชีวิตชีวาเท่าไหร่ แม้อันดับจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน แต่หนึ่งร้อยอันดับแรก ยังคงเป็นชื่อเดิม ๆ
ทว่าด้วยการมาถึงของพวกเฉินซี ฉากนี้จึงคึกคักยิ่ง
เหตุผลนั้นเรียบง่าย ยามที่กลุ่มของพวกเขาเดินตามท้องถนน มันช่างดูสะดุดตาไม่น้อย จนทำให้เซียนทั้งหลายต้องเดินตามมาด้วย
“น่าแปลก เหตุใดวันนี้พวกเขาสี่คนถึงมาอยู่ตรงหน้ากำแพงลอยแห่งแสง หรือจะมาทดสอบอันดับ?”
“ไม่น่าใช่ ก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ตระกูลเหลียงเอาชนะหลัวจื่อเฟิง จนขึ้นมาอยู่อันดับห้า ส่วนคุณชายกู่อวี่ถังเพิ่งสู้กับหวังโหย่วเต้าผู้อยู่อันดับหก เป็นไปไม่ได้ที่จะมาตรวจสอบอันดับหรอก”
“หรือว่าจะเป็นเฉินซี?”
“ไม่ผิดแน่ ช่วงนี้เขาหายหน้าหายตาไป ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเหลียงปิง หลัวจื่อเฟิง และกู่อวี่ถังล้วนติดตามเขา”
“โอ้สวรรค์! เฉินซีผู้นี้หน้าใหญ่ไม่เบา ตอนที่เขาทำให้อินเหมียวเมี่ยวขุ่นเคือง ข้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นคงมีชีวิตได้อีกไม่นาน แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แถมยังมีผู้สืบทอดสามคนจากสามตระกูลใหญ่ในเต๋าแห่งยันต์อักขระติดตามด้วย หากคนของตระกูลอินมาเห็นฉากนี้เข้า ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร”
แม้ผู้คนกำลังสนทนา แต่สายตาพวกเขาต่างจับจ้องเฉินซีอย่างพร้อมเพรียง มันเต็มไปด้วยความสงสัย ความประหลาดใจ ความอิจฉา และความรู้สึกอีกมากมาย
เฉินซีแสร้งทำเป็นหูหนวก เขาเพียงตรวจสอบอันดับบนกำแพงลอยแห่งแสง ก่อนเผยความตกตะลึงออกมาเล็กน้อย “อันดับหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าหรือ?”
หากจำไม่ผิด ตอนที่อยู่ในดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ เขาเอาชนะอินหว่านซวินผู้อยู่อันดับหนึ่งร้อยห้าสิบสี่ไปได้ ต่อให้ทุกวันนี้จะไม่ได้เข้าดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ และไม่ได้รับการทดสอบต่อหน้ากำแพงแสง อันดับก็ไม่ควรร่วงคราวเดียวถึงยี่สิบสี่อันดับไม่ใช่หรือ?
ไม่ช้า เฉินซีจึงตระหนักได้ การที่อันดับของเขาเพิ่มขึ้น หมายความว่าอันดับของผู้อื่นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ด้วยสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในทวีปทักษิณา จึงสามารถจินตนาการได้ว่าการแข่งขันจะดุเดือดมากแค่ไหน เพื่อให้ติดอันดับบนเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป
ประกอบกับการบ่มเพาะอยู่ภายในตระกูลเหลียง หรือไม่ก็เก็บตัวเพื่อทำการทะลวงขอบเขต รวมถึงการประลองกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์ในตระกูลเหลียง ทำให้เขาไม่ได้เข้ารับการทดสอบต่อหน้ากำแพงลอยแห่งแสง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อันดับจะตกลง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินซีจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ก่อนก้าวไปข้างหน้า เพื่อเริ่มการทดสอบ เขาแยกญาณมหาเทวะอมตะออกมาส่วนหนึ่ง แล้วทะลวงเข้าไปในกำแพงลอยแห่งแสงอย่างเงียบงัน
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนรอบข้างยืนยันได้ทันทีว่า เป็นเฉินซีที่มารับการตรวจสอบอันดับ ทุกคนจึงบังเกิดความสงสัย เฉินซีผู้ไม่เคยปรากฏตัวในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา อันดับของเขาในยามนี้จะพัฒนาไปมากเท่าใด?
