บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 278 เทือกเขาหมื่นพิษ
บทที่ 278 เทือกเขาหมื่นพิษ
กุ้งสวรรค์ตัวโตที่ยาวถึงสิบสองชุ่นถูกดองด้วยพริก… หน่อไม้วิญญาณฝานจนบางเท่าปีกของจักจั่น… เนื้อกวางสีครามที่ย่างจนน้ำมันสีทองหยดย้อยออกมา… เปาะเปี๊ยะเก้าสมบัติที่ทอดจนกรุบกรอบ… และหม้อน้ำแกงหางวิหคเพลิงที่คุกรุ่นถูกวางไว้บนโต๊ะ พวกมันล้วนมีสีสันน่ากินและส่งกลิ่นหอม ทำให้อากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวน
“กินสิ” เฉินซีจิบสุราเข้าไปเต็มคำก่อนจะยิ้มให้มู่ขุย
“นายท่าน ต่อให้ข้าไม่ต้องกินก็สามารถอยู่ได้” มู่ขุยรีบตอบด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอาหาร แต่เขากลับใช้น้ำเกลือเป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร และเขาก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าลองกินก่อน แม้ว่าพวกเราผู้บ่มเพาะจะสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหาร แต่การได้กินของอร่อยบางอย่างก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งเช่นกัน” เฉินซีส่งตะเกียบคู่หนึ่งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ขอบคุณขอรับนายท่าน” มู่ขุยไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงยกตะเกียบขึ้นและเริ่มคีบอาหารเข้าปาก เขาเพียงลิ้มรสหน่อไม้ที่ขาวราวกับหยกอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าปากและท้องของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและอธิบายไม่ได้ ทำให้ความอยากอาหารของเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาอีกชิ้น หลังจากนั้น เขาก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้และเริ่มกินอย่างตะกละตะกลามโดยไม่มีการยับยั้งเลยแม้แต่น้อย
“โฮก!” ไป๋คุยเงยหน้าขึ้นจากจานและจ้องมองมู่ขุยที่กำลังกินอาหารด้วยความไม่พอใจเพราะมันเห็นว่าอีกฝ่ายกินเร็วยิ่งกว่าตัวมัน จากนั้นมันจึงรีบฝังหัวของมันลงในจานอีกครั้งและเขมือบอาหารอย่างเต็มปากเต็มคำมากกว่าเดิม
เฉินซียิ้มบาง ๆ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและกลับไปที่ห้องโดยสารในเรือเหาะก่อนที่จะเริ่มทำสมาธิและบ่มเพาะ เหลือเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่งก่อนที่การชุมนุมดาวรุ่งจะเริ่มขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาในการการบ่มเพาะให้คุ้มค่าที่สุดและมุ่งมั่นที่จะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง มิฉะนั้น เขาจะไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งเดือน
ในวันนี้ เฉินซีตื่นขึ้นจากการทำสมาธิและสัมผัสได้ราง ๆ ว่า มีกระแสลมแปลก ๆ ซึ่งเบาบางราวกับเส้นผม พัดออกมาจากประตูชีวิตที่อยู่ใจกลางทะเลสาบปราณแท้ในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา และถ้าเขาไม่ใส่ใจมันอย่างระมัดระวัง เขาจะไม่สามารถสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจน
‘หรือว่านี่มัน… บททดสอบแห่งไฟและลมกำลังก่อตัวขึ้น และคงอีกไม่นานนักที่ข้าจะบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง!’ มุมปากของเฉินซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขายืนขึ้นและยืดแขนขาของเขาก่อนจะเดินไปที่หัวเรือ
เทือกเขาหมื่นพิษน่าจะอยู่ที่เบื้องหน้า มันมีขนาดมหึมาและทอดยาวออกไปนับหมื่นลี้ นอกจากนี้ ที่ด้านหลังของมันคือแม่น้ำอัสดงที่พาดผ่านผืนดิน ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างดินแดนทางตอนใต้กับที่ราบตอนกลาง…” เฉินซีหยิบแผ่นหยกแผนที่ออกมาและมองลงไปที่เบื้องล่าง ขณะที่เขาเปรียบเทียบภูมิประเทศกับแผนที่ในมือ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บแผนที่และสั่งมู่ขุยว่า “เราจะเริ่มสำรวจจากพื้นดินเมื่อเราไปถึงเทือกเขาหมื่นพิษ”
