CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 12 พ่อครัววิญญาณ

  1. Home
  2. บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน
  3. บทที่ 12 พ่อครัววิญญาณ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 12 พ่อครัววิญญาณ

“อ้อ นั่นเฉียวหนาน ส่วนนั่นเพ่ยเพ่ย”

ไป๋หว่านฉิงชี้ไปทางบุรุษและสตรี ก่อนจะหันไปทางชายเฒ่า แล้วแนะนำเฉินซีเสียงเบา “ผู้นี้คือผู้อาวุโสหม่า ศิษย์พี่ของเฉียวหนานและเพ่ยเพ่ย ทั้งสามคนเป็นพ่อครัววิญญาณระดับสามใบไม้ทั้งสิ้น”

เฉินซีรีบผสานมือคารวะพร้อมโค้งกาย “ขอคารวะผู้อาวุโสทั้งสาม”

ฉ่า! ฉ่า!

ไม่มีใครสนใจเฉินซี มีเพียงเสียงทำอาหารในกระทะเท่านั้นที่ดังกึกก้องไปทั่ว

ตั้งแต่เกิดมา เฉินซีได้พบกับเรื่องราวทำนองนี้มาก่อน และเขาก็ชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอับอายอะไร

ถึงกระนั้นแล้ว ไป๋หว่านฉิงกลับรับไม่ได้ นางเดินไปยังผู้อาวุโสหม่าแล้วแย่งตะหลิวเหล็กในมือเขาพร้อมเอ่ยด้วยโทสะ “ตาเฒ่าหม่า! ท่านไม่เห็นหรือว่าข้ามาแนะนำศิษย์ให้ท่าน!”

ผู้เฒ่าหม่าจ้องเขม็งและเกือบจะตะคอกกลับ แต่เมื่อเห็นไป๋หว่านฉิงจ้องตอบโดยไม่คิดยอมแม้สักนิด เขาทราบดีว่าตนไม่อาจทำอะไรสตรีนางนี้ได้จึงได้แต่เอ่ยเสียงเศร้า “เสี่ยวไป๋ หยุดสร้างเรื่องเสีย จานนี้เป็นเนื้อกวางฝานพริกวิญญาณนะ!”

เขาเอ่ยพลางใช้มือผอมแห้งประหนึ่งไม้ไผ่ถือกระทะเหล็ก แล้วเอียงกระทะเพื่อเทอาหารซึ่งเปล่งประกายของพริกสดลงบนจาน ซุปนั้นแดงจากน้ำมันและเนื้อหั่นเต๋าคู่กับเครื่องปรุงหลากหลายสีสันซึ่งละเอียดอ่อนดั่งผ้าไหม กลิ่นชั้นยอดซึ่งลอยคลุ้งในอากาศนั้นทั้งเจริญตาและจมูกยิ่ง

“ตาเฒ่าเบิ่งตาดูก่อน! เฉินซีนั้นเก่งในการเขียนยันต์ อีกทั้งยังมีสายตาแหลมคมและการควบคุมแรงข้อมืออันแม่นยำ เขาอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดอีกด้วย หรือจะบอกว่าแม้แต่พรสวรรค์ระดับนี้ก็ยังไม่ควรค่ากับการเป็นศิษย์ของท่าน?”

ไป๋หว่านฉิงทิ้งมาดอันใจเย็นสุขุมของนางไป สาวงามเม้มริมฝีปากสีชมพูก่อนจะเอ่ยสิ่งไร้เหตุผลออกมา “ข้าไม่สน ท่านต้องยอมรับเฉินซีให้ได้วันนี้!”

ผู้อาวุโสหม่าดูจะงุนงงไป ก่อนจะถึงบางอ้อแล้วหัวเราะร่าออกมา “เฉินซี? คงไม่ได้หมายถึงตัวกาลกิณีนั่นหรอกใช่หรือไม่?”

