บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 1188 ได้รับสมบัติล้ำค่าอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 1188 ได้รับสมบัติล้ำค่าอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 1188 ได้รับสมบัติล้ำค่าอย่างต่อเนื่อง
จั่วชิวเซิงทั้งโกรธเกรี้ยวและเสียใจเป็นอย่างมาก เป็นเพราะแผนการของตนล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การถูกเซวียนหยวนพัวจวินกดดันซ้ำ ๆ อยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นจนอยากกระอักเลือดแทบคลั่ง!
เป็นเพราะกลัวถูกทุบตี?
จั่วชิวเซิงเชื่อมั่นว่าคนบ้าอย่างเซวียนหยวนพัวจวินผู้นี้ จะทำตามที่กล่าวอย่างแน่นอน
ทว่าสุดท้าย ชายร่างอ้วนก็กล้ำกลืนฝืนทนต่อความรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ แล้วหยิบตราดาราม่วงออกมา เพื่อยืนยันว่าภารกิจที่มอบหมายนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยท่าทางที่ดุร้าย
โอม~
คลื่นความผันผวนแปลกประหลาดแผ่ขยายไปรอบบริเวณ ซึ่งจั่วชิวเซิงทำได้เพียงเฝ้าดู แต้มดาราแปดแสนแต้มของตนไหลเข้าสู่การครอบครองของเฉินซี…
นั่นคือแต้มดาราแปดแสนแต้ม!
แม้ตนจะเป็นหนึ่งในหัวหน้าอาจารย์ของฝ่ายสงวนโอสถ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมแต้มดาราจำนวนมหาศาลกลับคืนมา โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เพียงทำให้จั่วชิวเซิงปวดใจ แต่ยังรู้สึกเสียใจและโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด เพราะนั่นหมายความว่า ตนพ่ายแแพ้ต่อเซวียนหยวนพัวจวินทางอ้อม แล้วเขาจะทนได้อย่างไร?
“ฮึ่ม!” ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงสายตาประหลาดจ้องมองมาจากรอบทิศ จั่วชิวเซิงรู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่บนเตียงเข็ม และไม่เต็มใจจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ร่างอวบอ้วนจึงสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ และจากไป
“เจ้าอ้วน สำหรับของขวัญชิ้นใหญ่ก้อนนี้ ข้าจะตอบแทนตระกูลจั่วชิวของเจ้าอย่างแน่นอน!” เสียงของเซวียนหยวนพัวจวินดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ใบหน้าของจั่วชิวเซิงแข็งทื่อ ร่างอวบเร่งความเร็วและจากไปอย่างเร่งรีบ ตนต้องหารือกับคนในตระกูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
…
“เสียดายที่เราอยู่ในสำนักศึกษา ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังไอ้สารเลวนั่นให้ตายอย่างแน่แท้” เซวียนหยวนพัวจวินเบือนสายตาออก และแค่นเสียงเย็นด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจยาวเหยียด เนื่องจากพวกเขาไม่อยากพัวพันกับการเป็นปฏิปักษ์ต่อกันระหว่างตระกูลเซวียนหยวนและตระกูลจั่วชิว
ชู่ว!
คลื่นความผันผวนเกิดขึ้นในอากาศ ทันใดนั้นร่างของเฉินซีก็ปรากฏขึ้น
คนอื่น ๆ รวมทั้งเซวียนหยวนพัวจวินต่างตกตะลึง จากนั้นจึงเผยสีหน้าเป็นมิตร แล้วก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับสอบถามอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“เฉินซี หัวเจี้ยนคงไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเจ้าใช่หรือไม่?”
“มา มา มา! มานั่งคุยกันดี ๆ ศิษย์ที่อายุน้อยและมีอนาคตเช่นเจ้า หาได้ยากจริง ๆ”
“เจ้าน่ะ! ไปต้มชาหมอกเซียนวิญญาณล่องลอยที่ข้าเก็บไว้หลายปีมาหนึ่งชามสิ”
“จุ๊ จุ๊ ชาหมอกเซียนวิญญาณล่องลอย เป็นสมบัติล้ำค่าที่จะผลิดอกออกผลในทุก ๆ พันปี ดื่มเพียงชามเดียว ก็เปรียบได้กับการใช้โอสถทิพย์ที่เตรียมไว้สำหรับเซียนทองคำ!”