มู่ขุยรับคำสั่งของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ในช่วงครึ่งเดือนที่เฉินซีอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ เขามักจะคอยเฝ้าคุ้มกันจากทุกสิ่งรอบด้านเนื่องจากการบินอยู่กลางอากาศนั้นก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน มันจึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์นำมา ดังนั้น ถ้าพวกเขาเลือกที่จะสำรวจทางพื้นดิน แม้ว่ามันจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย แต่มันก็ค่อนข้างปลอดภัยกว่า
เทือกเขาหมื่นพิษนั้นทอดยาวออกไปไกลนับหมื่นลี้ และถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษที่หนาทึบอยู่ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ สัตว์มีพิษหลากหลายชนิดต่างก็อาศัยอยู่ภายในนั้น ยกตัวอย่างเช่น งู แมงป่อง แมงมุม ตะขาบ และคางคก หากผู้บ่มเพาะที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเข้าสู่เทือกเขา พวกเขาจะถูกโจมตีโดยสัตว์มีพิษเหล่านี้ ก่อนที่จะเสียชีวิตจากการติดพิษในที่สุด แม้ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเขาก็ยังต้องพกยาแก้พิษที่ทรงพลังก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในเทือกเขา
สองชั่วยามต่อมา เฉินซีเก็บเรือเหาะสมบัติและลงมาที่พื้นก่อนจะเข้าไปในเทือกเขาพร้อมกับมู่ขุย
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่พุ่งออกไปอย่างฉับพลัน และตะขาบพันขาที่โผล่ออกมาจากรอยแยกในหินก็ถูกฟันกลายเป็นสองท่อน ศพของมันหนาเหมือนถังไม้ กรงเล็บนับพันของมันเป็นสีดำสนิทและปกคลุมไปด้วยประกายสีน้ำเงินจาง ๆ เมื่อเลือดของมันไหลลงสู่พื้น ต้นไม้ในบริเวณนั้นจะเหี่ยวเฉาและล้มตายไปในทันที ส่วนผืนดินก็กลายเป็นสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึก และส่งกลิ่นเหม็นฉุนออกมา
‘สมควรแล้วที่มันถูกเรียกว่าเทือกเขาหมื่นพิษ ตลอดทางมานี้ ข้าพบกับสัตว์มีพิษไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยชนิด นอกจากนี้ พวกมันทั้งหมดก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำ อีกทั้งยังมีพิษร้ายแรงอยู่ในร่างกายเช่นกัน ดังนั้นข้าคิดว่าผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปคงไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน’
เฉินซีเก็บยันต์ศัสตราของเขาและคอยระแวดระวังอยู่ในใจ เหตุผลที่เขาเดินข้ามเทือกเขานี้ก็เพื่อบ่มเพาะเคล็ดวิชาการต่อสู้ของเขา สัตว์มีพิษที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนมีไหวพริบและเต็มไปด้วยอันตราย ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นมันจึงเป็นสนามฝึกซ้อมตามธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาจะไม่พลาดโอกาสเช่นนี้อย่างแน่นอน
เฉินซีมุ่งหน้าเข้าไปในเทือกเขาและมู่ขุยก็เฝ้าติดตามอยู่ที่ข้างหลัง ในขณะที่เขามองไปที่แผ่นหลังของเฉินซี หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม เดิมทีเขาคิดว่าตั้งแต่ขอบเขตการบ่มเพาะของเขาเหนือกว่าเฉินซี เขาอาจช่วยเหลืออีกฝ่ายได้มากขึ้น แต่หลังจากที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวที่เฉินซีเผยออกมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า แม้ว่าตอนนี้เขาจะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแล้ว แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อกรของเฉินซี
‘ไม่ได้การ! ข้าต้องใช้เวลาให้ดีที่สุดและบ่มเพาะเช่นกัน หากการบ่มเพาะของข้าล่าช้าเช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะกลายเป็นภาระอีกครั้ง…’ มู่ขุยลอบกำหมัดแน่น ขณะที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นอยู่ในใจ