“นี่ พวกเจ้าคิดว่าครั้งนี้เฉินสามารถพัฒนาเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปได้กี่อันดับ?”
“อย่างน้อยเขาน่าจะสามารถติดหนึ่งร้อยห้าสิบอันดับแรกหรือเปล่า? ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมาเพียงสี่เดือน นับตั้งแต่การต่อสู้กับอินหว่านซวิน ดังนั้นพลังต่อสู้จะต้องแข็งแกร่งขึ้น แต่คงไม่มากเท่าไหร่หรอก”
“เจ้าโง่! เจ้ามองไม่เห็นหรือว่า เฉินซีไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว? ข้าถามหน่อย ใครบ้างที่สามารถพัฒนาการบ่มเพาะสองขั้นติดต่อกันได้ภายในเวลาสี่เดือน?”
“ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบ! โอ้สวรรค์! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“สุดยอด! ตอนนั้นเขาสามารถเอาชนะอินหว่านซวินด้วยการบ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลาง มาตอนนี้ก็ก้าวไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว พลังต่อสู้ของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน”
“ใช่แล้ว เพราะอย่างนั้น ครั้งนี้เขาต้องสามารถติดหนึ่งร้อยอันดับแรกได้อย่างแน่นอน ส่วนความเป็นไปได้ที่จะติดห้าสิบอันดับแรกก็ใช่ว่าจะไกลเกินเอื้อม”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า เฉินซีจะสามารถติดสามสิบอันดับแรกได้กันนะ?”
“สามสิบอันดับแรกหรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าเกิดเป็นจริงขึ้นมา นั่นขัดกับสวรรค์มากเกินไปแล้ว ต่อให้ควานหาทั่วทั้งทวีปทักษิณา เกรงว่าอาจจะไม่พบสักคนเลยก็เป็นได้!”
เมื่อได้ยินเสียงกระซิบของผู้คนรอบข้าง เหลียงปิง หลัวจื่อเฟิง และกู่อวี่ถังต่างมีสีหน้าเวทนา สามสิบอันดับแรกหรือ? เจ้าคนอวดดีพวกนี้กล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร หากพวกเขาทราบพลังต่อสู้ของเฉินซีในตอนนี้ เกรงว่าคงกลัวจนหัวหดแน่นอน…
แน่นอน พวกเขาไม่คิดจะอธิบายให้คนเหล่านี้ฟัง ประการแรกเป็นเพราะไม่อยากเปลืองน้ำลาย และประการที่สองเป็นเพราะพวกเขามีเจตนาชั่วร้าย พอคิดถึงสีหน้าโง่เขลาของผู้คนหลังจากทราบอันดับของเฉินซี ความยินดีก็บังเกิดขึ้นมาในใจ จนถึงขั้นอดใจรอรับชมไม่ไหว
…
ไม่ช้า บนกำแพงลอยแห่งแสง อันดับที่เป็นตัวแทนของเฉินซีเรืองแสงสว่างสีทอง มันเริ่มเคลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่วูบไหว มันแซงหน้าไปมากกว่าสิบชื่อ ทุกคนรอบข้างจึงพากันจับจ้องตาไม่กะพริบ
ความเร็วนี้ มันไม่ไวไปหน่อยหรือ?
ผู้คนตกตะลึง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อตาตัวเอง
ในยามนี้ สีหน้าของเหลียงปิง หลัวจื่อเฟิง และกู่อวี่ถังจริงจังขึ้นมา พวกเขาต่างกลั้นหายใจ ขณะจับจ้องแสงสว่างสีทอง ด้วยความรู้สึกกังวลที่หาได้ยาก ในใจอัดแน่นไปด้วยคาดหวัง และความตื่นเต้น เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“หนึ่งร้อยอันดับแรกแล้ว! ตะ ๆ … แต่มันเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น!”