ผู้อาวุโสทุกคนที่นี่กระตือรือร้นอย่างมาก เดิมทีเฉินซีตั้งใจจะกล่าวลา แต่กลับถูกลากให้รั้งอยู่ในห้องโถงใหญ่ เพราะเหล่าผู้อาวุโสต้องการดื่มชา หารือเกี่ยวกับเรื่องเต๋า และสนทนาอย่างเป็นกันเองกับตน
การถูกเอ็นดูเช่นนี้ ยากจะปฏิเสธได้ ดังนั้นเฉินซีจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอยู่ต่อ
อันที่จริง ชายหนุ่มค่อนข้างมีความสุข เพราะทุกคนตรองนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของฝ่ายสงวนโอสถ หรือบุคคลสำคัญจากตระกูลเซวียนหยวน ดังนั้นการถูกยอมรับ จึงเป็นดั่งพรที่สวรรค์มอบให้ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถได้รับ แม้จะเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม
“เฉินซี วิธีการซ่อมแซมของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับพลังแห่งชะตากรรม ข้าสงสัยว่าเจ้าพอจะอธิบายความลึกซึ้งของมันได้หรือไม่” ในขณะที่การสนทนาดำเนินไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน หัวหน้าอาจารย์ของฝ่ายสงวนโอสถก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของฝ่ายสงวนโอสถเงี่ยหูฟัง เพราะสำหรับปรมาจารย์ชั้นยอดเหล่านี้ในเต๋าแห่งโอสถ และเต๋าแห่งยันตร์อักขระ สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุด คือการซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ
เฉินซีคาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ชายหนุ่มแสร้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายอย่างคลุมเครือ แนวคิดทั่วไปคือตนไม่รู้ชัดถึงความลึกล้ำของมัน และรู้เพียงว่า การซ่อมแซมด้วยวิธีนั้นเป็นวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุด ทั้งยังค่อนข้างโชคดีที่สามารถประสบความสำเร็จได้
ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ที่นี่ ล้วนมากด้วยอายุและประสบการณ์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของผู้เยาว์ได้อย่างไร พวกเขาจึงหยุดซักไซ้เรื่องนี้ทันที
อย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นความลับของปรมาจารย์ชั้นยอด ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวไม่เต็มใจที่จะเปิดเผย การซักไซ้ต่อจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นเพราะเฉินซี พวกเขาจึงสามารถซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ และได้รับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์อย่างไม่คาดคิด ดังนั้นจึงไม่มีทางสร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับคนผู้นี้
ยิ่งเฉินซีแสดงออกในลักษณะนี้มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ดูจากความสามารถลึกลับหลายอย่าง มันทำให้พวกเขาต้องพิจารณาเฉินซีมากขึ้น
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น เซวียนหยวนพัวจวินก็สะบัดแขนเสื้อ เรียกเนินสมบัติล้ำค่าให้ปรากฏขึ้นบนพื้น มีทั้งขวดโอสถทิพย์ วัตถุดิบเซียนล้ำค่าและหายากมากมาย หรือแม้แต่สมบัติอมตะหลากหลายที่เปล่งประกายเรืองรอง…
ห้องโถงถูกปกคลุมด้วยแสงของสมบัติอย่างหนาแน่น ทำให้คนอื่น ๆ ต่างเผยท่าทางประหลาดใจ และร่องรอยของความปรารถนาอันแรงกล้าออกมาเล็กน้อย
“เฉินซี ครั้งนี้เจ้าได้ช่วยข้าไว้มาก และเจ้ายังทำให้ข้าได้รับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์อย่างไม่คาดคิด ข้ารวบรวมสมบัติเหล่านี้มาจากทั่วทั้งสามภพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าสามารถหยิบสิ่งใดไปก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากข้า!” เซวียนหยวนพัวจวินชี้ไปที่เนินสมบัติล้ำค่าบนพื้น และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินซีตกตะลึง เพราะสมบัติเหล่านี้รวบรวมโดยตัวตนที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น! สมบัติทุกชิ้นมีค่ามหาศาล จนทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนปรารถนาอยากได้มัน
ทว่าตอนนี้ พวกมันวางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และเขาสามารถเลือกได้ตามใจต้องการ แม้จิตใจจะมั่นคง แต่ก็อดรู้สึกมึนงงไม่ได้ เซวียนหยวนพัวจวิน ช่าง… ช่างใจดียิ่งนัก!
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขามองไปที่เฉินซีด้วยสายตาอิจฉาเช่นกัน เพราะสมบัติอันล้ำค่าของเซวียนหยวนพัวจวิน ถือเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ ที่คนอื่น ๆ ไม่สามารถได้รับ แม้จะคุกเข่ากราบไหว้คนผู้นี้ก็ตาม
“ผู้อาวุโส ข้า…” เฉินซีกล่าวไม่ทันจบ
เซวียนหยวนพัวจวินขมวดคิ้วและขัดจังหวะ “อะไร? เจ้าหนู เจ้าจะมามากมารยาทอะไรอีก? ข้าขอให้เจ้าเลือก ดังนั้นก็เลือกซะ! หากเจ้ายังคงปฏิบัติต่อข้าอย่างห่างเหินเช่นนี้ ข้าก็จะถือว่าเจ้าดูถูกข้า เซวียนหยวนพัวจวิน!”