ภายในหุบเขาลึก
หุบเขานี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็แตกต่างกับภูเขาที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ในบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิง หุบเขานี้แห้งแล้งและปกคลุมไปด้วยเศษก้อนหิน นอกจากนี้ ที่ใจกลางหุบเขาคือสระน้ำขนาดเล็กที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณสิบสองจั้ง และมีดอกบัวสีดำสนิทราวกับหมึกที่บานสะพรั่งอยู่ภายในสระแห่งนี้ ใบและลำต้นของมันเป็นสีดำสนิท ซึ่งปกคลุมไปด้วยละอองสีแดงเลือด ทำให้มันเผยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาและดูงดงามยิ่งนัก
ในขณะนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่บริเวณรอบ ๆ สระนี้ หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าพวกเขากำลังถูกปิดล้อม เพราะตรงข้ามพวกเขามีแมงมุมสีรุ้งที่มีขนาดเท่าหินโม่
แต่สิ่งที่น่าตกใจ คือแมงมุมสีรุ้งตัวนี้มีใบหน้าที่งดงาม แต่ตัวของมันกลับใหญ่โตและมีสีรุ้งพร้อมกับเนื้องอกที่น่าขยะแขยงจำนวนมากเติบโตบนตัวมัน และขาใหญ่ทั้งแปดข้างถูกปกคลุมไปด้วยประกายเย็นเยียบเหมือนใบมีดแหลมคม เมื่อมองจากระยะไกล แมงมุมสีรุ้งตัวนี้ดูแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของมันก็อาจทำให้หนังศีรษะด้านชาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น มีชั้นหมอกพิษปกคลุมร่างกายมหึมาของมันอยู่ ทำให้มันเป็นภาพที่งดงามซึ่งเผยให้เห็นกลิ่นอายของความอันตรายอย่างสุดขีด
“คุณหนู รีบหนีไปเร็วเข้า มิฉะนั้นจะสายเกินไป!”
“แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกนี้ต้องบ่มเพาะมานานกว่าพันปีเป็นอย่างน้อย และห่างจากการกลายร่างเป็นมนุษย์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง พวกเรายังไม่อาจเป็นคู่ต่อกรของมัน คุณหนู ท่านควรรีบหลบหนีไปเร็วเข้า!”
“รีบไปซะ! พวกเราจะหยุดมันไว้เอง!”
เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้นำโดยหญิงสาวในชุดสีเขียวหยกที่อยู่ตรงกลาง และเมื่อเผชิญกับสัตว์มีพิษที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยก ผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำสิบกว่าคน ต่างมีใบหน้าที่ดูกระวนกระวายใจ ในขณะที่พวกเขากล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ
“ข้าไม่ไป ถ้าเราตาย เราจะตายด้วยกัน! ข้าจะทอดทิ้งและเพิกเฉยต่อพวกท่านได้อย่างไร” หญิงสาวในชุดสีเขียวหยกมีรูปลักษณ์ที่งดงามยิ่ง แต่ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของนางกลับซีดเซียวอย่างน่าสยดสยอง ขณะที่นางส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่ต้องกล่าวถึงการที่ข้าร้องขอให้พวกเจ้ามาที่เทือกเขาหมื่นพิษ เพื่อค้นหาปทุมโลหิตหยกนิล ดังนั้นข้าจะไม่หนี!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขมวดคิ้วและกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “คุณหนู ถ้าท่านยังไม่จากไป แล้วเราจะมีสมาธิรับมือกับศัตรูของเราได้อย่างไร? แม้ว่าท่านจะอยู่ข้างหลังก็ไม่มีประโยชน์อันใด ดังนั้นควรรีบจากไปซะ!”
“ถูกต้อง คุณหนู ท่านรีบเอาปทุมโลหิตหยกนิลจากไปโดยเร็วที่สุด เราสามารถแลกเปลี่ยนมันเป็นอำพันทะเลจากหอขุมทรัพย์สวรรค์ เพื่อช่วยนายน้อยของตระกูลเฟิ่ง ส่วนทางนี้…”
“พวกเจ้าพอได้แล้ว!” หญิงสาวกล่าวตัดบท “การตายที่นี่ยังดีกว่าการทอดทิ้งพวกเจ้าเพื่อหลบหนี ตอนนี้ข้า…มีแต่พวกเจ้าที่จงรักภักดีต่อข้า”
“คุณหนู!” ใบหน้าของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาคอยเฝ้าดูหญิงสาวเติบโตขึ้นและมีความรู้สึกต่อนางอย่างลึกซึ้งเหมือนพ่อกับลูกสาว ดังนั้นเขาจะทนเห็นนางตายได้อย่างไร
ฟิ้ว!