เฉียวหนานและเพ่ยเพ่ยซึ่งกำลังยุ่งอยู่หน้าเตาต่างหยุดทุกการกระทำยามได้ยินเช่นนั้น แล้วหันมามองเฉินซีด้วยสีหน้าประหลาด

ร่างของไป๋หว่านฉิงสั่นเทิ้ม นางกำลังบันดาลโทสะ และไม่หวังอะไรอีกนอกเหนือไปจากการเอาเชือกรัดคอชายแก่ผู้นี้ให้ตายเนื่องจากไปแตะจุดอ่อนไหว “นี่ท่านเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร!!”

หัวใจของนางพะวงยิ่งยามมองไปยังเฉินซี แต่ที่นางเห็นคือเฉินซีเม้มปากเล็กน้อยพร้อมเอ่ยอย่างใจเย็น “มันไม่สำคัญเลยว่าข้าเป็นตัวกาลกิณีหรือไม่ ที่สำคัญคือท่านหม่าก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปเช่นนี้ น้าไป๋ พวกเราไปกันเถิด”

“อืม…” ไป๋หว่านฉิงเม้มริมฝีปาก นางรู้สึกอับอายที่พาเฉินซีมาที่นี่

“เดี๋ยว!” ยามเมื่อทั้งสองวางแผนจะออกไป ผู้อาวุโสหม่าตะคอกเสียงดัง “เจ้าบอกว่าผู้ใดไม่ต่างจากคนทั่วไปกันมิทราบ? ข้าหาได้สนไม่ว่าเจ้าจะชั่วช้าไม่มีอะไรดี หรือจิตใจดีงามกว้างขวาง ขอเพียงข้าต้องตาซะอย่างทุกคำกล่าวล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ!”

ยิ่งเขาเอ่ย เสียงก็ยิ่งดังขึ้นจนเหมือนคำราม “สิ่งที่ข้ากำลังตามหาคือศิษย์ผู้ที่สามารถสืบทอดวิชาข้าได้ เรื่องราวอย่างอื่นของมันข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”

ไป๋หว่านฉิงเอ่ยเสียงปลาบปลื้ม “เช่นนั้นท่านจะรับเฉินซีเป็นศิษย์หรือ”

สีหน้าของผู้อาวุโสหม่านิ่งสนิท ลังเลและไม่แน่นอนเอาเสียเลย

เฉียวหนานแอบขยิบตาให้ไป๋หว่านฉิงพลางเอ่ยเสียงจริงจัง “ศิษย์พี่ รับเขาเถิด ในความเห็นของข้าเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่แม่นางไป๋มั่นใจ!”

เพ่ยเพ่ยมองเฉินซีด้วยสายตายั่วยวนเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาผู้อาวุโสหม่าด้วยสีหน้าน่าสงสาร “ใช่แล้วศิษย์พี่ เฉินซียังเด็กทว่าดูแน่วแน่ ซ้ำแล้วยังเก่งกาจด้านการเขียนยันต์อีก รับเขาไว้เถิด”

เฉินซีสับสนจึงเงียบปากไว้ ทว่าเศษเสี้ยวแห่งความหวังได้ผุดขึ้นมาในใจ

เขาไม่ยอมรับในตอนแรกเนื่องจากผู้อาวุโสหม่าดูถูกเขาต่อหน้า หากเขาน้อมรับและก้มหัวขอร้องชายเฒ่า ต่อให้เขาได้ผู้อาวุโสหม่าเป็นอาจารย์สำเร็จคงโดนดูถูกต่อไปเรื่อย ๆ เป็นแน่ ซึ่งเขาขอไม่มีโอกาสนี้เลยจะดีกว่า

ทว่าหลังจากได้ยินคำตะโกนของตาเฒ่าผู้นี้แล้ว เขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้ และความโกรธเล็กน้อยในใจก็หายวับไปไม่ทิ้งร่อยรอย