เฉินซีทำอะไรไม่ถูก เมื่อเซวียนหยวนพัวจวินกล่าวถึงเพียงนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงกล่าวในตอนท้ายว่า “คล้อยตามมิสู้ขัดขืน เช่นนั้นผู้น้อยจะทำตามคำของผู้อาวุโส”
สีหน้าของเซวียนหยวนพัวจวินผ่อนคลายขึ้น แย้มยิ้มขณะกล่าว “ดีมาก มันควรจะเป็นเช่นนั้น เมื่อเทียบกับสิ่งของนอกกายเหล่านี้แล้ว ข้าเซวียนหยวนพัวจวินให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากที่สุด เจ้าหนู เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับอาซิ่ว และยังช่วยข้าอย่างมาก ที่สำคัญกว่านั้น ข้าชอบนิสัยของเจ้านัก เจ้าจึงไม่ต่างอะไรกับศิษย์น้องของข้า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับข้า”
คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ ต่างถอนหายใจ ใครบอกว่าเซวียนหยวนพัวจวินเป็นคนบ้าที่ตรงไปตรงมา? ตอนนี้ คำพูดคำจาไม่เพียงกลั่นกรองมาอย่างดี และมอบสมบัติอมตะล้ำค่าให้เท่านั้น แต่ยังได้รับความประทับใจจากศิษย์หนุ่มที่มีศักยภาพไร้ขอบเขตอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าความสามารถของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
เฉินซีเริ่มเลือกสมบัติอมตะ
กองสมบัติของเซวียนหยวนพัวจวินนั้นหายากและล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะสมบัติอมตะชิ้นใด ล้วนแล้วแต่ไม่ต่ำกว่าระดับจักรวาล และย่อมไม่ขาดสมบัติอมตะอย่างระดับวีรบุรุษ
สำหรับโอสถทิพย์ วัตถุดิบเซียน และสมบัติอื่น ๆ นั้นก็เหมือนกัน มันทำให้เฉินซีรู้สึกวึงเวียนศีรษะ เพราะมีสมบัติมากมายเกินกว่าที่ดวงตาของเขาจะรับได้
“อืม?”
ทันใดนั้นดวงตาของเฉินซีก็จับจ้องไปที่วัตถุดิบเซียนชิ้นหนึ่ง มันเป็นปีกสีดำเข้มกนึ่งคู่ขนาดประมาณฝ่ามือ ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงัน และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือกน่าสะพรึงกลัว
“นี่คือปีกกระเรียนปรโลก กระเรียนปรโลกเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในยมโลก เทียบได้กับสัตว์เทวะ ข้าได้ปีกคู่นี้มาจากธารโลหิตยมโลก ถ้าเจ้าสนใจ มันสามารถขัดเกลาให้เป็นสมบัติอมตะสำหรับบินชั้นเลิศได้” เซวียนหยวนพัวจวินยิ้มพลางอธิบาย
“มันเป็นปีกกระเรียนปรโลก จริง ๆ…”
หัวใจของเฉินซีสั่นไหว เนื่องจากพัดเทพอัคคีที่ยังไม่สมบูรณ์และยังคงอยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ปัจจุบัน เขายังรวบรวมได้เพียงปีกของราชานกยูงปรโลกจากพัดนกยูงเพลิง ปีกของไก่ฟ้าทมิฬ และปีกของวิหคเพลิงนภาเท่านั้น
ทว่ายังขาดปีกวิหคอมตะ ปีกอีกาทองคำ ปีกคุนเผิง และปีกกระเรียนปรโลก
เนื่องจากวิธีการหลอมสร้างสมบัติอมตะนี้ยากเกินไป และวัตถุดิบก็หาได้ยากยิ่ง มันจึงถูกเก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ เสมือนกับไข่มุกล้ำค่าถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง และไม่เคยถูกใช้งาน
เดิมทีเฉินซีคิดว่าชั่วชีวิตนี้ตนอาจไม่สามารถใช้สมบัติชิ้นนี้ได้ แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญพบปีกกระเรียนปรโลกโดยบังเอิญ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
พัดเทพอัคคี!