ในขณะที่แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกโจมตี ขาทั้งแปดของมันแกว่งไกวไปรอบ ๆ ราวกับใบมีดที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าขณะที่พวกมันสับร่างของผู้คุ้มกันทันที จากนั้นมันก็พ่นใยแมงมุมออกมาพันรอบชิ้นส่วนของศพก่อนจะกลืนกินมันเข้าไปในท้องของมัน
“น้องเก้า!” ตาของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เกือบจะถลนออกมา เมื่อเขาเห็นพี่น้องของเขาถูกสังหารและถูกแมงมุมสีรุ้งกลืนกินทันที เขาจึงคำรามด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับฟันขวานขนาดมหึมาในมือออกไป จนเกิดประกายแสงพร่างพราย
เคร้ง! เคร้ง!
ขวานขนาดมหึมาสับเข้าที่หลังของแมงมุมจนเกิดเสียงดังโครมคราม แต่ประหนึ่งว่ามันได้สับลงบนโลหะที่แข็งแกร่งจนเกิดประกายไฟขึ้น และไม่อาจทำร้ายมันได้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม แมงมุมสีรุ้งกลับฉวยโอกาสนี้ ปลิดชีวิตผู้คุ้มกันอีกสามคนแทน
‘หืม? ดูเหมือนที่นั่นจะมีการต่อสู้ แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกตัวนั้นทรงพลังยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นกลางเป็นอย่างน้อย!’ มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นห่างจากหุบเขาราวสองลี้ และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
คนผู้นี้ย่อมคือเฉินซี เขาเดินทางผ่านเทือกเขามาเป็นเวลาสามวันสามคืน และได้พบกับแมงมุมพิษที่ทรงพลังมากมายระหว่างทาง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับแมงมุมที่น่าเกรงขามเช่นนี้
“กิ๊! กิ๊!” ในขณะนี้ แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกได้ส่งเสียงกรีดร้องขณะที่ขาทั้งแปดอันแหลมคมเหมือนใบมีดตวัดไปมาอีกครั้ง และมันมีร่องรอยของวิชากระบี่อย่างคลุมเครือ ทำให้มันดูเกรี้ยวกราดและดุร้ายเป็นอย่างมาก ทุกที่ที่มันกวาดผ่านไป อากาศโดยรอบจะถูกมันเฉือนออกจนเกิดเสียงหวีดหวิวอย่างรุนแรง
ในชั่วพริบตา ผู้คุ้มกันอีกสามคนก็ถูกแยกร่างและกลายเป็นอาหารอันโอชะในท้องของแมงมุมสีรุ้งตัวนั้น
“น้องหก! น้องเจ็ด! น้องสิบเอ็ด!” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่คำรามด้วยความโกรธแค้นและแทบจะคลุ้มคลั่ง ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจยิ่งกว่านั้นคือ แมงมุมสีรุ้งกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาคุณหนูของเขาด้วยความเร็ว!
เขาไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองอีกต่อไป จากนั้นก็เงื้อขวานขนาดมหึมาขึ้น ก่อนที่จะยืนขวางอยู่ที่เบื้องหน้าหญิงสาวด้วยความตั้งใจที่จะตัดขาของแมงมุมสีรุ้งที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
เคร้ง!
ขวานมหึมาของเขาถูกผ่าเป็นชิ้น ๆ โดยขาของแมงมุมตัวนี้แทน และมันได้สร้างบาดแผลฉกรรจ์บนหน้าอกของเขาในทันที ก่อนที่เขาจะกระเด็นปลิวไปตามแรงโจมตีครั้งนี้
“ท่านลุงหลัว!” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นความเด็ดเดี่ยวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ขาวราวหิมะของนาง หลังจากนั้นนางก็กำกระบี่ในมือแน่นและเคลื่อนตัวเพื่อโจมตีแมงมุม
“กิ๊! กิ๊!” ทว่าความแข็งแกร่งของนางก็ยังด้อยกว่าความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคน และมันไม่อาจสร้างภัยคุกคามในสายตาของแมงมุมได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้นางดูเหมือนเป็นอาหารอันโอชะที่มอบตัวเองให้แก่แมงมุมแทน มันจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องอย่างอิ่มเอมใจ ก่อนจะเหวี่ยงขาของมันเพื่อฟันออกไป
ฟิ้ว!
