บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 421 กำลังใจจากทั่วทั้งเมือง
บทที่ 421 กำลังใจจากทั่วทั้งเมือง
อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะถึงวันที่เจ็ด
วันที่เจ็ดดูเหมือนจะเป็นเพียงวันที่แตกต่างจากวันที่หก แต่ทุกคนก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า หากเฉินซีสามารถยืนหยัดอยู่ในสระมังกรแปลงจนกระทั่งเจ็ดวัน ไม่เพียงแต่เขาจะทำลายสถิติของชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงได้อย่างสิ้นเชิง แต่เขาจะสร้างสถิติที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์สำหรับเฉินซี!
ทว่า…
ตอนนี้สภาพของเฉินซีนั้นแย่มาก ภายใต้แรงกดดันของแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่รุนแรง หนักหน่วง และกว้างใหญ่ เขาแทบไม่อาจรักษาสถานะที่ไม่หวั่นไหวจากสายลมแห่งอารมณ์ทั้งแปดที่จู่โจมเข้ามา
ร่างกายของเขาแทบจะจมอยู่ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากทั้งภายในและภายนอก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตนเองได้ ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปอย่างน่าสยดสยอง
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนี้น่าสะพรึงจนอธิบายไม่ได้ มันได้ทำลายร่างกายและเจาะเข้าไปในจิตใจจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และมันก็เกิดขึ้นจนเฉินซีไม่สามารถหลบหนีออกจากสระมังกรแปลงได้ ยิ่งไปกว่านั้น จิตของเขาไม่เพียงแต่ห้ามฟุ้งซ่าน แต่เขายังต้องตั้งสมาธิ ด้วยวิธีนี้เอง ทำให้ความเจ็บปวดทางจิตใจและร่างกายของเขาบรรเทาลง
วิธีนี้ดำเนินไปอย่างยาวนานกว่าครึ่งชั่วยาม
ก่อนที่จู่ ๆ แก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่อยู่ภายในสระมังกรแปลงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกมันก็เหมือนค้อนยักษ์จำนวนมากที่ทุบลงบนเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น เส้นลมปราณ จุดชีพจร และจิตวิญญาณของเฉินซีอย่างดุเดือด ทำให้สติของเขาค่อย ๆ เลือนราง
แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีขีดจำกัดต่อความเจ็บปวดที่พวกเขาจะสามารถทนได้ และเฉินซีเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ทว่าเขาเพียงแค่ต้านทานมันได้โดยไม่รู้ตัว และชายหนุ่มก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่เขาได้ดูดซับนั้นมาถึงระดับใดแล้ว
เขาเริ่มไอเป็นเลือดอย่างไม่รู้จบ
ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
แม้กระทั่งรูขุมขนทั่วร่างของเขาก็ยังมีร่องรอยของเลือดสีทองอ่อน ๆ ไหลซึมออกมา
เมื่อมองจากระยะไกล เขาดูเหมือนเรือลำน้อยที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรอันเต็มไปด้วยคลื่นรุนแรงและไร้ขอบเขต ชายหนุ่มต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกคลื่นที่ซัดสาดและโหมกระหน่ำ ซึ่งมันอาจจะทำให้เรือลำน้อยนี้จมลงได้ทุกเมื่อ
ทุกคนล้วนตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าในขณะนี้เฉินซีใกล้จะพังทลายลงแล้ว เนื่องจากคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่โหมกระหน่ำใส่เขา ทำให้แนวป้องกันในร่างกายและจิตใจใกล้จะพังทลาย
และอีกเพียงหนึ่งก้านธูป แสงแห่งรุ่งสางของวันที่เจ็ดก็จะสาดส่องลงมา!
…
เจิ้นหลิวชิงขบริมฝีปากของนางแน่น นางกำหมัดแน่นจนเล็บของนางจมลึกลงไปในฝ่ามือกระทั่งเลือดไหลรินออกมา แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้สังเกตเห็น
ความรู้สึกวิตกกังวลที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนได้ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้ลืมแม้กระทั่งการหายใจ ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังเฉินซีที่อยู่ในสระมังกรแปลง
ร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยว และร่างกายของเจ้าตัวก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาเป็นเหมือนฟางที่อยู่ท่ามกลางพายุและคลื่นรุนแรง มันเปราะบาง ต่ำต้อย แต่ก็อดทน และไม่หวั่นเกรง
เจิ้นหลิวชิงกัดฟันแน่น นางต้องการจะไปช่วยเฉินซี แต่นางก็อดทนต่อแรงกระตุ้นนี้ในท้ายที่สุด เพราะนั่นคือความพากเพียรของเฉินซี ซึ่งเป็นการท้าทายตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้!
“เฉินซี เจ้าต้องพยายามเข้านะ!”
