บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 400 สิบสองอันดับแรก
บทที่ 400 สิบสองอันดับแรก
ซูเจี้ยนคงพ่ายแพ้!
เหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่บนกลางอากาศซึ่งยังไม่เริ่มการต่อสู้ ต่างเผยสีหน้าเคร่งขรึม
ศึกระหว่างเฉินซีกับซูเจี้ยนคงนั้นดุเดือดยิ่งนัก คนหนึ่งใช้เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ ส่วนอีกคนใช้วิชากระบี่สวรรค์ปฐพีและกระบี่ฝันร้ายไร้รูป แม้ว่าเต๋าแห่งกระบี่ของพวกเขาจะแตกต่างกัน ทว่าทั้งคู่ต่างมีทักษะการโจมตีที่สูงมาก และพวกเขาต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ดุดัน ยากหาใครเทียบ พานให้หัวใจของทุกคนเต้นแรง
ทว่าที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย!
นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนกระทั่งซูเจี้ยนคงพ่ายแพ้ คนผู้นี้ยังคงสุขุม ไม่รีบร้อน และผ่อนคลายมาโดยตลอด ความเข้าใจในเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบของเขานั้นถึงจุดสูงสุด จนทำให้ผู้ชมที่อยู่ไกลออกไปแทบจะหยุดหายใจ
ในทางกลับกัน ซูเจี้ยนคงอยู่ในสภาพที่สิ้นหวังและเกือบจะเสียสติ เขาไม่สามารถบังคับให้เฉินซีใช้พละกำลังอย่างเต็มที่ได้ด้วยซ้ำ
…พลังต่อสู้ของเฉินซีน่ากลัวเพียงใด สามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายจากสถานการณ์นี้!
“เฉินซีชนะ!”
“ข้าว่าแล้วว่าเขาจะต้องเป็นม้ามืดที่เจิดจรัสที่สุดในการชุมนุมดาวรุ่งอย่างแน่นอน!”
“น่าทึ่งยิ่งนัก! นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะกระบี่อย่างนั้นหรือ? เต๋าแห่งกระบี่นั้นเป็นสุดยอดวิชาสังหารบนโลกนี้โดยแท้”
เสียงอึกทึกดังขึ้นทั่วทั้งนครหลวงธารสายไหม ขณะที่ผู้บ่มเพาะจากทั่วทุกสารทิศพูดคุยถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาด้วยความตื่นเต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเห็นถึงความแข็งแกร่งของเฉินซีอย่างชัดเจนในการต่อสู้ครั้งนี้ และพากันชื่นชมราวกับว่าเห็นดวงดาวที่เริ่มแจ้งเกิด
เฉินซีลอยจากสังเวียนปีศาจสังหาร กลับมายืนกับฟ่านอวิ๋นหลานและเจิ้นหลิวชิงกลางอากาศ
ขณะเดียวกันสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เฉินซี
‘พละกำลังของเจ้าเด็กนี่มากล้น กระบี่ที่เขาถือครองอยู่ยังเป็นสมบัติวิเศษที่น่าเกรงขามอีกด้วย ข้ามั่นใจว่าคงยากนักที่จะหาใครมาต่อกรกับเขาได้’
‘แม้แต่ผู้บ่มเพาะกระบี่บางคนยังน่าสะพรึงกลัวกว่าผู้บ่มเพาะดาบเสียอีก คนอื่น ๆ คงต้องระมัดระวังให้มากหากเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้’
‘หากข้าต่อสู้กับเขา คงต้องรักษาสภาพจิตใจให้สงบเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นเหมือนซูเจี้ยนคงอย่างแน่นอน’
ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ในยี่สิบสี่อันดับแรกครุ่นคิดอยู่ในใจ พวกเขาเริ่มระมัดระวังมากขึ้นหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งที่เฉินซีเผยออกมา
สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องระวังมากที่สุดก็คือ เฉินซีไม่ได้มีเพียงแค่การบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่อันน่ายำเกรงเท่านั้น เขายังมีการบ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูรและครอบครองพลังอิทธิฤทธิ์อีกมากมาย เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถเหลือคณานับเช่นนี้ มันจึงไม่มีใครกล้าประมาท
“ฮ่า ๆ ยินดีด้วยสหายเต๋าเป่ยเหิง พละกำลังของเจ้าเด็กน้อยเฉินซีนั้นพิเศษจริง ๆ…” บรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีกำลังรับชมการต่อสู้อยู่เช่นกัน และเมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีผ่านเข้ารอบอย่างราบรื่น ก็มีคนแสดงความยินดีกับเป่ยเหิงในทันที
เป่ยเหิงยิ้มขณะที่เขาขานตอบทีละคน ตอนที่ผู้คนมารวมกันที่พระราชวังธารสายไหมก่อนหน้านี้ เขาเป็นเหมือนผู้โดดเดี่ยวที่แทบไม่มีใครรู้จัก ทว่าขณะที่มองดูผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่ยิ้มแย้มขณะชวนสนทนากับตนในตอนนี้ ความหดหู่ในใจของเป่ยเหิงก็พลันหายไป เขารู้สึกสุขใจล้นเหลือ
เมื่อเทียบกับความภาคภูมิใจและความพึงพอใจของเป่ยเหิงแล้ว ใบหน้าของจ้าวจื๋อเหม่ยผู้เป็นบรรพชนขอบเขตเซียนปฐพีแห่งนิกายสวรรค์ปฐพีกลับซีดเผือด หลินโม่เซวียน ศิษย์สูงสุดของนิกายสวรรค์ปฐพีถูกเฉินซีสังหาร และตอนนี้ซูเจี้ยนคงก็พ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่ายเช่นกัน ผลลัพธ์นี้ทำให้เขาแทบกระอักเลือด!
“การต่อสู้คู่ที่สอง หวงฝู่ฉางเทียนปะทะอันเชี่ยนอวี้!” เสียงของขุนนางฝ่ายบุ๋นดังก้องอีกครั้ง
หวงฝู่ฉางเทียนเป็นเหมือนกับหวงฝู่ฉงหมิงน้องชายของเขา ซึ่งบ่มเพาะกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่เรียกว่าหมัดทะลวงนภาเก้าพญาอสรพิษ หมัดกระบวนยุทธ์ที่ว่านี้ได้เผยปราณที่น่าสะพรึงกลัวออกมา พญาอสรพิษทั้งเก้าตนพุ่งทะลุท้องนภา ฟาดฟันท้องนภาและทำลายผืนดิน รูปแบบการต่อสู้ของเขานั้นดุดันและโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ทำให้ดูเหมือนเทพเจ้าสงครามที่กำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
พละกำลังของอันเชี่ยนอวี้ก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ทว่าเมื่อเผชิญกับหวงฝู่ฉางเทียนที่เหนือกว่าชายหนุ่มในทุกด้าน ดังนั้นเมื่อผ่านไปเพียงไม่ถึงสิบกระบวนท่า หมัดของหวงฝู่ฉางเทียนพลันทุบเข้ากลางอกของอีกฝ่าย ทำให้ฝั่งตรงข้ามกระเด็นออกไปไกล ชีวิตเกือบจะดับสิ้น
ดุดันยิ่งนัก!
หลังจากที่พวกเขาเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ ความรู้สึกเดียวกันก็ปรากฏขึ้นในใจของผู้คนพร้อมกัน ลักษณะการต่อสู้ที่หวงฝู่ฉางเทียนเผยออกมานั้นแข็งแกร่งเกินใครเทียบได้ มันช่างทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
หวงฝู่ฉางเทียนชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
“การต่อสู้คู่ที่สาม ชิงซิ่วอี้ปะทะหวังเต้าซวี่!”
ขณะที่ผู้คนกำลังดื่มด่ำกับการต่อสู้ของหวงฝู่ฉางเทียน การประกาศศึกครั้งที่สามทำให้บรรดาผู้บ่มเพาะในนครหลวงสายธารไหมตื่นเต้นในทันที
ชิงซิ่วอี้!
