บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 1165 การทดสอบสิ้นสุดลง
บทที่ 1165 การทดสอบสิ้นสุดลง
บทที่ 1165 การทดสอบสิ้นสุดลง
สิ้นเสียงของโจวจื่อหลี ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าสำนักจะออกคำสั่งเช่นนี้จริง ๆ
ไม่อนุญาตให้อาจารย์ใหญ่คนใดรับเฉินซีเป็นศิษย์เอก!
“อะไรกัน… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทุกคนต่างงุนงง สีหน้าทั้งประหลาดใจและสับสน
เฉินซีเป็นถึงอันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้! ยิ่งกว่านั้น การสรรเสริญจากทวยเทพที่เขาชักนำลงมา ก็ยังสูงเกินกว่าระดับฟ้าดินร้องสอดประสาน!
ตราบใดที่เอ่ยปากตกลง ไม่มีอาจารย์ใหญ่คนใดกล้าปฏิเสธการเป็นอาจารย์ของอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้
ฉะนั้น เพื่อรับคนผู้นี้เป็นศิษย์เอก ผู้ยิ่งใหญ่ในสำนักเช่น เสิ่นฮ่าวเทียน เซวียนหยวนพัวจวิน เจี้ยงอวี่ และคนอื่น ๆ ต่างรุมล้อมเข้ามา พร้อมต่อสู้แย่งชิงจนตัวตาย เพื่อให้เฉินซีมาเป็นศิษย์ของตน สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผลงานของเฉินซีในระหว่างการทดสอบนั้น น่าตื่นตาเพียงใด ถึงขั้นทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่สนใจสถานะ และสำรวมกิริยาอีกต่อไป
ถึงอย่างนั้น หลังจากโต้เถียงกัน พวกเขากลับได้รับแจ้งว่า ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับเฉินซีเป็นศิษย์!
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ต่างตกตะลึง จากนั้นขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง พวกเขาครุ่นคิดอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาเหตุผลได้
ในขณะเดียวกัน เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และศิษย์คนอื่น ๆ กลับรู้สึกประหลาดใจ เดิมทีพวกเขารู้สึกชื่นชมเฉินซีอย่างมาก ทว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้รับความโปรดปรานจากผู้ยิ่งใหญ่มากมายเช่นนี้
เจิ่นลู่ก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ
จี้เซวียนปิงซึ่งมาจากตระกูลของจักรพรรดิก็ไม่สามารถเช่นกัน
แม้แต่ผู้สืบทอดของวิหคอมตะที่แท้จริงอย่างจ้าวเมิ่งหลีก็ไม่สามารถ
ศิษย์ทั้งห้าร้อยคนที่ผ่านการทดสอบในรอบที่สามก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
ยกเว้นเฉินซีผู้เดียว!
แต่มันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าสำนักประกาศคำสั่งที่ทำให้เฉินซีมิอาจเป็นศิษย์เอกของอาจารย์ใหญ่คนใดได้ สิ่งนี้ทำให้เหล่าศิษย์ประหลาดใจและงงงวย
มีเพียงจั่วชิวอินเท่านั้นที่รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เขาทราบอย่างชัดเจนว่า หากเฉินซีกลายเป็นศิษย์เอกของผู้ยิ่งใหญ่ ตระกูลจั่วชิวจะจัดการกับเฉินซีได้ยากขึ้น
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เนื่องจากเฉินซีไม่สามารถเป็นศิษย์ของอาจารย์ใหญ่คนใดได้ นั่นหมายความว่าคนผู้นี้จะต้องโดดเดี่ยวหลังจากเข้าสำนักศึกษา ไม่ต่างจากศิษย์ทั่วไป!
ในเวลานั้นตระกูลจั่วชิวจะไม่ต้องกังวล หรือกลัวว่าผู้ยิ่งใหญ่จะปกป้องมันอีก เมื่อพวกเขาลงมือ!