มันไม่เป็นไรหากจะโดนดูถูก หมางเมิน หรือเหยียดหยาม แต่เขาจะไม่ยอมถูกพรากความเชื่อมั่น ศักดิ์ศรี และวิริยะในตน! นี่เป็นสิ่งที่ปู่ของเขาเคยกล่าว และเฉินซีก็จำมันไว้ตั้งแต่เด็กจนแทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูกดำ

ผู้อาวุโสหม่าแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจ้องไปทางเฉินซีแล้วเอ่ย “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง มีปลีพู่ฟ้าอยู่ ไปฝานมันเสีย!”

ปลีพู่ฟ้านั้นเป็นสีเขียวดั่งหยกและแฝงไปด้วยปราณวิญญาณ ถึงเช่นนั้นก็ยังเป็นผักผลไม้ธรรมดา

เฉินซีเดินไปยังโต๊ะวางวัตถุดิบ ตรงหน้าเขามีมีดทำครัวเปล่งประกายและปลีพู่ฟ้ายาวประมาณสองฉื่อ

“ทักษะการใช้มีดเป็นหนึ่งในวิธีตัดสินพ่อครัววิญญาณ สามส่วนอยู่ที่เตาเจ็ดส่วนอยู่ที่เขียง จานไม่อาจรังสรรค์ได้โดยไม่มีมีด ผู้อาวุโสหม่าต้องการดูวิชามีดของเจ้า จงพยายามเข้า!” ไป๋หว่านฉิงอธิบายเสียงเบา นัยน์ตากระจ่างใสเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกให้กำลังใจ

เฉินซีพยักหน้า หยิบปลีพู่ฟ้าแล้วมองมันสักพัก ก่อนจะแกว่งมีดอย่างรวดเร็ว!

ฉับ! ฉับ! ฉับ! 

เสียงอันดังและถี่ของมีดกระทบเขียงดังก้องราวจังหวะกลอง ข้อมือของเฉินซีมั่นคงราวต้นสน และมีดทำครัวอันแหลมคมและเปล่งประกายนั้นถูกควบคุมอย่างแม่นยำเพื่อฝานปลีขาวราวหิมะให้บางเฉกเช่นปีกจักจั่น

ห้าปีก่อน เฉินซีได้มาทำอาหารที่บ้านแทนที่ปู่ของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงคุ้นชินกับการใช้มีดทำครัวเป็นธรรมดา กอปรกับการเขียนยันต์ต่อเนื่องมาเป็นปี แรงข้อมือและความแม่นยำของเขาจึงโดดเด่นยิ่ง ในยามนี้ เมื่อเขาทุ่มเททั้งใจและจิตวิญญาณลงไป ไม่เพียงท่าทางของเขาจะเรียบง่ายและแม่นยำเท่านั้น แม้แต่ความเร็วก็ยังถือว่าอยู่ในระดับพระกาฬ

ไม่ทันไร ปลีพู่ฟ้าก็กลายเป็นปลีฝานเรียงแถวสวยงาม

ไม่ไกลนัก ผู้อาวุโสหม่าไม่แม้แต่จะเหลียวมองพลางเอ่ย “แรงข้อมือมั่นคงและทักษะการใช้มีดแม่นยำดี แต่เสียดายที่ความหนายังไม่เท่ากันอยู่ มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่บางราวปีกจักจั่น แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าคนทั่วไปล่ะนะ”

“การหั่นส่วนผสม จะเน้นไปที่ความหนาเท่ากันและบางเท่าปีกจักจั่น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ส่วนผสมของรสชาติในจานลงตัว ใช้เวลาในการทำเท่ากัน และรูปร่างเจริญตา หากขนาด ความหนาและความยาวไม่เท่ากันแล้วละก็ มันจะทำให้อาหารจานเดียวกันมีรสชาติหลายแบบ พื้นผิวและความสุกดิบไม่เท่ากัน และไม่เจริญตา”

ดวงตาอันงดงามของเพ่ยเพ่ยเปล่งประกายพลางเอ่ยชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “น้องเฉินซี ทักษะการใช้มีดของเจ้าไม่แย่เลยสักนิด”

ผู้อาวุโสหม่าจ้องเพ่ยเพ่ยเขม็ง ก่อนจะสั่งเสียงแข็ง “ฝานให้มันบางเป็นเส้นด้ายเสีย!”