หญิงสาวในชุดสีเขียวหยกกำลังจะถูกขาของแมงมุมผ่าครึ่งที่เอว ทันใดนั้นประกายแสงเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้น ราวกับดวงแสงที่ผุดออกมาจากอากาศอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีกระแสปราณที่แหลมคมและดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แผ่ออกมา และมันได้ทะลวงไปที่ใบหน้าอันงดงามของแมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกโดยตรง
เคร้ง! เคร้ง!
ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวได้ทะลวงผ่านร่างกายของมันและอาละวาดอยู่ภายในร่างของแมงมุม ผ่าร่างที่แข็งแกร่งของแมงมุมออกเป็นชิ้น ๆ และร่วงหล่นลงบนพื้นทันที
หญิงสาวถอยกลับอย่างเร่งรีบหลังจากที่นางรอดพ้นจากความตาย จากนั้นนางก็มองไปที่แมงมุมสีรุ้งเปลวเพลิงหยกที่กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยสายตาหวาดกลัวและหวั่นวิตก ราวกับว่านางไม่กล้าเชื่อว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่
“คุณหนู ท่านปลอดภัยหรือไม่!” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่นอนอยู่บนพื้น ในขณะที่เอามือปิดบาดแผลไว้ แต่ก็ไม่อาจห้ามเลือดไม่ให้หยุดไหลได้ ยิ่งไปกว่านั้น เลือดของเขาก็เป็นสีม่วงเข้ม เห็นได้ชัดว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้เขาติดพิษร้าย
หญิงสาวเหม่อมองอย่างว่างเปล่าขณะที่นางส่ายศีรษะ จากนั้นนางก็กลับมามีสติและรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ พร้อมกับกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านลุงหลัว แมงมุมตัวนั้นตายแล้ว มันตายแล้ว!”
“คุณหนู เป็นผู้อาวุโสคนนั้นช่วยชีวิตเราไว้ รีบไปขอบคุณผู้อาวุโสคนนั้นเร็วเข้า” ริมฝีปากของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง แต่เขากลับยันกายขึ้นอย่างแข็งขันพร้อมกับกล่าวในขณะที่มองไปยังระยะไกล
หญิงสาวตกตะลึง จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมอง ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงกำลังเดินเข้ามาหานาง รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลา ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายและไม่ธรรมดา แต่เขากลับไม่มีรูปลักษณ์ของ ‘ผู้อาวุโส’ ที่นางคาดหวังเลยแม้แต่น้อย และดูคล้ายกับคนที่อายุไล่เลี่ยกับนางเสียมากกว่า
“ผู้อาวุโส ข้าขอขอบคุณสำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิต” หญิงสาวในชุดสีเขียวหยกโค้งคำนับขณะที่นางกล่าว แม้ว่านางจะประหลาดใจกับอายุของเฉินซี แต่นางก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ในโลกแห่งการบ่มเพาะนี้มีผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์จำนวนมาก และบางคนไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะรุ่นเก่าเสียด้วยซ้ำ
“มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ขณะที่เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวไปตามแรงลม เฉินซีก็มาถึงสระน้ำและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาจึงพบว่ามีเพียงหญิงสาวและชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่เท่านั้นที่ยังคงเหลือรอดอยู่
“ผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนั้น? หากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าเกรงว่าคุณหนูและข้าคงจะต้องจบชีวิตลงที่นี่…” ชายวัยกลางคนตัวสูงกัดฟันแน่นขณะที่เขายืนขึ้น เขาหอบหายใจอย่างรุนแรงในขณะที่เอามือป้องปาก
“เจ้าถูกพิษร้าย ดังนั้นเจ้าควรนั่งลงและรีบโคจรเคล็ดวิชาบ่มเพาะของเจ้าเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ มิฉะนั้นชีวิตของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย ข้าพอจะมียาแก้พิษอยู่ เจ้าจงรับไปเถอะ” เฉินซีส่ายศีรษะขณะที่เขาส่งเม็ดยาให้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ หลังจากที่เขาทำทั้งหมดนี้เสร็จ สายตาของเขาก็สังเกตเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจว่า ภายในสระน้ำมีดอกบัวสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึกบานสะพรั่งอยู่และมันปกคลุมไปด้วยหมอกสีเลือด ทำให้มันดูงดงามเป็นอย่างมาก