เฉินซีเองก็ตกตะลึงและขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินข่าวนี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความโกรธ แต่ก็ไม่ใช่ความสุข
ชายหนุ่มรู้สึกงงงวย สงสัยว่าเหตุใดเจ้าสำนักที่เข้าใจยาก ถึงออกคำสั่งเช่นนี้โดยมุ่งเป้ามาที่เขาในเวลานี้?
ข้าคืออันดับหนึ่ง!
เหตุใดข้าถึงต้องทนต่อการปฏิบัติเช่นนี้?
เฉินซีรู้สึกงงงวย และรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรมอย่างรุนแรง
“ช้าก่อน เจ้าสำนักสั่งให้หัวเจี้ยนคงมาเช่นนี้ ดังนั้นจุดประสงค์จะต้องไม่ใช่เรื่องตื้นเขินแน่” หวังต้าวหลูขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “แม้เขาจะตั้งใจกำราบเฉินซี เพื่อให้นิสัยของเฉินซีสงบลง แต่ก็ไม่ควรออกคำสั่งดังกล่าวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้”
สิ้นคำ คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง พวกเขารู้สึกว่าคำสั่งนี้แปลกเกินไป
“เดาได้ไม่ยาก เจ้าสำนักคิดว่าเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นอาจารย์ของเฉินซี และเพื่อไม่ให้เราเข้าใจผิด จึงออกคำสั่งลงมาเช่นนี้” เซวียนหยวนพัวจวินแค่นเสียงเย็น เขาค่อนข้างหดหู่ เมื่อทราบว่าตนไม่สามารถรับเฉินซีเป็นศิษย์เอกได้ ในน้ำเสียงจึงเจือความไม่พอใจเล็กน้อย
คนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“คำพูดเหล่านี้เป็นเพียงด้านเดียว เจ้าสำนักอาจเตรียมการสำหรับการบ่มเพาะของเฉินซีในอนาคต ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้หัวเจี้ยนคงเดินทางมาที่นี่” เสิ่นฮ่าวเทียน ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายโถงพิทักษ์โอสถกล่าว
“การเตรียมการอื่นหรือ? ข้าไม่คิดเช่นนั้น เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เจ้าสำนักตั้งใจจะหารือเรื่องนี้ในอนาคต? แสดงว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย” เจี้ยงอวี่กล่าว นางสวมชุดคลุมนักพรตเต๋าสีขาวพระจันทร์ ซึ่งมีรูปลักษณ์เรียบง่ายและสง่างาม คำพูดและการเคลื่อนไหวของนางนั้นเด็ดขาดแน่วแน่ อีกทั้งนางยังดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือกว่า
“เฮ้อ ท่านเจ้าสำนักมักก่อปัญหาโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนเสมอ หลังจากผ่านไปหลายปี ยังออกคำสั่งที่น่างงงวยทันทีที่ปรากฏตัวอีกครั้ง คงจะดี หากเขาจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเล็กน้อย แต่กลับทำให้มันดูลึกลับ ช่างเป็นปัญหาเสียจริง!” ชิวว่านเฉินขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น คำพูดเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และกล่าวว่าเจ้าสำนักกำลังสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน แต่ทุกคนกลับไม่คิดว่ามีสิ่งใดผิดปกติกับเรื่องนี้
เหตุผลนั้นง่ายมาก ในฐานะผู้อาวุโสในสำนักศึกษา พวกเขาตระหนักดีถึงนิสัยของเหมิงซิงเหอ รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ผูกมัดและไม่ยึดติด
หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ เขาไม่ทำตามวิธีการที่ตายตัว และมักจะทำสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผล
ไม่ว่าจะวิเคราะห์อย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ไม่ใช่แค่ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ค่อนข้างหดหู่ แม้แต่เฉินซีเองก็กล่าวไม่ออก
สำหรับเจิ่นลู่และศิษย์คนอื่น ๆ ก็ไม่อาจเข้าใจเช่นกัน
ในที่สุด โจวจื่อหลีก็กล่าวตัดบท “เอาล่ะ เราจะพักเรื่องนี้ไว้ แล้วจัดการกับศิษย์คนอื่น ๆ ก่อน”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็กวาดสายตาไปที่เฉินห่าวเทียนและคนอื่น ๆ ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงไม่เลือกศิษย์เอกคนอื่นล่ะ?”