ใครบางคนอุทานออกมา จนอ้าขากรรไกรค้าง
“เงียบเถอะน่า! เจ้าไม่เห็นหรือว่าอันดับยังไม่หยุดนิ่ง? อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม!” มีเสียงไม่พอใจดังมาจากด้านข้าง เพราะรู้สึกว่าคนผู้นี้กำลังทำลายบรรยากาศ
ในยามนี้ คือช่วงเวลารอคอยปาฏิหาริย์อย่างเงียบงัน วิตก และเต็มไปด้วยความคาดหวัง
บรรยากาศตรงหน้ากำแพงลอยแห่งแสง เต็มไปด้วยความเงียบสงัด ไร้สุ้มเสียง
เสียงหัวเราะ รวมถึงเสียงเดินไปมาที่ดังมาจากถนนอันไกลลิบ ยิ่งทำให้ที่นี่เงียบสงัดมากขึ้น ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเสียงจักจั่นท่ามกลางป่าอันเงียบสงัด เสียงวิหคขับขานท่ามกลางหุบเขาปลีกวิเวก
แสงสว่างสีทองสาดส่อง มันยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องราวหน่อไม้หลังฝน ห้าสิบอันดับแรก สี่สิบอันดับแรก สามสิบอันดับแรก… ทุกครั้งที่พุ่งขึ้น ทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้าน ลมหายใจถี่รัวมากขึ้น
จนกระทั่ง พวกเขาลืมแม้กระทั่งการหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง ราวกับถูกครอบงำด้วยคลื่นแห่งความตกตะลึงที่ไม่อาจขัดขืนได้
และในระหว่างนี้ สีหน้าของเหลียงปิง หลัวจื่อเฟิง และกู่อวี่ถัง เผยความประหลาดใจทีละน้อย มันเป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้ แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง มันกลับกลายเป็นคนละเรื่อง
โดยเฉพาะในบรรยากาศที่เคร่งขรึมและเงียบสงัดนี้ พวกเขาสามารถตระหนักได้ถึงความน่าตกตะลึงในใจ เมื่ออันดับของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปเกิดการเปลี่ยนแปลง
นี่คือความหมายของการจัดอันดับ จากเต๋าแห่งสวรรค์แห่งภพเซียน มันคือสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด สำหรับผู้แข็งแกร่ง นับเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่! เป็นความแข็งแกร่งที่ก่อเกิดเป็นการยอมรับ!
เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ชื่อเสียง ตัวตน สถานะ… มันคือสิ่งที่ยอดฝีมือทุกคนปรารถนาไม่ใช่หรือ?
“โอ้สวรรค์! เขาไปถึงยี่สิบอันดับแรกแล้ว…”
สุดท้ายมีใครบางคนไม่อาจห้ามความตกตะลึงในใจได้ และอุทานออกมา แต่ในยามนี้ หาได้มีใครสนใจเรื่องนี้ไม่ ทุกคนต่างจับจ้องอันดับอย่างใกล้ชิด ขณะกุมมือเอาไว้แน่น คล้ายวิตกกังวลและตื่นเต้นยิ่งกว่าเฉินซีเสียอีก
ไม่ช้า แสงสว่างสีทองพุ่งขึ้นสู่อันดับสิบห้า!
อันดับนี้ได้บีบให้หลินเส้าฉีตกไปอยู่อันดับสิบหก
และนี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด อึดใจต่อมา แสงสว่างสีทองที่เป็นตัวแทนของเฉินซียังคงพุ่งขึ้น แต่ความเร็วกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อินเฟิงเอ๋อร์ผู้อยู่อันดับสิบเอ็ด สุ่ยเหลียนถิงผู้อยู่อันดับสิบ เซวียนเหวินหลงผู้อยู่อันดับเก้า… ยามเห็นบุคคลใหญ่โตในรุ่นเยาว์แห่งทวีปทักษิณาถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างสีทอง ก่อนถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ภาพอันน่าตกตะลึงดังกล่าว ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่แข็งทื่อราวกับรูปปั้น พวกเขายืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ จนพูดอะไรไม่ออก
“เฮ้อ! ข้าถูกแซงแล้ว…”
เมื่อเห็นว่าอันดับเจ็ดของตนถูกแทนที่โดยเฉินซี กู่อวี่ถังจึงอ้าปากค้าง ก่อนหันไปมองร่างสูงโปร่งของเฉินซีด้วยสีหน้าซับซ้อนและตกตะลึง สุดท้ายมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม นี่มันบ้าไปแล้ว เทียบไม่ติด ข้าเทียบเขาไม่ติดเลย!