เพียงแค่ชื่อก็เพียงพอที่จะดึงดูดสายตาของทุกคน
นางเป็นเซียนสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดเพียงหนึ่งเดียวในราชวงศ์ซ่งจนถึงบัดนี้ เป็นอัจฉริยะแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในหมู่สหายของนาง ทั้งยังเหมือนกับหญิงสาวแห่งสรวงสวรรค์จากต่างโลกผู้ลงมาจุติยังแดนดิน
ทว่าตอนนี้ ร่างที่เหมือนกับหญิงสาวแห่งสรวงสวรรค์กำลังจะขึ้นสังเวียนประลองพร้อมแสดงท่าทางสง่างามอย่าหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะเช่นนั้นแล้วจะมีใครบ้างที่จะไม่ตื่นเต้นดีใจ?
แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่มองไปยังสังเวียนปีศาจสังหารก็ยังรู้สึกใคร่รู้อย่างมาก
เมื่อเผชิญหน้ากับสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างชิงซิ่วอี้ หวังเต้าซวี่ก็รับรู้ได้ถึงรสชาติอันขมขื่น ทว่าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ยังคงอยู่ และพลังต่อสู้ที่เขาเผยบนสังเวียนประลองก็ดูพิเศษยิ่ง
ทว่าสุดท้ายก็ยังแพ้อยู่ดี เพราะพละกำลังของเขาด้อยกว่าชิงซิ่วอี้มาก เพียงแค่การโจมตีปกติของนางก็สามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่อาจต้านทานได้แล้ว และเขามั่นใจว่าจะแพ้พ่ายแน่นอน
“การต่อสู้คู่ที่สี่…”
“การต่อสู้คู่ที่ห้า…”
การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมายปรากฏขึ้นคู่แล้วคู่เล่า ทำให้บรรดาผู้บ่มเพาะในนครหลวงธารสายไหมแทบจะลืมหายใจ ขณะถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความตกใจ แม้แต่คนรุ่นเก่าที่มีการบ่มเพาะอย่างลึกซึ้งก็เฝ้าดูอย่างระมัดระวังและจริงจัง ก่อนจะเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจเป็นครั้งคราว
การต่อสู้ผ่านไปคู่แล้วคู่เล่า นอกจากเจิ้นหลิวชิง ฟ่านอวิ๋นหลาน และนายน้อยโจวแล้ว สหายที่เหลือของเฉินซีก็ถูกคัดออกจนหมด
อันเชี่ยนอวี้พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของหวงฝู่ฉางเทียน
หวังเต้าซวี่ถูกปราบภายใต้เงื้อมมือของชิงซิ่วอี้
หวงฝู่ฉิงอิงเอาชนะฮวาโม่เป่ยได้
ทั้งสามคนที่พ่ายแพ้นั้นไม่อาจถือเป็นความอยุติธรรม เพราะแท้จริงแล้วพละกำลังของพวกเขากับของคู่ต่อสู้นั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก
ในที่สุด การต่อสู้รอบที่สามของทั้งสิบสองคู่ก็ยุติลง สิบสองอันดับแรกได้รับการคัดเลือกแล้ว!
พวกเขาคือเฉินซี หวงฝู่ฉางเทียน ชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ หวงฝู่ฉิงอิง ฟ่านอวิ๋นหลาน เจิ้นหลิวชิง นายน้อยโจว หลิงอวี๋ อวี๋เซวียนเฉิน ซูเฉิน และลู่เซียว
บุคคลส่วนใหญ่ในสิบสองคนนี้ได้รับการชื่นชมจากผู้คนตั้งแต่ก่อนเริ่มการชุมนุมดาวรุ่ง พวกเขาคือสุดยอดผู้บ่มเพาะหนึ่งในล้านที่ไม่ธรรมดาและหาผู้ใดเทียบไม่
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เฉินซี ฟ่านอวิ๋นหลาน และลู่เซียวคือม้ามืดที่ปรากฏท่ามกลางความเงียบงันเพื่อต่อสู้ฝ่าฟันมาถึงจุดนี้ หลังจากผ่านด่านทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ชื่อเสียงของพวกเขาจึงกลายเป็นที่รู้จักของทุกคน ณ ที่นี้
“พวกเจ้าทั้งสิบสองคนคือสิบสองอันดับแรกในการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้ ทุกคนจะได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าซึ่งบรรจุความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าเอาไว้” ณ พื้นที่สูงเสียดฟ้า จักรพรรดิซ่งกล่าวอย่างเฉยเมยขณะกะพริบตา
ทันทีที่สิ้นคำกล่าว กล่องหยกทั้งสิบสองกล่องพลันปรากฏกลางอากาศและเหาะไปยังเฉินซีและคนอื่น ๆ
โอสถทิพย์กำเนิดเต๋า! อีกทั้งยังบรรจุความลึกล้ำแห่งมหาเต๋า!