เจิ้นหลิวชิงเอ่ยในใจซ้ำไปซ้ำมา แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง
นางรู้ตัวเองดีว่าร่างสง่าสูงโปร่งที่มีใบหน้าดั่งชายชาตรี ซึ่งมีจิตวิญญาณแห่งการยืนหยัดโดยไม่ย่อท้อ แม้ชีวิตจะต้องตกอยู่ในความเสี่ยงนั้นได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของนาง และมันก็พิชิตใจนางได้อย่างสมบูรณ์!
ในยามนี้ นครหลวงธารสายไหมนั้นเงียบสนิทจนกระทั่งได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างที่ยังยืนหยัดอยู่ภายในสระมังกรแปลง และสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
อันดับหนึ่งในการจัดอันดับมังกรซ่อนของดินแดนทางใต้… เป็นคนเดียวที่สามารถเอาชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งของการชุมนุมธารทอง… ผู้บ่มเพาะคนแรกและคนเดียวที่รอดชีวิตจากการลอบสังหารของตำหนักตะวันดำ… และเป็นอันดับหนึ่งของการชุมนุมดาวรุ่ง…
ก่อนหน้านี้ ทุกคนเห็นเพียงตำแหน่งอันแพรวพราวที่เฉินซีได้รับ ซึ่งพวกเขาต่างก็รู้สึกริษยา ชื่นชม และไม่พอใจ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นความพยายามอันยิ่งใหญ่ ความมานะบากบั่น และหยาดเหงื่อที่เขาได้จ่ายให้กับความรุ่งโรจน์นี้ การท้าทายของเฉินซีที่เอาชีวิตเข้าเสี่ยงนั้นชนะใจทุกคนได้อย่างสมบูรณ์!
ในขณะนี้ เขาเป็นผู้บ่มเพาะที่แท้จริงในหัวใจของทุกคน
เขาคู่ควรกับตำแหน่งยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของราชวงศ์ซ่งอย่างเต็มตัว และปราศจากข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้!
ภายในฝูงชน มีคนตะโกนออกมาว่า “เฉินซี เจ้าต้องยืนหยัดให้ได้!”
“สู้ต่อไป!!”
หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเช่นกัน แม้ว่าเสียงนั้นมันจะเบาบางก็ตาม
“พยายามเข้า!”
ผู้คนเริ่มตะโกนมากยิ่งขึ้น
“อดทนไว้!”
ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหมได้ละทิ้งตัวตนของพวกเขาและเพิกเฉยต่อท่าทางเก่าก่อน พวกเขาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้นราวกับคลื่นยักษ์ที่พัดผ่านไปทั่วทั้งนครหลวงธารสายไหม และเสียงเหล่านั้นก็เผยให้เห็นถึงความคาดหวัง การแสดงความเคารพ และการให้กำลังใจ
“ยืนหยัด!”
แม่ทัพใหญ่เป็นคนที่สงวนคำพูดอยู่เสมอ เขาเป็นดั่งเหล็กกล้าที่เยือกเย็น ซึ่งความสงบและความเยือกเย็นของเขาเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดเสมอมา แต่จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของความตื่นเต้นและการสั่นไหวที่ปรากฏขึ้นอยู่ในการเต้นของหัวใจที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า
ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้เขาสับสนมึนงง และรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งเหนี่ยวรั้งอยู่ในใจ ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่ดังออกมาและพร้อมใจจากทุกคนในเมือง เขาจึงรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด และความรู้สึกที่เก็บกดไว้ในอกของเขาก็ระเบิดออกมา ทันใดนั้น เขาก็ยืนขึ้นและตะโกนออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ สีหน้าที่เยือกเย็นและเคร่งขรึมของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“ยืนหยัด!” ในขณะนี้ เหล่าชายกำยำท่าทางกล้าหาญต่างก็ตื่นเต้นจนฉีกเสื้อของพวกเขาออกมา เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่า และดวงตาของพวกเขาก็แดงก่ำขณะที่คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ยืนหยัด!” ใบหน้าของคนหนุ่มสาวทุกคนต่างก็แดงก่ำขณะที่พวกเขาตะโกนจนสุดปอด ในขณะที่เสียงของผู้บ่มเพาะสตรีก็ยังมีร่องรอยของการสำลัก
“ยืนหยัด!” ใบหน้าของย่าชิง อวิ๋นน่า เหยียนเยียน ตู้ชิงซี และคนอื่น ๆ ล้วนเต็มไปด้วยน้ำตา พวกนางต่างก็พากันกำหมัดแน่น
“ยืนหยัด!” ยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดยืนขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่สนใจตัวตนของพวกเขาอีกต่อไป จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนออกมา
ทั่วทั้งนครหลวงธารสายไหมเต็มไปด้วยเสียงตะโกนอันลือลั่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เสียงเหล่านี้เป็นดั่งเสียงฟ้าร้องที่สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า ราวกับกระแสน้ำที่พุ่งออกมาจากการพังทลายของภูเขา มันดังกึกก้องไปทั้งฟ้าดิน ซึ่งผู้คนได้โห่ร้องและให้กำลังใจต่อคนคนเดียวกัน
แต่เมื่อมันลอดผ่านเข้าไปในหูของเฉินซี มันก็แค่สิ่งที่หนึ่งผ่านไปและเลือนรางจนไกลออกไปเรื่อย ๆ เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะฟังคำกล่าวเหล่านี้แล้ว สติของเขาถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงจนแทบสิ้นสติ
ภายใต้ท้องฟ้าผืนนี้ จักรพรรดิซ่งได้ยินเสียงผู้คนตะโกนให้กำลังใจเฉินซี สีหน้าของจักรพรรดิซ่งยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขากลับปั่นป่วนอย่างรุนแรง ในขณะนี้ ร่องรอยของความตื่นเต้นอันหาได้ยากพลันปรากฏขึ้นในดวงจิตแห่งเต๋าของเขาที่ได้รับการบ่มเพาะมานับไม่ถ้วน!