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะจดจ่ออยู่กับเขียงอีกครั้งเพื่อฝานให้มันเป็นเส้นด้าย แน่นอนว่าความต้องการในความแม่นยำนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงไม่คิดสะเพร่าอีก

ฉับ! ฉับ! ฉับ!

มีดทำครัวเป็นดั่งปรอทหกลงบนพื้น เมื่อมันร่วงลงมาจากที่สูงซึ่งถูกถักทออย่างแน่นหนา และเส้นด้ายปลีนั้นบางราวเส้นผม

เฉินซีรู้สึกราวกับว่าตนกำลังเขียนยันต์ มีดทำครัวกลายเป็นพู่กัน ปลีฝานนั้นกลายเป็นกระดาษเขียนยันต์ และทุกเส้นด้ายปลีกลายเป็นสัญลักษณ์ยันต์ซึ่งเฉียบคมราวคมดาบ

การวาดยันต์นั้นต้องให้รอยหมึกสม่ำเสมอกัน และทุกรายละเอียดต้องแม่นยำเนื่องจากมันเป็นตัวแทนของยันต์โดยรวม

การฝานปลีจนกลายเป็นด้ายก็เช่นกัน เนื่องจากมันต้องใช้ความยาวและความหนาเท่ากัน และเป็นทักษะที่เห็นได้จากการใช้มีดอย่างรวดเร็ว

หากให้พูดตามตรง ความยากของการฝานปลีเป็นเส้นด้ายนั้นต่ำกว่าการวาดยันต์มากนัก เนื่องจากการวาดยันต์นั้นมีมากกว่าเส้นตรงและมีการคุมแรงที่ต่างกันในหนึ่งรอย และมันยังใช้เต๋าในการขยับและแปรผันมากมายนัก ซึ่งถือว่าห่างไกลจากการขยับข้อมือเพื่อฝานเป็นเส้นด้าย

ดังนั้น หลังจากที่เขาเข้าใจกำลังแรงและความแม่นยำแล้ว ความรวดเร็วในการฝานของเฉินซีก็เพิ่มขึ้นฉับพลัน มีดทำครัวดูราวกับจะมีชีวิต เริงระบำเป็นจังหวะจะโคนพลางเคลื่อนคมไปข้างหน้า

“การเคลื่อนไหวของเขาไม่ลื่นไหลในตอนแรก แต่พอผ่านไปครึ่งทางกลับเข้าใจแก่นแท้ของมันเสียแล้ว หรือเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นเหมือนข้า อัจฉริยะด้านเต๋าทำอาหาร?” เฉียวหนานยกมือขึ้นจับคาง แสร้งทำท่าครุ่นคิด

“ไปตายซะ! เจ้าคนไร้ยางอายนี่!” เพ่ยเพ่ยที่อยู่ไม่ไกลนักกลอกตา ก่อนจะมองไปทางเฉินซีด้วยสายตาหลงใหลแล้วพึมพำ “ชายจริงจังน่ะหล่อที่สุด น้องเฉินซีเอ๋ย พี่สาวคนนี้กำลังรอให้เจ้ามารักข้าอยู่นะ ข้าจะรักเจ้าให้มากกว่าน้องหว่านฉิงแน่นอน…”

ครั้งนี้แม้แต่ไป๋หว่านฉิงยังอดรนทนไม่ได้ สองแก้มแดงซ่านด้วยโทสะและความอับอาย “เพ่ย! เพ้อเจ้อนัก!”