สมบัติแห่งยุคบรรพกาลที่เปี่ยมล้นด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเขย่าสวรรค์ เมื่อมันถูกหลอมสร้างสำเร็จ เพียงแค่สะบัดครั้งเดียวจะสร้างเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันสามารถเผาคนให้เป็นเถ้าถ่านด้วยการสะบัด อีกทั้งยังมีอานุภาพที่สามารถเผาผลาญภูเขาและทำให้ทะเลเดือดพล่าน มันจึงเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาลอย่างแท้จริง
ตามตำนานเล่าว่า ในสมัยโบราณมีเทพองค์หนึ่งครอบครองพัดเทพอัคคี เข้าต่อสู้กับศัตรูจากทั้งฟ้าและดิน เผาผลาญผู้เยี่ยมยุทธ์ไปมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้น อาจถือได้ว่ามันมีอานุภาพที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
‘ปีกกระเรียนปรโลกสำคัญต่อข้าจริง ๆ แต่…’ เฉินซีลังเลเล็กน้อย นี่เป็นโอกาสที่ยากจะได้มา ดังนั้นเขาจึงต้องเลือกสมบัติที่เป็นประโยชน์มากที่สุด แต่ถ้าเลือกปีกกระเรียนปรโลก มันอาจไม่มีประโยชน์ต่ออนาคตอันใกล้นี้
นอกจากปีกกระเรียนปรโลกแล้ว พัดเทพอัคคียังต้องการปีกวิหคอมตะ ปีกอีกาทองคำ และปีกคุนเผิง ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาเปลวเพลิงที่จำเป็น นอกจากเปลวเพลิงทองคำแล้ว ยังขาดเปลวเพลิงวิญญาณพฤกษา เปลวเพลิงวารีทมิฬ เปลวเพลิงสุริยัน และเปลวเพลิงศิลาหมื่นปี
เซวียนหยวนพัวจวินดูเหมือนสังเกตบางอย่างได้ คิ้วหนาเลิกขึ้น และกล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะหลอมสร้างพัดเทพอัคคีใช่หรือไม่?”
สิ้นคำ คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง เพราะสมบัติอันล้ำค่านี้ มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา และเกี่ยวข้องกับตัวตนจากยุคบรรพกาล ซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าทึ่ง อีกทั้งวิธีหลอมสร้างที่แท้จริง ก็ได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว
เฉินซีไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของผู้คน ชายหนุ่มพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ข้ายังขาดวัตถุดิบเซียนอยู่สองสามอย่าง ดังนั้น แม้ว่าข้าจะรู้วิธีหลอมมัน แต่ข้าก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้”
ทุกคนตะลึง “พ่อหนุ่มคนนี้รู้วิธีสร้างพัดเทพอัคคีจริงหรือ?”
“เช่นนั้นบอกข้ามาว่าเจ้าขาดอะไร” เซวียนหยวนพัวจวินไม่ได้รู้สึกผิดปกติกับเรื่องนี้และถามตรง ๆ
เฉินซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาทันที เกี่ยวกับวัตถุดิบเซียนที่ตนยังขาดอยู่
“ปีกวิหคอมตะ ปีกอีกาทองคำ และปีกคุนเผิง?” เซวียนหยวนพัวจวินรู้สึกประหลาดใจ “เช่นนั้น เจ้าได้รวบรวมปีกวิหคเพลิงนภา ปีกไก่ฟ้าทมิฬ และราชานกยูงปรโลกแล้วหรือ?”
เฉินซีพยักหน้า
“ข้ามีปีกอีกาทองคำ ข้าแลกมันมาจากคนของเผ่าโฮ่วอี้ในยุคบรรพกาล รับไปสิ” จู่ ๆ ปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอดของตระกูลเซวียนหยวนก็กล่าวขึ้นมาอย่างกระทันหัน และหยิบปีกคู่หนึ่งออกมา ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นจากเปลวเพลิงสีทองโชติช่วง จนปรากฏประกายสีทองหลั่งไหลอยู่ในนั้น คลื่นความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวแผ่อยู่รอบ ๆ
“ข้ามีปีกคุนเผิงคู่หนึ่ง เดิมทีข้าตั้งใจจะหลอมพวกมันให้เป็นสมบัติสำหรับบิน แต่เมื่อเจ้าต้องการ ข้าก็ยินดีมอบให้” ในเวลาเดียวกัน เซวียนหยวนถงก็กล่าวขึ้นมาเช่นกัน เขาหยิบปีกหลากสีสันคู่หนึ่งออกมา มันโอบล้อมด้วยหมอกใสดุจน้ำ
“แม้ข้าจะไม่มีปีกของสัตว์เทวะ แต่ข้ามีเปลวเพลิงวิญญาณพฤกษา”
“ข้ามี…”
เวลาผ่านไป คนอื่น ๆ กล่าวเสนออย่างต่อเนื่อง ต่างหยิบสมบัติล้ำค่าออกมารวมกันจำนวนมาก ทำให้เฉินซีอดตกตะลึงไม่ได้ เพราะความมั่งคั่งของผู้อาวุโสเหล่านี้ ล้วนแต่ไม่สามารถประเมินต่ำไปได้เลย!