ในเวลาเดียวกัน เสียงพึมพำของหลัวจื่อเฟิงลอยเข้าหูของเขาว่า “สหายผู้นี้…” อีกฝ่ายถึงกับไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาอย่างไร
เมื่อเห็นดังนี้ สุดท้ายกู่อวี่ถังจึงผ่อนคลายขึ้นมา การมีหลัวจื่อเฟิงเจ็บปวดเป็นเพื่อน นับเป็นโชคดี หาไม่แล้วมันคงน่าอายไม่น้อย หากมีเขาเพียงคนเดียวที่ต้องเจ็บปวด…
ทว่า ไม่ว่าจะกู่อวี่ถังหรือหลัวจื่อเฟิง พวกเขาต่างไม่กล้าคิดอะไรอีก เพราะอันดับของเฉินซีในยามนี้ กำลังพุ่งเข้าสู่อันดับห้า
ชื่อในอยู่ตำแหน่งนั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหลียงปิง!
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ระหว่างเหลียงปิงกับเฉินซี ทั้งสองยังไม่ทราบว่าใครชนะและใครแพ้ แต่ฉากที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ คือคำตอบที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจ
ในยามนี้ กาลเวลาคล้ายกับถูกยืดออก ทำให้ดูช้าลง
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่แสงสว่างสีทอง พวกเขามองดูการเปลี่ยนแปลงจากอันดับหกมาอันดับห้าทีละน้อย หัวใจคล้ายถูกบีบรัด ความตึงเครียดและความตื่นเต้นพุ่งทะยานถึงขีดสุด
ฟ่าว!
แสงสว่างสีทองกะพริบ ในที่สุดมันหยุดนิ่งในอันดับห้า เมื่อแสงสว่างเลือนหาย ปรากฏเป็นชื่อของเฉินซี
ส่วนชื่อของเหลียงปิง ถูกบีบให้ไปอยู่อันดับหก
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ ก่อนเกิดความโกลาหลอันน่าตกตะลึงขึ้น ราวกับน้ำมันเดือดในหม้อร้อน คลื่นเสียงกระจายออกมา ทำให้หมู่เมฆในท้องนภาแตกสลาย!
หรือพวกเขาอาจจะสะกดความตกตะลึงในใจนานเกินไป จนเมื่อในที่สุดมันระเบิดออกมา สีหน้าของทุกคนจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ราวกับคำว่าไม่อยากเชื่อถูกเขียนไว้บนใบหน้าของทุกคน
หลัวจื่อเฟิงและกู่อวี้ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น ริมฝีปากของพวกเขาสั่นระริกด้วยความตกตะลึง จนพูดอะไรไม่ออก
ในยามนี้ นอกจากเฉินซี ก็มีเพียงเหลียงปิงที่ทำตัวสงบที่สุด เพราะจากการประลองกับเฉินซี มันเป็นที่แน่ชัดว่าเฉินซีจะต้องมาอยู่อันดับนี้ หาไม่แล้ว มันก็ออกจะแปลกเกินไป
เฉินซีในตอนนี้ไม่รับรู้ถึงทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง สาเหตุเป็นเพราะเขากำลังตรวจสอบอันดับใหม่อยู่ในใจ นั่นก็คือเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า มันคือตารางทะยานสวรรค์โดยรวมทั่วทั้งภพเซียน
ทวีปเซียนที่ไม่คุ้นเคย และชื่อที่ไม่คุ้นตาปรากฏขึ้นบนเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า พวกมันสะท้อนอยู่ในใจของเฉินซี ไม่ช้า เขาก็พบอันดับของตัวเอง… เฉินซี อันดับห้าบนเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป อันดับเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบนเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า!
ในที่สุดก็ติดหนึ่งพันอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าแล้ว!
เมื่อเห็นฉากนี้ จิตใจที่ตึงเครียดของเฉินซีผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ราวกับได้ยกภูเขาที่กดทับในใจออกไป ทำให้ทั่วร่างผ่อนคลายจนยากที่จะอธิบาย
ทว่าทันทีที่จิตใจผ่อนคลาย ความรู้สึกถึงอันตรายพลันพุ่งเข้าสู่หัวใจ ไอเย็นเยือกที่ลึกไปถึงกระดูกทำให้ขนทุกเส้นบนร่างตั้งชูชัน!