ถึงอย่างนั้น นางก็รู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ เมื่อเฉินซีได้รับคำชมจากทั้งเฉียวหนานและเพ่ยเพ่ยนั้นถือว่าห่างไกลจากจินตนาการของนางมากนัก

นัยน์ตาของผู้อาวุโสหม่าเป็นประกาย ทว่าสีหน้ายังคงไม่แยแสเช่นเคย

ในเมืองหมอกสนนี้ ตราบใดที่ความเป็นอยู่ไม่ได้แย่นัก ก็จะไม่มีเด็กคนใดได้อยู่ทำครัว เนื่องจากการทำอาหารนั้นถือว่าเป็นงานไม่จำเป็นและเปลืองเวลาในการฝึกฝน ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้นจนกว่าจะฝึกฝนจนเป็นพ่อครัววิญญาณได้ คนปกติซึ่งเป็นพ่อครัวก็ทำงานต่างคนรับใช้ และในฐานะนายเหนือหัวพวกเขา ก็แค่ต้องเพลิดเพลินไปกับผลิตผลของพวกเขาเท่านั้น

ดังนั้น หลังจากเห็นทักษะการใช้มีดของเฉินซี ใจของผู้อาวุโสหม่าก็สั่นวูบเล็กน้อย

แต่นี่ถือว่าห่างไกลนัก ในฐานะศิลปะการทำอาหารของเขาอยู่เหนือเมืองหมอกสน และตัวเขาเองก็เป็นพ่อครัววิญญาณระดับ 3 ใบไม้ ดังนั้นเขาจึงไม่รีบด่วนตัดสินใจในการรับคนเป็นศิษย์

เฉินซีวางมีดทำครัวลง บนเขียงนั้นมีด้ายปลีแบบบางและละเอียดอ่อนวางอยู่หนึ่งกองซึ่งส่องสว่างราวหิมะ เส้นหนึ่งนั้นละเอียดดั่งใยฝ้ายและส่องสดใส อีกทั้งยังเจริญตายิ่งนัก

“เฉินซี เก่งมาก!” ไป๋หว่านฉิงรีบเอ่ยชม

“ไม่เลว เจ้ามีทักษะครึ่งเดียวของข้าเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วล่ะนะ” เฉียวหนานเอ่ยจริงจัง

เพ่ยเพ่ยกลอกตาใส่เฉียวหนานผู้โอ้อวดตน ก่อนจะใช้มือบอบบางของนางรองใบหน้างดงามพลางพึมพำด้วยความหลงใหล “น้องเฉินซี ข้านั้นตกหลุมรักกับท่าทางจริงจังของเจ้าไปเสียแล้ว อา หรือว่านี่จะเป็นความรู้สึกที่ข้ามิอาจสลัดออกกันนะ?”

แม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดเขินเมื่อได้รับคำชมจากทั้งสาม แต่เฉินซีก็ยังรู้สึกสบายใจยามเงยหน้ามองไปทางผู้อาวุโสหม่า

“ฮึ! ทักษะการใช้มีดของเจ้ายังอีกยาวไกลนัก” สีหน้าของผู้อาวุโสหม่าเคร่งขรึมขึ้นพลางเดินไปข้างหน้า มือซ้ายของเขาหยิบด้ายปลีพู่ฟ้าในขณะที่มือขวาหยิบมีดทำครัว หลังจากนั้น ข้อมือของเขาก็สั่น และภาพชวนตกใจก็ปรากฏขึ้น

ด้วยด้ายปลีพู่ฟ้าเป็นเป้าหมาย มีดทำครัวความยาวราวหนึ่งฉื่อเริงระบำอย่างรวดเร็วในมือผู้อาวุโสหม่าจนเป็นภาพติดตา การเคลื่อนไหวของเขานั้นทั้งเป็นธรรมชาติและไหลลื่น