สิ้นคำ จิตวิญญาณของศิษย์ทุกคนเบิกบาน สายตาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังอันร้อนแรง
“เฮ้อ ศิษย์ทุกคนที่ผ่านการทดสอบในครั้งนี้ นับได้ว่าไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ศิษย์เอกของข้ามิอาจรับโดยไม่ไตร่ตรอง ดังนั้นข้าต้องกลับไปพิจารณาก่อน” โดยไม่คาดคิด เฉินฮ่าวเทียนส่ายศีรษะ ไม่เหลือบมองศิษย์คนใด ก่อนที่จะหันหลังจากไป
“เจิ่นลู่ผู้นี้ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่เขามาจากภพพุทธองค์ และเฒ่าวิมุตติของฝ่ายในก็จองตัวไว้ตั้งนานแล้ว สำหรับจ้าวเมิ่งหลีก็ไม่เลวเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่นางเป็นทายาทของวิหคอมตะที่แท้จริง และวิหคอมตะเฒ่านั้นจะต้องเผาห้องโถงของข้าอย่างแน่นอน ถ้ารู้ว่าข้าแย่งศิษย์ไปจากนาง จี้เซวียนปิงก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่มีเพียงพิสดารจี้ของฝ่ายในเท่านั้น ที่สามารถสั่งสอนคนในวิถีของจักรพรรดิได้…”
เซวียนหยวนพัวจวินกล่าวและตัดสินศิษย์สามคน สายตาก็จับจ้องไปที่เซวียนหยวนอวิ่น “ข้าทำได้แค่สอนสิ่งดี ๆ ให้กับเด็กจากตระกูลเซวียนหยวนของข้าเท่านั้น”
หลังจากนั้น เขากล่าวกับเซวียนหยวนอวิ่น “มาที่ห้องโถงของข้าในอีกสามวันนับจากนี้” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกไป ก็เท่ากับรับเซวียนหยวนอวิ่นเป็นศิษย์เอกของตน ศิษย์คนอื่น ๆ รู้สึกชื่นชมอย่างมาก
“ขอบคุณท่านลุงบรรพบุรุษ!” หัวใจของเซวียนหยวนอวิ่นสั่นไหวและมีท่าทางตื่นเต้นขณะโค้งคำนับ
“เฮ้อ หลานของข้ากลับกลายเป็นศิษย์เอกของข้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เซวียนหยวนพัวจวินส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังกลับและจากไปในทันที
ทว่ามีผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนที่เลือกศิษย์เอกของตนเอง
ตัวอย่างเช่น มู่อวี่ชงได้รับเลือกโดยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายในจากตระกูลมู่ สำหรับเจี้ยงฉางไฮ่ โม่ชีอวิน จงหลีสวิน และคนอื่น ๆ ก็ได้รับเลือกจากเหล่าผู้อาวุโสที่มาจากกองกำลังของตน
นอกจากนี้ยังมีผู้ยิ่งใหญ่มากมายหันหลังและจากไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการรับศิษย์เอก แต่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ เมื่อบรรลุถึงขอบเขตการบ่มเพาะปัจจุบัน เงื่อนไขในการรับใครสักคนเป็นศิษย์เอกนั้นรุนแรงมาก ถึงแม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าในหมู่คนรุ่นเยาว์ของภพเซียน แต่ก็ไม่อาจรีบตัดสินใจเช่นนั้น
ท้ายที่สุด การเป็นศิษย์เอกย่อมหมายความว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้สืบทอดวิชาของตน ดังนั้นพวกเขาจะส่งต่อทุกสิ่งอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ดังนั้นจึงมีเพียงศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกเลือก และนั่นหมายความว่าศิษย์คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะต้องเริ่มต้นจากศิษย์ทั่วไปในฝ่ายนอกเท่านั้น
ในเวลาไม่นาน เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดของสำนักศึกษาที่มาต่อสู้เพื่อแย่งชิงเฉินซีได้จากไปแล้ว มีเพียงโจวจื่อหลี หวังต้าวหลู และอาจารย์จากฝ่ายนอกเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องโถง
ณ จุดนี้ บรรยากาศในห้องโถงที่แต่เดิมร้อนแรงก็สงบลงมาก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์เอกโดยผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ไม่ได้รู้สึกสูญเสียแต่อย่างใด เพราะตราบใดที่สามารถเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ ความกังวลเกี่ยวกับการไร้อาจารย์ยังจำเป็นอยู่อีกหรือ?
ในฐานะสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียน นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่สามารถเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่ต่อสู้อย่างหนักหน่วง ผ่านเส้นทางอันยากลำบากซึ่งเต็มไปด้วยกองทัพของเหล่าอัจฉริยะ ดังนั้นพวกเขาจึงตระหนักได้อย่างชัดเจนถึงเกียรติยศและสถานะที่มาพร้อมกับการเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า
แน่นอน ศิษย์บางคนรู้สึกสูญเสียอย่างมาก แต่เมื่อเห็นเฉินซีผู้ที่เป็นอันดับหนึ่ง แต่กลับได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับตน พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ ถึงขนาดรู้สึกสงสารเฉินซีอยู่ลึก ๆ
บางทีเฉินซีอาจเป็นคนที่หดหู่ที่สุด ไม่มีความสุขที่สุด และรู้สึกสูญเสียมากที่สุดในขณะนี้
น่าเสียดายที่พวกเขาคิดผิด
เฉินซีไม่ได้หดหู่หรือไม่มีความสุข และไม่รู้สึกสูญเสีย แต่ก็ไม่อาจเรียกว่ายินดีแต่อย่างใด อันที่จริงสภาพจิตใจค่อนข้างสงบเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนเข้าร่วมการทดสอบ ชายหนุ่มไม่ได้หวังที่จะอันดับสูง ๆ เลยด้วยซ้ำ
หลังจากการทดสอบสิ้นสุดลง ก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นศิษย์เอกของผู้ยิ่งใหญ่คนใด
เขาเพียงมาที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เพื่อรับตัวตนที่สามารถทำให้ตระกูลจั่วชิวหวาดกลัวได้
สำหรับการบ่มเพาะและมรดก เขายังไม่ได้ผสานเคล็ดกระบี่วารีที่สืบทอดมาจากยันต์เทวะอนันต์ ดังนั้นจะสนใจมรดกอื่นได้อย่างไร?
สรุปแล้ว เพราะตนครอบครองมรดกที่แท้จริงของยันต์ศักดิ์สิทธิ์อนันต์ ที่ปรมาจารย์ของเคหาบ่มเพาะได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง เฉินซีจึงไม่สนใจว่าตนจะสามารถได้รับมรดกอื่นหรือไม่ ไม่สนใจเรื่องมรดก ไม่สนใจว่าจะสามารถเป็นศิษย์เอกของผู้ยิ่งใหญ่ได้หรือไม่
“เอาล่ะ การทดสอบได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนตอนนี้…” ในขณะเดียวกัน โจวจื่อหลียิ้มกว้างก่อนสะบัดแขนเสื้อ ระฆังเต๋าแห่งชีวิตในส่วนลึกของห้องโถงก็สั่นสะเทือนจนอากาศบิดเบี้ยวและผันผวน
แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องไปทั้งห้องโถง
หลังจากนั้น ประตูสัมฤทธิ์สูงตระหง่านกว่าครึ่งลี้ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ!
“สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ยินดีต้อนรับพวกเจ้าในฐานะศิษย์!”
ฟึ่บ!
สายตาของทุกคนในห้องโถงล้วนมองไปที่ประตูสัมฤทธิ์โดยพร้อมเพรียงกัน ทุกสายตาค่อย ๆ ลุกโชนด้วยความคาดหวัง แม้แต่การหายใจก็แผ่วลง
สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สรวงสวรรค์แห่งการบ่มเพาะที่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์จำนวนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันถึง ในที่สุดก็เปิดประตูให้กับพวกเขาแล้ว!