แม้ทราบมานานแล้วว่าของรางวัลสำหรับบททดสอบสุดท้ายนั้นมีค่ามหาศาล ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม และรู้สึกริษยาอย่างยิ่งเมื่อได้ยินจักรพรรดิซ่งประกาศด้วยตัวเอง
แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ยังรู้สึกอิจฉา โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าเป็นโอสถชั้นเลิศที่เซียนสวรรค์กลั่นด้วยตัวเอง โดยสกัดกฎแห่งเต๋ารู้แจ้งของตนไปผสมกับสมบัติวิเศษต่าง ๆ ในโลกา มันสามารถทำให้รู้แจ้งในความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าโดยพลัน เป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องพึ่งโชคเท่านั้นถึงจะได้มันมา!
เฉินซีและคนอื่น ๆ ยื่นมือรับกล่องหยก
จิตสัมผัสเทพของเขารู้สึกได้!
‘หืม? มหาเต๋าแห่งโลหะ…’ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย เขารู้แจ้งในมหาเต๋านี้มานานแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าชนิดนี้ไร้ประโยชน์สำหรับเขา
ทว่าเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากเต๋ารองที่มีอยู่มากมาย ในบรรดามหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลก มหาเต๋าที่พบมากที่สุดคือมหาเต๋าแห่งธาตุทั้งห้า หยิน หยาง ลม สายฟ้า และอื่น ๆ อาทิ ปารมิตา การลืมเลือนและความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าอื่น ๆ ที่เขาคว้าได้นั้นจัดอยู่ในกลุ่มความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าระดับที่หายาก และแทบจะหาที่ใดไม่พบ
‘การครอบครองโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าซึ่งบรรจุมหาเต๋าแห่งโลหะนั้นไม่ใช่เรื่องแย่ ในสายตาของผู้อื่น มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาใฝ่ฝันที่จะได้มา และข้าจะไม่ยอมเสียมันไปเด็ดขาด บางทีข้าอาจจะเก็บไว้ให้เฉินอวี่น้อยได้’ เฉินซีเก็บความคิดไว้พลางวางกล่องหยกไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
“ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าดูจากการแสดงความสามารถของพวกเจ้า ศิษย์สองคนจากสิบสองอันดับแรกจะถูกคัดออก และอีกสิบคนที่เหลือจะเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย” จักรพรรดิซ่งพลันกล่าว
สองคนจะถูกคัดออก?
ทันใดนั้นทั้งนครหลวงธารสายไหมก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด สายตาของผู้คนจ้องมองไปยังเฉินซีและคนอื่น ๆ ราวกับต้องการวิเคราะห์ว่าสองคนใดที่แสดงความสามารถออกมาได้น้อยที่สุด
แน่นอนว่าคำตัดสินของจักรพรรดิซ่งครั้งนี้ดูจะไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่น้อย เพราะทั้งสิบสองคนนี้ผ่านประสบการณ์การต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนและมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ ดังนั้นการคัดออกสองคนในคราวเดียวจึงดูโหดร้ายเกินไป
ทว่าในขณะนี้ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง เนื่องจากผู้ที่กล่าวสิ่งนี้ออกมาคือจักรพรรดิซ่ง และกฎเกณฑ์ทั้งหมดในการชุมนุมดาวรุ่งพระองค์ก็เป็นคนกำหนด ดังนั้นผู้ใดจะกล้าโต้เถียงกันเล่า?
ในตอนนี้ เฉินซีและคนอื่น ๆ รู้สึกวิตกกังวล
ฟิ้ว!
สายตาของจักรพรรดิซ่งราวกับสายฟ้าฟาด ขณะพิเคราะห์เฉินซีและคนอื่น ๆ แม้เขาจะยังไม่กล่าวอะไร ทว่าความกดดันอันไร้ซึ่งเสียงได้ส่งผลให้ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงความกังวลใจที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาได้!