ดวงตาของเฉินซีเบิกกว้าง มองสิ่งที่เพิ่งเห็นเสียตาค้าง

“เขากำลังสลักดอกไม้” ไป๋หว่านฉิงกระซิบ “การสลักลายลงบนวัตถุดิบนั้นไม่เพียงแต่เจริญตาเท่านั้น แต่จะช่วยให้รสชาติเข้าไปผสมอยู่ข้างในได้ง่ายขึ้นระหว่างการทำอาหาร โดยเฉพาะเนื้อบางชนิดที่เต็มไปด้วยปราณวิญญาณ การสลักลวดลายลงไปบนพื้นผิวจะทำให้ปราณวิญญาณดูดซึมได้ง่ายขึ้น”

เฉินซีเข้าใจในที่สุด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองลับ ๆ “ผู้อาวุโสหม่าคงไม่ให้ข้าทำสิ่งนี้เป็นอย่างต่อไปหรอกใช่หรือไม่”

เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย เนื่องจากมีดทำครัวดูจะใหญ่เหลือเกินหากเทียบกับด้ายปลีซึ่งละเอียดราวกับใยฝ้าย ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการสลักลายดอกไม้เลย เขาคงทำมันขาดทันทีที่มันกระทบกับคมมีดเป็นแน่

ไป๋หว่านฉิงส่งเสียงฮึดฮัด “ฮึ! มันก็แค่ด้ายปลีเท่านั้น จะสลักลายไปไยกัน ไม่ต้องห่วง หากผู้อาวุโสหม่าขอให้เจ้าสลักดอกไม้ลงบนเส้นด้ายจริงละก็ นั่นแปลว่าเขาจงใจทำให้มันยากขึ้น ซึ่งข้าไม่ยอมแน่!”

“ข้าก็ไม่ยอมเช่นกัน” เพ่ยเพ่ยแทรกขึ้นมา นางจงใจเหลือบมองเฉินซีพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่า ‘พี่สาวจะอยู่ข้างเจ้าเอง’

เฉียวหนานแหงนหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ในเมื่อแม่นางไป๋ไม่เห็นด้วย ดังนั้นในฐานะสุภาพบุรุษแล้ว ข้าก็คงต้องไม่อนุมัติเช่นกัน”

ร่างของผู้อาวุโสหม่าซึ่งกำลังวุ่นกับมีดนิ่งงันไป ก่อนจะสะบัดข้อมือเพื่อโยนมีดทำครัวไปไกล ๆ แล้วกระทืบเท้าด้วยโทสะพลางตะคอก “ข้าให้โอกาสเขาได้มาเป็นศิษย์แล้วมันยังไม่พออีกหรือไร? ที่ข้าทำตอนแรกก็เพียงแค่เรียกฉายาเขา แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับรุมข้าไม่ปล่อยเนี่ยนะ?”

“โดนซะบ้างก็ดีแล้ว!” ไป๋หว่านฉิง เฉียวหนานและเพ่ยเพ่ยเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง

เฉินซีโอบกอดความรู้สึกนี้ไว้ในใจ เป็นความอบอุ่นที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน เขารู้ดีว่าด้วยทักษะการใช้มีดของเขาเพียงอย่างเดียวหากไม่ได้น้าไป๋คอยช่วยพูดแล้ว คนเหล่านี้คงไม่คิดจะเหลือบมองเขาด้วยซ้ำ

เขาอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ขึ้นมา น้าไป๋เป็นใครกันแน่? ไม่เพียงแต่รู้จักอาจารย์เมิ่งคงแห่งสำนักหมอกสนแล้ว แต่นางยังเข้ากันได้ดีกับพ่อครัววิญญาณทั้งสามคนอีกด้วย ไม่เหมือนกับผู้ช่วยครัวธรรมดาเลยสักนิดเดียว

ตอนก่อน
ตอนต่อไป
  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์