“ไม่เกิดความริษยาจากสวรรค์หรือความริษยาจากมนุษย์ เขาใช้เจตจำนงและปณิธานอันสูงสุดเพื่อพิชิตใจทุกคนในเมือง เจ้าหนูคนนี้… เป็นคนที่สวรรค์โปรดปรานจริง ๆ!” จักรพรรดิซ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะมองไปยังร่างกายของเฉินซีที่สั่นสะท้านมากขึ้น มันถี่ขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขามองไปยังใบหน้าอันเจ็บปวดของเฉินซี จักรพรรดิซ่งก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้มหนักว่า “เฉินซี!”
ร่างของเฉินซีที่อยู่ภายในสระมังกรแปลงถึงกับสั่นสะเทือน
“เมื่อหลายปีก่อน เจ้าถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวยที่ทุกคนในเมืองหมอกสนต่างก็เยาะเย้ย ตระกูลของเจ้าถูกทำลายล้าง บิดามารดาของเจ้าหายสาบสูญ และปู่ของเจ้าก็ถูกสังหาร…”
“เจ้าเคยคิดที่จะแก้แค้นให้แก่คนในตระกูลที่จากไปหรือไม่?”
“เจ้าเคยตามบิดามารดาที่หายสาบสูญไปหรือไม่?”
“เจ้าเคยคิดอยากจะให้ศัตรูชดใช้ด้วยเลือดของพวกมันบ้างหรือไม่?”
“ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าเคยคิดเรื่องเหล่านี้บ้างแล้วหรือยัง? เจ้าได้ทุ่มเทออกไปทั้งหมดแล้วหรือยัง? เจ้าได้ยืนหยัดจนถึงที่สุดแล้วหรือยัง? เจ้าเต็มใจที่จะยอมแพ้เช่นนี้หรือ?”
จักรพรรดิซ่งได้ใช้เคล็ดวิชาขั้นสูงสุดในการพูดเพียงไม่กี่คำ ซึ่งทุก ๆ คำก็เหมือนเสียงของเต๋าและสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มันดังกึกก้องและระเบิดออกมากระทั่งสั่นคลอนจิตวิญญาณของเฉินซี
ร่างกายของเฉินซีแข็งค้างไปทันที จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง บนใบหน้าที่ซีดเผือดของเขาเริ่มมีรอยแดงปรากฏขึ้น ฝ่ามือของเขากำแน่น!
“เฉินซี อีกเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น…” จักรพรรดิซ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้มหนักว่า “จงยืนหยัด!”
“ยืนหยัด!” ผู้บ่มเพาะทุกคนตะโกนพร้อมกันสุดเสียง
ร่างกายของเฉินซีสั่นไหวรุนแรงมากขึ้นราวแผ่นดินไหว พลังมังกรและแรงกดดันจากแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรที่อาบไปด้วยสีทองยิ่งแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น ถึงขั้นที่วิญญาณมังกรที่แท้จริงซึ่งอยู่รอบ ๆ สระมังกรแปลงต่างก็กำลังส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ในช่วงเวลาต่อมา คลื่นยักษ์ที่ควบแน่นจากแก่นแท้ต้นกำเนิดมังกรได้ถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรงและไร้ความปรานี และมันกำลังจะจมเอาร่างของเฉินซีที่ใกล้จะพังทลาย
“ยืนหยัด…” ริมฝีปากของเฉินซีสั่นสะท้าน พร้อมกับเสียงอันแหบแห้ง เสียดหู และแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกจากปากของเขา
“เจ้าเต็มใจให้เป็นเช่นนี้หรือ?”
“เจ้าเต็มใจยอมแพ้เช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
คำพูดเหล่านี้ดังก้องอยู่ในจิตใจของเขา
ความไม่เต็มใจและความเดือดดาลเกิดขึ้นพร้อมกับสิ่งนี้ จากนั้นมันก็พรั่งพรูไปทั่วร่างกายของเขา มันเหมือนกระแสน้ำอันไหลเชี่ยว เหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ และพลังงานที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย ในขณะที่ริมฝีปากสีซีดที่บิดเบี้ยวของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดื้อรั้นและไม่ยอมใคร!